everY
ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 82-83 #นิยายวาย
บทที่ 83
เมื่อสัมผัสได้ว่าหยดน้ำฝนบนฝ่ามือของตัวเองทำให้เส้นผมของเขาเปียกชื้น เซี่ยงไหวจือก็ชักมือกลับมา หลุบตาลงรอคำตอบของเขาเงียบๆ
จิ่งฮวนกำลูกบิดประตูไว้ กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอนั้นไม่ง่ายเลย เขาเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “พี่…รู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่”
เซี่ยงไหวจือพูด “ลู่หังบอก”
ความจริงก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาสองคนกลับมาด้วยกัน เซี่ยงไหวจือก็ตั้งใจสังเกตเป็นพิเศษ หลังจากจิ่งฮวนเดินเข้าไปในตึกหลังใหญ่ ผ่านไปไม่กี่นาทีแสงไฟในชั้นนี้ก็สว่างขึ้นมา
เรื่องนี้ถ้าพูดออกไปก็ดูเหมือนจะโรคจิตไปหน่อย ดังนั้นเขาเลยโยนขี้ไปให้ลู่หังซะเลย
จิ่งฮวนส่งเสียง “อ้อ” ตอบรับ
เซี่ยงไหวจือยื่นกล่องของขวัญให้เขา
จิ่งฮวนรับมันมาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน ก่อนจะเอ่ยปากพูดรีบๆ โดยไม่มองมันแม้แต่แวบเดียว “ขอบคุณครับ”
เฮ้ย นี่มันอะไรวะเนี่ย!
บอกแล้วไงว่าหายป่วยจะไปมอบตัวเอง! ทำไมตอนนี้ดันมาจับกันถึงหน้าประตูบ้านล่ะเนี่ย!!!
จิ่งฮวนกลืนน้ำลายลงคอ ความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นมาจากลำคอทำให้เขาได้สติขึ้นมาเต็มๆ
เซี่ยงไหวจือเหล่มองรอยแยกของประตูที่เปิดออกเล็กน้อย จากนั้นจึงแกว่งถุงที่อยู่ในมือไปมา
ไม่รู้ว่าทำไมจิ่งฮวนจับสังเกตได้แล้วก็ยังไม่ยอมเปิดเผยความจริงกับเขา เซี่ยงไหวจือก็ได้แต่เล่นละครไปกับอีกฝ่าย
เขาว่า “ลู่หังเป็นไข้ ฉันเลยแวะซื้อยาลดไข้ไปให้มันด้วย ไหนๆ นายก็เป็นไข้เหมือนกัน งั้นให้นายก่อนแล้วกัน”
“…”
เป็นไข้กับผีน่ะสิ
เมื่อกี้ยังกระดี๊กระด๊าคุยกับฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ!
จิ่งฮวนรู้ดีว่านี่เป็นยาที่เซี่ยงไหวจือซื้อมาให้เขาโดยเฉพาะ จึงกัดฟันรับมา “ผมเกรงใจจัง ขอบคุณนะครับ”
จิ่งฮวน ให้ตายยังไงนายก็ต้องนิ่งไว้นะ นายไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ตราบใดที่ทักษะการแสดงของนายดีพอ หมัดของเซี่ยงไหวจือก็จะไม่ทำอะไรนาย
เซี่ยงไหวจือสวมเสื้อโค้ตสีเขียวเข้ม ยิ่งเปียกฝนสีก็เข้มขึ้นไปอีก
หลังจากรู้ว่าตัวเองไม่สบายจิ่งฮวนก็ปิดหน้าต่างมิดชิด ทั้งยังดึงม่านลงเลยไม่รู้ว่าด้านนอกฝนตก
“พี่เปียกฝนเหรอครับ” จิ่งฮวนว่า “ไม่ได้เอาร่มมาเหรอ”
เจตนาเดิมของเขาคือคิดจะให้เซี่ยงไหวจือยืมร่มสักคัน แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกฝ่ายตัดบทซะก่อน
“อืม” เซี่ยงไหวจือพูด “ขอยืมห้องหลบฝนก่อนได้ไหม”
จิ่งฮวน “…” เวร!!!
ชั่วขณะนั้นจิ่งฮวนถึงกับขนลุกซู่…
เอาไงดีล่ะ คอมพิวเตอร์เขายังเปิดยูสเซอร์เกมค้างไว้อยู่เลย จะทำยังไงดี
นายจะให้ฉันแสดงยังไงวะ ต่อให้ดาราออสการ์มาอยู่นี่ก็เล่นละครต่อไปไม่ได้หรอก!!!
ปฏิเสธไปเถอะ ไล่ออกไปเลย!
บอกไปว่าตอนนี้ป่วยจนรู้สึกไม่ดี! บอกไปว่าห้องสกปรกให้ใครเห็นไม่ได้! บอกไปว่าอยู่กับคนอื่นไม่สะดวกรับแขก!
เซี่ยงไหวจือถาม “ไม่ได้เหรอ”
“…” จิ่งฮวนหัวใจเต้นตุบๆๆ แต่ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง จากนั้นจึงเปิดประตูออกช้าๆ เหมือนกำลังแง้มโลงศพตัวเอง “ได้ครับ ได้อยู่แล้ว”
ทันทีที่เซี่ยงไหวจือก้าวเข้าไปก็มองเห็นชั้นวางรองเท้าที่สูงจนถึงเอวของเขา ด้านในทุกชั้นอัดแน่นไปด้วยรองเท้าผ้าใบ แต่ละคู่ราคาไม่ใช่ถูกๆ เลย
เป็นธรรมดาที่ผู้ชายจะรกไม่เรียบร้อยมากกว่าผู้หญิง บนพื้นบริเวณโถงทางเข้าด้านหน้ายังมีรองเท้าวางระเกะระกะอยู่ด้านข้างอีกสองสามคู่ ถึงอย่างนั้นแม้จะดูรกรุงรังแต่ในอากาศไม่มีกลิ่นแปลกๆ เลย
จิ่งฮวนอยากเอาสลิปเปอร์สักคู่มาให้เซี่ยงไหวจือ แต่ก้มหน้าหาอยู่นานถึงคิดได้ว่าในบ้านของตัวเองมีสลิปเปอร์แค่คู่เดียวเท่านั้น
ดังนั้นเขาเลยถอดสลิปเปอร์ออก “อันนี้เป็นสลิปเปอร์ของผม พี่ทนๆ ใส่ไปก่อนแล้วกัน”
“ไม่ต้องหรอก นายใส่เองดีกว่า” สายตาของเซี่ยงไหวจือยังคงจับจ้องอยู่ที่ชั้นรองเท้าและแกล้งถามเหมือนไม่ได้สนใจ “นายชอบรองเท้าบาสมากเหรอ”
คำตอบแล่นมาถึงริมฝีปาก แต่ถูกจิ่งฮวนฝืนกลืนกลับเข้าไปอีกครั้ง
เขายืนอยู่กับที่พร้อมแผ่นหลังเหยียดเกร็ง
เดี๋ยวก่อนนะ…
ก่อนหน้านี้เขาสร้างเรื่องว่าเป็นสาวน้อยผู้น่าสงสารที่พ่อแม่หย่าร้างและมีชีวิตอยู่อย่างยากจนข้นแค้นใช่ไหม
เซี่ยงไหวจือพิจารณาอยู่สักพักก็เข้าใจ
รองเท้าที่วางอยู่ในชั้นบนสุดของตู้มีราคาแพงที่สุด ส่วนคู่ถูกๆ ก็จะอยู่ด้านล่างสุด คู่ที่วางเอาไว้ข้างนอกก็แพงแสดงว่าเป็นคู่ที่ใส่บ่อยๆ
ใบหูของจิ่งฮวนร้อนผ่าวขณะเค้นประโยคหนึ่งออกมา “พวกนี้เป็นของก๊อปเกรดเอครับ”
เซี่ยงไหวจือถาม “คุณลุงคุณป้ายอมให้นายใส่ของก๊อปด้วยเหรอ”
“…” เขาลืมไปว่าเซี่ยงไหวจือเคยเจอพ่อแม่เขามาก่อน
จิ่งฮวนรู้สึกหนาวขึ้นมาอีกหลายส่วน เขาอยากกลบเกลื่อนคำโกหกแต่ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เนียน
เซี่ยงไหวจือยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนมองไม่เห็นแต่ก็ไม่ได้แกล้งเขาต่อ “ไปกินยาก่อนเถอะ”
น้ำร้อนที่จิ่งฮวนต้มเอาไว้ก่อนหน้านี้แทบจะมองเห็นก้นหม้ออยู่แล้ว เขารินน้ำให้เซี่ยงไหวจือแก้วหนึ่ง เมื่อเดินออกจากห้องครัวก็เห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่บนโซฟาโดยที่สายตาจับจ้องไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา
จิ่งฮวนแทบจะถือแก้วน้ำเอาไว้ไม่อยู่
ซวยแล้ว
ทำไมตอนแรกเขาถึงต้องเห็นแก่ความสบายจนเช่าบ้านที่ไม่มีห้องนอนด้วยนะ
บ้านที่จิ่งฮวนเช่ามีห้องแยกแค่ห้องน้ำกับห้องครัวเท่านั้น ดังนั้นทั้งเตียง โซฟา และโต๊ะจึงอยู่ในห้องนั่งเล่นทั้งหมด ดูปลอดโปร่งสะดวกสบาย เป็นห้องแบบที่เขาชอบและเหมาะที่จะอยู่คนเดียว
แต่ตอนนี้เขากลับนึกย้อนเสียใจ เสียใจสุดๆ ไปเลย
เขาบังคับตัวเองให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะเอาแก้วไปวางตรงหน้าเซี่ยงไหวจือ
“พี่เพิ่งเปียกฝนมา กินน้ำร้อนสักหน่อยสิครับ…”
“นายเล่น Nine Heroes ด้วยเหรอ”
บรรยากาศเงียบสนิท ลมหายใจของจิ่งฮวนถี่กระชั้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ก็เล่นไปงั้นๆ แหละครับ” ทันใดนั้นจิ่งฮวนก็ไอออกมาสองสามครั้งแล้วหยิบยาที่อยู่บนโต๊ะเพื่อบังคับให้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ยาพวกนี้ต้องกินครั้งละกี่เม็ดเหรอครับ”
เซี่ยงไหวจือเบนสายตากลับมา เขาหยิบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ อันหนึ่งออกมาจากถุงพลาสติก เมื่อเปิดออกก็พบว่ามันเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิผ่านทางช่องหู
จิ่งฮวนเอื้อมมือไปหยุดเขา “ไม่ต้องแกะหรอกครับ อันนี้…” ผมก็มี
…?
จิ่งฮวน นายกำลังทำอะไรอยู่ เครื่องวัดอุณหภูมิของนายมันวัดอุณหภูมิไม่ได้นะ!!
เซี่ยงไหวจือช้อนตาขึ้น “หืม?”
“เอ่อ…” จิ่งฮวนคิดถึงคำโกหกสมัยประถมของตนเองก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ผมใช้ไม่เป็น”
เซี่ยงไหวจือไม่ได้พูดอะไร เขาโยนคู่มือไปด้านข้าง ก่อนจะหยิบเครื่องวัดอุณหภูมิทางช่องหูที่สวมฝาครอบหูเรียบร้อยแล้วหันกลับมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นจับใบหูของจิ่งฮวน
ปลายนิ้วของเขายังคงเย็นเฉียบ จิ่งฮวนรู้สึกชาวาบที่ใบหูจึงคิดจะหลบโดยไม่รู้ตัว
เซี่ยงไหวจือเอื้อมมือไปกดคออีกฝ่ายไว้
“อย่าขยับ” เขาถือเครื่องวัดอุณหภูมิเอาไว้ หลังจากมั่นใจว่ามันสามารถใช้ได้แล้วเขาก็สอดปลายด้านหน้าเข้าไปในหูของจิ่งฮวน
จิ่งฮวนนั่งอึ้งอยู่บนโซฟา จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะเอามือเท้าไปวางไว้ตรงไหนดี
ตั้งแต่เล็กจนโตถึงจิ่งฮวนจะไม่ใช่พวกขาใหญ่ แต่เขาก็นับว่าเป็นเสี่ยวป้าหวัง ในช่วงวัยต่อต้านถ้าเขาไม่ยั่วโมโหคนอื่น คนอื่นก็ไม่กล้ามาหาเรื่องเขา ไม่ว่าจะเป็นการต่อยตีหรือการสอบ เขาก็ไม่เคยหวาดหวั่นมาก่อน
ทว่าตอนนี้เวลานี้เขากลับรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าวจนเอาไปทอดไข่ดาวได้เลย
บ้าเอ๊ย นี่คือค่าตอบแทนของการโกหกสินะ!
ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปฉันไม่กล้าอีกแล้ว
เครื่องวัดอุณหภูมิน่าจะวางอยู่ในหูของเขาเพียงแค่สิบวินาทีเท่านั้น แต่ต่อให้น้อยกว่านี้จิ่งฮวนก็ยังรู้สึกว่ามันยาวนานยิ่งกว่าการสอบข้าราชการร้อยนาทีซะอีก จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของคนข้างกายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“สามสิบแปดจุดเก้า”
จิ่งฮวนตกใจ “สูงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
เซี่ยงไหวจือหลุบตาลง
เมื่อสบตากันม่านตาของจิ่งฮวนก็สั่นไหวเล็กน้อย ภายในใจก็รู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา
“ผมวัดตอนตื่นยังไม่ถึงสามสิบแปดเลยนะครับ” จิ่งฮวนละสายตาไป “จริงๆ นะ”
เซี่ยงไหวจือโยนที่ครอบหูลงถังขยะก่อนเปิดกล่องยา
“อันนี้กินตอนไข้ขึ้นครั้งละสองเม็ด” นิ้วมือเรียวยาวของเซี่ยงไหวจือหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากในถุงพลางพูดไปด้วย “อันนี้กินทุกวัน วันละสองครั้ง ครั้งละหนึ่งเม็ด”
จิ่งฮวนจ้องมองนิ้วมือของเขา มือของเซี่ยงไหวจือสวยมากจริงๆ ขนาดผู้ชายอย่างเขายังคิดแบบนี้เลย มันทั้งยาวทั้งตรง
“อันนี้…” เซี่ยงไหวจือเหลือบมองเขา “นายยังฟังอยู่หรือเปล่า”
จิ่งฮวนได้สติกลับมา “ครับ!”
กระทั่งกินยาเข้าไปแล้วจิ่งฮวนถึงได้รู้สึกว่าท่าทางที่ตัวเองแสดงออกไปเมื่อกี้นี้มันค่อนข้างเยอะไปหน่อย
ตั้งแต่จำความได้เขาก็ไม่เคยให้ใครมาคอยดูแลเขากินยาอีกเลย
พอเห็นเขากินยาเสร็จเซี่ยงไหวจือก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเช็ดปอยผมบนหน้าผากของเขาลวกๆ
จิ่งฮวนถึงเพิ่งจะตระหนักได้ “เดี๋ยวผมไปเอาผ้าขนหนูมาให้พี่นะ”
“ไม่ต้องหรอก นี่ก็แห้งไปประมาณนึงแล้ว”
สายฝนที่อยู่ด้านนอกค่อยๆ แรงขึ้น เม็ดฝนกระทบลงบนกระจกจนเกิดเสียงเปาะแปะดังชัดเจน
จิ่งฮวนกำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่จู่ๆ โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา
เขาปลดล็อกหน้าจอดูก็พบว่าเป็นการโทรจากวีแชต
มาจากชิวเฟิง
ทั้งสองคนอึ้งไป คราวนี้จิ่งฮวนมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วมาก เขารีบตัดสายนั้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ทันการ
ซวย!
นี่มันคือการฉวยโอกาสเอาชีวิตกันตอนที่กำลังล้มป่วยเหมือนในนิยายสินะ!!!
ชิวเฟิง ?
ชิวเฟิง ได้ของที่สั่งหรือยัง AFK ถึงเวลาแล้วนะ เธอกลับมากดใหม่อีกรอบสิ
การ AFK ใน Nine Heroes จะมีการจำกัดจำนวนรอบการโจมตี ถ้าโจมตีเกินสี่สิบรอบจะต้องกดปุ่ม AFK อีกรอบไม่อย่างนั้นตัวละครจะยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
“ของที่สั่ง?” เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วดูเป็นธรรมชาติมาก
“อืม ผมสั่งยาน่ะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่มาเลย…”
จิ่งฮวนพิมพ์ข้อความท้าสายตาแผดเผาจากทางด้านขวา
เสี่ยวจิ่งยา นายเตะฉันออกเลย!
ชิวเฟิง อา ไม่เป็นไร เธอจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน ฉันจะ AFK รอเธอ ยังไงอีก 10 นาทีมอนสเตอร์ในป่าก็คงถูกฆ่าหมดแล้ว พวกมันคงยังไม่เกิดใหม่หรอก
เสี่ยวจิ่งยา นายอย่ารอฉันเลย!
เสี่ยวจิ่งยา เตะฉันออกไปเถอะ!
วันนี้ฉันคงกลับไปเล่นไม่ได้แล้ว
ชิวเฟิง เธอเป็นอะไรหรือเปล่า O.O
ชิวเฟิง ไม่ต้องห่วง เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดูมา หัวใจเพรียกหา AFK อยู่ในเเดนเซียนเผิงไหล เขาจับพวกเราไม่ได้หรอก [กะพริบตา] [เขิน]
ฮัลโหล?
ระหว่างเรามีเรื่องอะไรให้เซี่ยงไหวจือต้องมาจับด้วยเหรอ
ฉันไปทำอะไรให้นายโกรธแค้นไม่ทราบ ถึงต้องมาแก้แค้นฉันแบบนี้???
จิ่งฮวนไม่อยากแม้แต่จะตอบเลยล็อกหน้าจอไปทันที
เซี่ยงไหวจือมองดูเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะเอ่ยถาม “กำลังทำภารกิจอะไรอยู่เหรอ”
“…” จิ่งฮวนปิดเสียงโทรศัพท์ “เคลียร์แผนที่ป่าครับ”
พูดจบเขาก็เสริมอีกประโยค “เคลียร์แบบเป็นทีมน่ะครับ ผมฆ่ามอนสเตอร์ไม่ได้ พอดีเจอคนในกิลด์ก็เลยไปเข้าตี้ด้วย”
เซี่ยงไหวจือถาม “ไม่ไปกด AFK อัตโนมัติเหรอ”
จิ่งฮวนส่ายหน้า “AFK ได้แค่สี่สิบรอบ ยุ่งยากเกินไป…อีกอย่างเดี๋ยวผมว่าจะพักผ่อนแล้ว เลิกเล่นก่อนดีกว่า”
หน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง ด้านบนล้วนเป็นข้อความของชิวเฟิง
ชิวเฟิง ล้อเล่นน่า ฮ่าๆ
ชิวเฟิง ไม่งั้นเธอเอาไอดีมาให้ฉันสิ เดี๋ยวฉันช่วยเธอตีเอง
ชิวเฟิง เธออยากได้วัตถุดิบอะไรล่ะ ฉันจะได้ดูให้ว่าฉันมีเยอะหรือเปล่า
ฉันไม่ต้องการอะไรแล้วโว้ย ไสหัวไป๊!
จิ่งฮวนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยเอื้อมมือไปวางโทรศัพท์คว่ำหน้าไว้บนโต๊ะ
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูด คนที่อยู่ข้างๆ ผุดลุกขึ้นยืน
“ถึงฉันจะไม่ได้เล่นมานานแล้วแต่ก็ยัง AFK เป็นนะ” เซี่ยงไหวจือพูด “ไม่เป็นไร นายไปนอนเถอะ เดี๋ยวฉันเคลียร์ให้นายเอง”
จิ่งฮวนเบิกตาโพลง เขานึกอยากจะคว้าเสื้อเซี่ยงไหวจือเพื่อหยุดอีกฝ่ายไว้โดยสัญชาตญาณแต่ก็หยุดไม่ทัน เซี่ยงไหวจือขายาวมาก เดินไปแค่สองก้าวก็ถึงหน้าคอมพิวเตอร์ของเขาแล้ว อีกฝ่ายขยับเม้าส์ไปมา ภาพพักหน้าจอที่ปรากฏอยู่บนคอมพิวเตอร์ก็หายไปทันที
เซี่ยงไหวจือประคองเม้าส์ของเขาเอาไว้แล้วเปิดโหมด AFK ด้วยความชำนาญ “นายเล่นไอดีผู้หญิงเหรอ”
“…” จิ่งฮวนพูดด้วยความเศร้า “ไอเทมไอดีผู้ชายแพงไป เล่นไอดีผู้หญิงประหยัดกว่า…”
สายตาของเซี่ยงไหวจือมองลงไปด้านล่าง ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้อง “อ้อ” ขึ้นมาเบาๆ “แถมยังแต่งงานแล้วด้วย”
จิ่งฮวนยู่หน้า “อืม ก็…”
เขาติดอ่างอยู่นานแต่ก็คิดคำแก้ตัวที่สมเหตุสมผลไม่ออกสักอย่าง ดังนั้นเขาจึงตะเกียกตะกายลุกขึ้นเดินมาที่ด้านหลังเซี่ยงไหวจือ “เดี๋ยวผมทำเอง ไม่รบกวนพี่ดีกว่า”
ขณะนั้นเสียงชิวเฟิงก็ดังออกมาจากลำโพง
ชิวเฟิงส่งเสียงร้อง “เอ๋? เสี่ยวจิ่งจิ่งกลับมาแล้วเหรอ”
ชิวเฟิงใช้การ์ดเสียงซึ่งเป็นเสียงผู้ชายเจ้าชู้ตามมาตรฐานทั่วไป คำว่า ‘เสี่ยวจิ่งจิ่ง’ ที่พูดออกมาจากปากของเขาจึงแตกต่างจากที่ถนนยาวไกลพูดอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้ที่จิ่งฮวนรู้สึกอึดอัดในการใส่หูฟัง เขาเลยเชื่อมต่อลำโพง ประสิทธิภาพของมันก็เลยยิ่งชัดเจนเข้าไปอีก
หนังตาของจิ่งฮวนกระตุกเบาๆ
ขณะที่เขากำลังคิดจะพูดอะไรสักอย่างก็เห็นเซี่ยงไหวจือกด F5 ไปทันที…มันคือปุ่มพูดในเกมนั้นเอง
จิ่งฮวนตัวชาวาบ เขารีบก้มลงไปปิดไมค์ของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่แม้แต่จะคิดก่อนที่จะพูดขึ้นมา “อย่านะ พี่ชาย…”
ฉันเปิดโปรแกรมแปลงเสียงเอาไว้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!!!
ถึงฉันจะทำตัวหน้าไม่อาย แต่ฉันจะปล่อยให้นายขายหน้าไปกับฉันไม่ได้เด็ดขาด!!!
การกระทำของเซี่ยงไหวจือหยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา
เมื่อเห็นว่าเขาปล่อยปุ่ม F5 ไปแล้ว จิ่งฮวนก็พรูลมหายใจตามไปด้วย “พี่ชาย ไมค์ของผม…”
เซี่ยงไหวจือถาม “รู้จักเรียกพี่ชายด้วยเหรอ”
จิ่งฮวน “…”
ฮะ เดี๋ยวนะ นี่ฉันเพิ่งเรียกว่าพี่ชายออกไปเรอะ
จิ่งฮวนอึ้งไปทันทีก่อนจะค่อยๆ หวนคิด
“ผมว่าจู่ๆ ผมคงพูดติดอ่างน่ะ” จิ่งฮวนกะพริบตาปริบๆ “พี่เชื่อไหม”
เซี่ยงไหวจือเลิกคิ้วใส่เขาเงียบๆ
“งั้นก็ได้” จิ่งฮวนก้มหน้าดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่สองวินาทีก็ถอดใจ
เขาเล่นละครต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ
“พูดต่อสิ” เซี่ยงไหวจือถือขาตั้งไมโครโฟนพลางถาม “ไมค์นี่มันเป็นอะไร”
“ก็…เปิดแล้ว…นั่นน่ะ”
“นั่นอะไรล่ะ”
จิ่งฮวนพูดออกมาทีละคำอย่างยากลำบาก “เครื่อง…แปลงเสียง”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ จะเหลือก็แต่เสียงระบายความร้อนของคอมพิวเตอร์ที่ดังหึ่งๆ
จิ่งฮวนอับอายจนแทบระเบิด แต่นี่เป็นความตายที่เขาทำตัวเอง คงโทษใครไม่ได้ เขากลืนน้ำลายลงคอพลางกำชายเสื้อแน่น “ขอโทษครับ พี่…พี่ต่อยผมเหอะ!”
เซี่ยงไหวจือรู้สึกขบขันกับท่าทางยอมรับความตายของเขา แต่บนใบหน้าของเจ้าตัวกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเลื่อนไมโครโฟนออกไปไกลๆ แล้วลุกขึ้นพูด “อืม นายหลับตาสิ”
จิ่งฮวนหัวใจหล่นวูบ จากนั้นก็ยอมหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม
เขากัดฟันรอคอยหมัด เมื่อเบื้องหน้ามืดมิดลงความรู้สึกทั้งหมดก็ประเดประดังเข้ามา ทั้งอับอาย ตื่นตกใจ หวาดกลัว…รวมทั้งความเสียใจ
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังเสียใจเรื่องอะไร เขาไม่ได้กลัวถูกต่อยแต่เพียงคิดว่าคนที่กำลังจะต่อยเขาคือเซี่ยงไหวจือ…เขาก็รู้สึกอึดอัดสุดๆ
รออยู่สิบวินาทีก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จิ่งฮวนรอจนรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย เหมือนมีมีดจ่ออยู่บนศีรษะของเขา จะแทงก็ไม่แทงลงมาจนรู้สึกอึดอัดไปหมด
เขาทนไม่ไหวจนนึกอยากลืมตามอง แต่หนังตาของเขายังไม่ทันเปิดขึ้นความอุ่นร้อนก็ประทับลงบนแก้มของเขาซะแล้ว
เป็นฝ่ามือของชายหนุ่มที่ปัดผ่านใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา แรงเท่านี้อย่าว่าแต่ตีเลย มันไม่นับว่าเป็นการตบด้วยซ้ำ…ถ้าจะให้อธิบายจริงๆ คงต้องบอกว่าเป็นการลูบ หรือไม่ก็เป็นการทำ ‘ด้วยความทะนุถนอม’
ตอนเด็กๆ พ่อเขามักจะลูบผมของเขาแบบนี้บ่อยๆ จิ่งฮวนคิดว่าที่เซี่ยงไหวจือทำในตอนนี้เหมือนจะมีอะไรมากกว่าพ่อเขาอยู่นิดหน่อย แต่อะไรที่มากกว่านั้นเขาเองก็บอกไม่ถูก
เขารู้แค่ว่าตอนนี้หัวใจของตัวเองเต้นแรงอย่างกับกลองรัว มันดังยิ่งกว่าเสียงสายฝนด้านนอกนั่น ดังจนเหมือนจะได้ยินไปทั้งโลกอย่างไรอย่างนั้น
“เอาล่ะ ลืมตาได้” เซี่ยงไหวจือพูด
จิ่งฮวนลืมตาขึ้นมาช้าๆ ลึกลงไปในดวงตาฉายแววงุนงง
แค่นี้เนี่ยนะ
จบแล้วเหรอ
จิ่งฮวนยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่อยากเชื่อและสงสัยนิดๆ ว่าตัวเองคงกำลังฝันไป
เซี่ยงไหวจือนั่งลงบนเก้าอี้ ในเกมชิวเฟิงยังคงส่งข้อความมาในกล่องแชตเพื่อถามว่าจิ่งฮวนปิดไมค์หรือเปล่า ทำไมไม่พูดอะไรออกมาเลย
เซี่ยงไหวจือกวาดตามองเนื้อหาบทสนทนาก่อนจะถามคนข้างๆ “ออกจากตี้ได้ไหม ไม่อยากเห็นเขาพูดพล่ามไร้สาระ”
จิ่งฮวนถูกเรียกสติกลับมาจึงตอบไปโดยไม่แม้แต่จะคิด “ได้ครับ”
เอาตามที่พี่สบายใจเลย
หรือพี่จะให้ผมเปิดโหมด PK กับหมอนั่นก็ได้
* เสี่ยวป้าหวัง เป็นฉายาของพระเจ้าซุนเซ็ก กษัตริย์ในยุคสามก๊ก เป็นแม่ทัพที่มีจิตใจห้าวหาญ ไม่กลัวใคร
** ฟาร์ม หมายถึงการเก็บเงินหรือเก็บเลเวลจากการตีมอนสเตอร์หรือเล่นโหมดง่ายๆ
**หมายเหตุ : ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบู
—
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 29 ก.ย. 65