ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 84-85 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 84-85 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 85

วันรุ่งขึ้น เซี่ยงไหวจือก็ตื่นเพราะเสียงดังๆ ของลู่หัง

“เรื่องนี้ฉันทำคนเดียวไม่ไหวหรอก…มันนอนอยู่อะ ฉันแนะนำให้เธอไปหากลุ่มนักฆ่านะ พวกเราช่วยเธอไม่ได้หรอก…”

เซี่ยงไหวจือมองเพดานสีขาว เมื่อหลายนาทีก่อนหน้านี้ทั้งร่างจมอยู่ในห้วงความฝัน

จิ่งฮวนหลับตายืนอยู่ตรงหน้าเขา ขนตาสั่นไหวเบาๆ เพราะความกังวล ริมฝีปากบางเม้มแน่น กำลังรอคอยให้ตัวเขาทำอะไรสักอย่าง

เซี่ยงไหวจือหลับตาลงอีกครั้ง หลังจากนั้นสักพักเขาก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียง

เขาไม่ได้รีบร้อนลงจากเตียง เพียงแค่ยกมือขึ้นลูบผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดจนสว่างวาบ

 

เสี่ยวจิ่งยา ขอบคุณครับพี่…ผมไข้ลดลงแล้ว

เสี่ยวจิ่งยา [คุกเข่าคำนับ]

 

ข้อความเพิ่งถูกส่งมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

 

เซี่ยง ตื่นแล้วเหรอ

เสี่ยวจิ่งยา เปล่าครับ ผมตื่นแต่เช้าแล้ว ตอนนี้อยู่ที่สนามบาส

 

เซี่ยงไหวจือมองดูเวลา เขาวางโทรศัพท์ไปด้านข้าง ก่อนจะพลิกตัวลงจากเตียง

ลู่หังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็วางสายโทรศัพท์ทันที “เซี่ยงเซี่ยง ในที่สุดนายก็ตื่นสักที ฉันกลุ้มจนจะบ้าตายอยู่แล้ว…”

เซี่ยงไหวจือสวมรองเท้าก่อนโยนโทรศัพท์ไปไว้บนโต๊ะเบาๆ โดยไม่ได้สนใจอีกฝ่าย

“นายรู้หรือยังว่าใครมาหาฉัน” ลู่หังไม่สะทกสะท้านแถมยังพูดต่อไปอีก “เซียนเหมิงเหมิง!”

จากนั้นลู่หังก็หันกลับมา “ยัยนั่นมาขอให้พวกเราช่วยฆ่าคน ตั้งราคาสูงโคตร สูงกว่ากลุ่มนักฆ่าที่แพงที่สุดในเซิร์ฟเวอร์เราตั้งหลายเท่า! แต่ว่านะ ทำไมยัยนั่นไม่ไปหานายตรงๆ แต่ให้ฉันเป็นคนมาบอกล่ะ”

เซี่ยงไหวจือพูด “บล็อกไปแล้ว”

ลู่หังพยักหน้าอย่างไม่แปลกใจ “งั้นพวกเราจะรับไหม คนหนึ่งห้าพันหยวน คนที่ต้องไปฆ่าก็เป็นแค่มือใหม่…เท่ากับว่าได้เงินมาเฉยๆ เลยนะ”

ราคาสูงกว่าปกติ แม้แต่ลู่หังก็ยังหวั่นไหว

แต่เขารู้ดี เซียนเหมิงเหมิงไม่ได้มาหาพวกเขาเพื่อจ้างฆ่าคนแน่นอน ตั้งแต่หัวใจเพรียกหาชี้แจงผ่านโทรโข่งชื่อเสียงของเซียนเหมิงเหมิงก็เละเทะสุดๆ ถ้าตอนนี้ปาร์ตี้ของพวกเขาไปช่วยเธอฆ่าคน คนอื่นคงมองว่าเป็นการปรับความเข้าใจแน่

เซี่ยงไหวจือหยิบผ้าขนหนูเดินไปที่อ่างล้างหน้าพร้อมทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ “ฉันยังไม่อยากหย่า”

 

ตอนนี้ล่วงเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากฝนตกไปเมื่อวานอุณหภูมิก็ลดฮวบลงอีกครั้ง สนามบาสในช่วงเที่ยงวันกลับกลายเป็นสถานที่คึกคัก

จิ่งฮวนกระโดดขึ้นสูงแล้วชู้ตลงสองแต้มอย่างสวยงาม ก่อนจะหมุนตัวออกจากสนามมาพัก

“เชี่ย นายเล่นมานานเท่าไรแล้วเนี่ย ยังไม่เหนื่อยอีกเหรอ” ลู่เหวินเฮ่านั่งหอบหายใจอยู่บนมานั่ง “อะไรวะ เมื่อวานนายไม่สบายไม่ใช่หรือไง นี่นายฝ่าด่านเคราะห์มาเหรอวะ”

พูดจบลู่เหวินเฮ่าก็ส่งน้ำให้เขา

จิ่งฮวนมองดูขวดน้ำแวบหนึ่งพลางพูดด้วยสีหน้าที่ยากจะเข้าใจ “ไม่เป็นไร ฉันไม่ดื่ม”

ลู่เหวินเฮ่าตกใจ “อะไรอะ เมินกันเหรอเนี่ย”

ตอนนี้พอจิ่งฮวนเห็นเขา ในหัวก็คิดถึงแต่เรื่องกลับหัว…อะไรนั่น

ชิ คนสมัยนี้สาบานอะไรไม่กลัวจะเป็นจริงเลย

จิ่งฮวนเลียริมฝีปาก สายตามองไปที่ขาของอีกฝ่ายพลางพูดเปลี่ยนเรื่อง “นายเจ็บขาไม่ใช่เหรอ ยังเล่นบาสได้อีก?”

“แค่แผลถลอก เมื่อวานก็แค่อยากได้ใบลาเท่านั้นแหละ” ลู่เหวินเฮ่าพูด “อะไรวะ จะไปแล้วเหรอ”

“ฉันจะเล่นอีกสักพัก” จิ่งฮวนว่า

เมื่อวานหลังจากที่เขากินยาก็หลับไปสิบกว่าชั่วโมง ตอนนี้เลยรู้สึกพลังงานเต็มเปี่ยม ท่วมท้นจนไม่มีที่ให้ระบาย

ด้านเซี่ยงไหวจือนั้นไปกินข้าวเที่ยงกับลู่หังเสร็จก็เดินออกมาจากโรงอาหาร ลู่หังลูบท้องป้อยๆ หันไปก็เห็นคนข้างตัวกำลังก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์

“ช่วงนี้ทำไมไปไหนนายถึงได้ถือโทรศัพท์ตลอดเลย” ลู่หังพูดติดตลก “ผู้ชายแต่งงานแล้วมักจะไม่เหมือนเดิมสินะ…ปะ ซื้อกาแฟสักแก้วแล้วค่อยกลับหอกัน”

เซี่ยงไหวจือพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา “ฉันกลับก่อนนะ”

ลู่หังถาม “นายจะไปไหน”

“มีธุระ”

ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนแล้วจึงมีคนทยอยออกมาจากหอพักทีละกลุ่มๆ

สองมือของเซี่ยงไหวจือล้วงกระเป๋า มือขวากำโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าไว้เบาๆ เมื่อเดินผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ในมหาวิทยาลัยเขาก็คิดไปคิดมาก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไป

จิ่งฮวนก้มตัวลงเล็กน้อยขณะที่มือก็เลี้ยงลูกบาส เขากำลังคิดว่าตัวเองจะบุกฝ่าเข้าไปหรือชู้ตสามแต้มอยู่กับที่ดี

ด้วยความที่ไม่ใช่การแข่งขัน พวกที่เล่นบาสด้วยกันเลยดูผ่อนคลายมากอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายที่มาป้องกันเขาก็ยืนตัวตรงไม่เหมือนกำลังเล่นบาส แต่เหมือนจะดูการแข่งขันมากกว่า

ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ “จิ่งฮวน วันนี้นายจะเล่นนานไหม”

จิ่งฮวนพูดพลางหอบหายใจ “เล่นอีกสักพักก็ไปแล้ว”

“นี่ นายกับรุ่นพี่ปีสามคนนั้นน่ะมันยังไงกันแน่”

ฝ่ามือจิ่งฮวนชะงักไปก่อนจะหันไปมองเขา

ผู้ชายคนนั้นหยอกล้อด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เมื่อเช้าตอนเข้าเรียน ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังฉันคุยเรื่องพวกนายสองคนตลอดเลย ฉันเลยได้ฟังมาทั้งคาบ”

จิ่งฮวนละสายตาออกมาอย่างไม่มั่นใจ “เพื่อนกันน่ะ จะเป็นอะไรได้อีก”

พูดจบเขาก็บุกฝ่าไปจากทางด้านซ้ายแล้วกระโดดขึ้นชู้ต

ลูกบาสกลิ้งวนรอบห่วงอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่ลงห่วง

เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วหันกลับไปป้องกัน เหตุการณ์เล็กๆ เมื่อกี้นี้ทำให้เขาเสียสมาธิ การกลับมาเล่นแบบป้องกันก็เหมือนการไปเดินเล่น

มีเหงื่อออกในสภาพแบบนี้ทำให้รู้สึกไม่สบาย พอสายลมพัดมาวูบหนึ่งใบหน้าก็เย็นวาบ จิ่งฮวนเม้มปาก รู้สึกนึกเสียใจขึ้นมานิดหน่อยที่เมื่อกี้นี้ไม่ยอมทิ้งอคติและดื่มน้ำของลู่เหวินเฮ่า

เขายกชายเสื้อขึ้นกะจะเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแต่ก็มองเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอกรั้วสนามบาส

จิ่งฮวน “…”

หัวใจกระตุกวูบ เผลอปล่อยชายเสื้อลงโดยไม่รู้ตัว

เขายังไม่ทันได้ทักทายเซี่ยงไหวจือ ลูกบาสก็ถูกเพื่อนในทีมตัดมาได้และโยนมาใส่มือเขา จิ่งฮวนพลันได้สติกลับมาและเกือบจะถูกลูกบาสกระแทกหน้า

เขาหันกลับไปชู้ตบาส ใต้ห่วงไม่มีคนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถชู้ตลงห่วงได้

“จิ่งฮวน ลูกนี้ก็ยังไม่เข้าอีกเหรอ” เพื่อนในทีมถามเขายิ้มๆ

“พลาดน่ะ” จิ่งฮวนจัดทรงผม “ฉันไม่เล่นแล้วนะ”

พูดจบเขาก็รีบเดินออกจากสนามไปโดยไม่สนใจการเหนี่ยวรั้งของเพื่อนร่วมทีม

เมื่อหันกลับมาที่ตำแหน่งเมื่อครู่นี้อีกครั้งตรงนั้นก็ว่างเปล่าไปแล้ว จิ่งฮวนมองออกไปด้านนอกอยู่นานก่อนขมวดคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

หรือเขาจะตาฝาดไป

“ฮวนฮวน ดูอะไรอยู่น่ะ” ลู่เหวินเฮ่าเรียกเขา

จิ่งฮวนละสายตากลับมา “เปล่า อาจจะตาฝาดไป…นายมีทิชชูหรือเปล่า”

ลู่เหวินเฮ่าเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “ทิชชู? นายจะเอาไปทำไม”

“เช็ดเหงื่อ”

ลู่เหวินเฮ่ายกยิ้ม “นายไม่มีเสื้อหรืออะไรสักอย่างเหรอวะ ทำไมต้องเรื่องมากขนาดนั้นด้วย”

จิ่งฮวนคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่สมองของตัวเองจะเบลอ เมื่อกี้เลยถามลู่เหวินเฮ่าไปแบบนั้น

ไม่ไกลออกไป ผู้หญิงจำนวนหนึ่งกำลังพูดคุยกันเบาๆ

“จิ่งฮวนเล่นเสร็จแล้ว เธอรีบไปสิ”

“ฉันไม่กล้า…”

“ก็แค่เอาน้ำไปให้ มีอะไรถึงไม่กล้า!”

“ก่อนหน้านี้มีผู้หญิงเอาน้ำไปให้ เขาก็ไม่รับนะ”

“ผู้หญิงคนนั้นคงไม่สวยแหงๆ แต่เธอดูดีนะ รีบไปเร็ว ถ้ายังมัวชักช้าอยู่อีกเดี๋ยวเขาก็ไปพอดี…”

ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะพูดจบก็รู้สึกเหมือนมีสายลมพัดผ่านข้างตัวไปจึงเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นเงาร่างที่มีไหล่กว้างและช่วงขายาวเหยียด

เธออึ้งไปหลายวินาทีและจำคนคนนั้นได้ทันที เธอจึงพูดด้วยความตกใจ “เซี่ยงไหวจือมาสนามบาสนี้ได้ไง…”

พูดยังไม่ทันจบเธอก็ต้องหุบปาก

เมื่อเซี่ยงไหวจือเดินตรงไปข้างๆ จิ่งฮวนก่อนยื่นนำแร่ที่อยู่ในมือให้เขา

หญิงสาวทั้งสองคนถึงกับเอ๋อ

ลู่เหวินเฮ่าก็เอ๋อ

แม้แต่จิ่งฮวนเองก็ยังเอ๋อเหมือนกัน

เซี่ยงไหวจือค้างอยู่ท่านั้นสักพักก็เลิกคิ้วขึ้น “ไม่เอาเหรอ”

เอาสิ เอาแน่นอนอยู่แล้ว

ตอนนี้ต่อให้เซี่ยงไหวจือยืนขวดยาพิษให้เขา เขาก็กล้ารับ

“ขอบคุณครับ” จิ่งฮวนเปิดฝาแล้วดื่มรวดเดียวครึ่งขวด แต่เขาดื่มเร็วเกินไปน้ำจึงไหลออกมาจากมุมปากของเขาจนไปถึงลำคอ

เซี่ยงไหวจือหลุบตาลงนึกถึงความฝันเมื่อวานอีกครั้ง

ลู่เหวินเฮ่าถามขึ้น “พี่เซี่ยง พี่มาที่นี่ได้ไงครับ”

“มาหาเขา” เซี่ยงไหวจือพูด

จิ่งฮวนใจเต้นตึกตัก

จบเห่แล้ว

เซี่ยงไหวจือคงไม่ได้กลับไปคิดตลอดทั้งคืน โดยที่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขาดทุนแล้วนึกเสียใจภายหลังใช่ไหม

ในหัวเขามีฉากน่าอายเมื่อวานปรากฏขึ้นมา หลังจากดื่มน้ำไปได้ครึ่งขวดเขาก็หยุดดื่มแล้วยกมือขึ้นเช็ดมุมปาก “มีเรื่องอะไรเหรอครับ…พี่”

เซี่ยงไหวจือขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยถาม “ตอนบ่ายมีเรียนไหม”

จิ่งฮวนหวั่นๆ อยู่ในใจจนคิดจะโกหกออกไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว แต่รูมเมตผู้ไร้เดียงสาของเขาก็ลากเขากลับมาจากเส้นทางผิดๆ

“ไม่มีครับ วันนี้พวกเราไม่มีเรียนทั้งวัน” ลู่เหวินเฮ่าพูด

จิ่งฮวนกลืนคำว่า ‘มี’ กลับลงไปก่อนพยักหน้า “ไม่มีครับ…”

เซี่ยงไหวจือสอดมือกับเข้าไปในกระเป๋าอีกครั้งแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมา

จิ่งฮวนมองดูกระเป๋าของเขาตาไม่กะพริบ

ดูจากขนาดของมันคงยัดกระบองเข้าไปไม่ได้แน่ มีดก็ไม่ได้เหมือนกัน อย่างมาก…อย่างมากก็เป็นมีดพกอะไรพวกนั้น…

เฮ้ย มีดพกก็น่ากลัวมากนะเว้ย!

ระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองวินาทีฉากที่อยู่ในหัวของจิ่งฮวนก็แทบจะปกคลุมโลกทั้งใบแล้ว

เซี่ยงไหวจือหยิบโทรศัพท์ออกมา เขาก้มหน้ากดโทรศัพท์ในมือสักพัก จากนั้นจึงยื่นมาตรงหน้าจิ่งฮวน

จิ่งฮวนหลุบตามองก็เห็นรายชื่อภาพยนตร์เรียงเป็นแถว

“งั้นไปดูหนังกันไหม” เซี่ยงไหวจือถาม

จิ่งฮวน “…”

ลู่เหวินเฮ่านั่งอยู่ข้างๆ มองจิ่งฮวนทีมองเซี่ยงไหวจือที ในดวงตาเล็กๆ คู่นั้นเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด ก่อนที่ลู่เหวินเฮ่าจะก้มลงดูอีกครั้ง “หนังช่วงนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสนุกเลย”

เซี่ยงไหวจือถาม “ไม่ชอบเลยเหรอ”

ลู่เหวินเฮ่า “อา ผม…”

จิ่งฮวนกวาดตามองปกหนังแล้วพูดออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจโดยที่แม้แต่ชื่อหนังก็ไม่ได้ดูให้ละเอียด “อันที่สองก็พอได้ครับ พี่อยากดูอันไหนอะ”

เซี่ยงไหวจือส่งเสียง ‘อืม’ เป็นการตอบรับ “งั้นฉันจองตั๋วล่ะนะ”

ลู่เหวินเฮ่าเอ่ย “อันที่สอง? อันนั้นไม่ใช่หนังรักเหรอ”

เซี่ยงไหวจือกดเข้าไปในหน้าเลือกที่นั่ง “นั่งข้างหน้าหรือข้างหลัง?”

“ข้างหลังครับ” จิ่งฮวนว่า “นั่งข้างหน้าได้ดูจนปวดคอพอดี”

ลู่เหวินเฮ่า “…”

เซี่ยงไหวจือพูด “งั้นก็บ่ายสามครึ่งเจอกันที่โรงหนัง?”

จิ่งฮวนว่า “…ได้ครับ”

หลังจากเซี่ยงไหวจือเดินไปได้สักพัก ลู่เหวินเฮ่าก็ยังคงนั่งอยู่ด้วยสีหน้ามึนงง

เมื่อจิ่งฮวนพักเหนื่อยเสร็จก็หยิบเสื้อคลุมขึ้นมา “ฉันไปล่ะนะ”

“เดี๋ยวก่อน” ลู่เหวินเฮ่าคว้าเสื้อคลุมของเขาเอาไว้พร้อมเอ่ยถาม “นายไม่ชอบไปดูหนังในโรงไม่ใช่เหรอ”

ใกล้ๆ มหาวิทยาลัยของพวกเขามีโรงหนังอยู่แห่งหนึ่ง จิ่งฮวนติดตรงที่นั่งในโรงหนังแห่งนั้นเล็กไปหน่อยจึงไม่เคยไปอีกเป็นครั้งที่สอง

“ก็นั่งกับนายมันเบียด นั่งกับเซี่ยงไหวจือไม่เบียดหรอก”

ลู่เหวินเฮ่าอึ้งไปก่อนจะตามไปล็อกคออีกฝ่ายจากด้านหลังทันที “ไอ้นี่ โดนสักหมัดดิ๊!”

 

เมื่อเซี่ยงไหวจือมาถึงโรงหนัง จิ่งฮวนก็รับตั๋วหนังและยืนรอเขาอยู่ที่ทางเข้าแล้ว เด็กหนุ่มสวมแจ็กเก็ตสีดำ บนลำคอก็พันผ้าพันคอที่เขาให้ไว้ด้วย

“รอนานแล้วเหรอ” พอเข้าไปใกล้ก็ได้กลิ่นสบู่อาบน้ำจากร่างกายของเขา

จิ่งฮวนเงยหน้าขึ้นจากใบปลิวของโรงหนังแล้วพูดขึ้น “เปล่าครับ ผมก็เพิ่งมาถึง”

จิ่งฮวนพับใบปลิวใบนั้น เขามองซ้ายทีขวาทีแล้วเดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าวพร้อมพูดเสียงเบา “แต่ทำไมผมรู้สึกว่า…พวกเราสองคนไม่ค่อยเข้าพวกเลย”

เซี่ยงไหวจือมองไปรอบๆ วันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ แต่คนในโรงหนังกลับมีอยู่ไม่น้อย กวาดตามองไปก็มีแต่คู่รัก ไม่มีใครมาตามลำพังเลยแม้แต่คนเดียว

“ไม่เข้าพวกตรงไหน” เซี่ยงไหวจือละสายตากลับมา “พวกเราก็มากันสองคนนะ”

แบบนี้ก็ได้เหรอ

จิ่งฮวนมองดูเวลา “เดี๋ยวผมไปซื้อของกินนะ พี่ชอบกินอะไร”

เซี่ยงไหวจือว่า “ฉันไปซื้อเอง”

“ไม่เอาดิ” จิ่งฮวนว่า “พี่ซื้อตั๋วหนัง ผมซื้อของกินสิ”

เซี่ยงไหวจือชะงักไป “งั้นซื้ออะไรมาก็ได้”

ทันทีที่จิ่งฮวนเดินไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ พนักงานก็ถามยิ้มๆ “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ”

จิ่งฮวนพูด “ผมขอดูเซ็ตขนมของที่นี่หน่อยครับ”

พนักงานชี้ไปยังกระดานที่อยู่ข้างๆ “วันนี้โรงหนังของเรามีกิจกรรมวันแห่งความรักนะคะ! เรามีเซ็ตคู่รักมาใหม่ชุดหนึ่ง ป๊อปคอร์นหนึ่งถัง โค้กสองแก้ว แถมฟรีดอกกุหลาบหนึ่งดอก ราคาเพียงสามสิบห้าหยวนเท่านั้นค่ะ”

จิ่งฮวนมึนงง “กิจกรรมวันแห่งความรัก?”

ตอนนี้ไม่ใช่เดือนธันวาคมเหรอ ยังไม่ใช่ช่วงเทศกาลชีซีด้วย แล้ววันแห่งความรักนี่มาจากไหน

พนักงานอธิบาย “ทุกวันที่สิบสี่ของเดือนจะเป็นวันแห่งความรักค่ะ วันนี้เลยถือเป็นวันแห่งความรักด้วย เพราะงั้นพวกเราเลยมีโปรโมชั่นพิเศษค่ะ”

จิ่งฮวน “…” เว่อร์เกิ๊น

เขาอดมองดูกระดานนั่นหลายครั้งไม่ได้ จากนั้นจึงรีบละสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว

อันนั้นเป็นเซ็ตคู่รัก แต่เขากับเซี่ยงไหวจือแค่มาดูหนังสนุกๆ

“เซ็ตสองคนแบบธรรมดาเท่าไรครับ” เขาถาม

พนักงานตอบ “ห้าสิบแปดหยวนค่ะ”

เฮ้ย มันต่างกันเกินไปไหม ปกติพวกเธอขายโก่งราคาเกินไปหรือเปล่า

เซี่ยงไหวจือนั่งอยู่ในโซนนั่งรอ ระหว่างกำลังดูใบปลิวที่จิ่งฮวนยื่นให้เขาแบบส่งๆ ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็สั่นขึ้นมา

 

เสี่ยวลู่เสี่ยวลู่ไม่หลงทาง เซี่ยงเซี่ยง วันนี้วันเกิดหัวหน้าคลาส หมอนั่นนัดพวกเราไปกินเนื้อย่างตอนเย็น

เซี่ยง มีธุระ

เสี่ยวลู่เสี่ยวลู่ไม่หลงทาง วันเกิดหัวหน้าคลาสนายก็ไม่มางั้นเหรอ นี่นายออกไปทำอะไรวะ

เซี่ยง เดต

เสี่ยวลู่เสี่ยวลู่ไม่หลงทาง ?

เสี่ยวลู่เสี่ยวลู่ไม่หลงทาง ?????

เสี่ยวลู่เสี่ยวลู่ไม่หลงทาง ฮะ นายมีกิ๊กเหรอวะ นี่มีกิ๊กจริงๆ เหรอ เดี๋ยวดิ…นายไปเดตกับใคร เด็กในมหา’ลัยเราปะ ปีไหน รุ่นพี่หรือรุ่นน้อง ฉันรู้จักไหม

 

 

เซี่ยง ฝากบอกหัวหน้าคลาสให้ฉันด้วยว่าสุขสันต์วันเกิด

เสี่ยวลู่เสี่ยวลู่ไม่หลงทาง นายตอบฉันมาเลยนะ! ตกลงว่านายไปเดตกับใครฮ้าาา!!!

 

โทรศัพท์สั่นไม่หยุด เซี่ยงไหวจือรำคาญจึงกดปิดแจ้งเตือนข้อความไปซะ จากนั้นดอกกุหลาบสีแดงดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในกรอบสายตาของเขา

เซี่ยงไหวจืออึ้งไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

จิ่งฮวนกอดป็อปคอร์นเอาไว้อย่างยากลำบาก “วันนี้โรงหนังจัดกิจกรรม ผมเลยซื้อเซ็ตคู่รักมา…”

เขาพูดยังไม่ทันจบประโยค เซี่ยงไหวจือก็รับป็อปคอร์นกับกุหลาบดอกนั้นไป “ขอบใจ”

จิ่งฮวน “…”

จิ่งฮวน “…?”

เขาแค่ถือไม่ไหวเลยอยากให้เซี่ยงไหวจือแบ่งไปหน่อยเท่านั้นเอง

ขอบใจ’ นี่มันหมายความว่ายังไง

จิ่งฮวนไม่กล้าพูดไม่กล้าถาม ได้แต่นั่งลงเงียบๆ

ประมาณสิบกว่านาทีก่อนหนังจะเริ่ม ขณะที่จิ่งฮวนกำลังจะจิบโค้กโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น และทันทีที่หยิบออกมาดูสีหน้าก็ต้องแข็งค้างไป “คือ…พี่ลู่”

เมื่อเช้าตอนตื่นนอน เขาได้รับข้อความจากลู่หังที่มาขอช่องทางการติดต่อของ ‘รูมเมตสาวเสียงเข้ม’

ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าเซี่ยงไหวจือยังไม่ได้เปิดโปงเขา

เรื่องน่าขายหน้าแบบนี้โป๊ะแตกครั้งเดียวก็ช่างมันเถอะ แต่ถ้าให้ลู่หังหรือพวกลู่เหวินเฮ่ารู้เข้า…เขาอาจจะอยากดร็อปเรียนไปเลยก็ได้

ไม่อย่างนั้นจะบอกว่าเซี่ยงไหวจือก็เป็นคนดีมากคนหนึ่งได้ยังไง

เซี่ยงไหวจือหยิบดอกกุหลาบมาเล่น นิ้วมือแตะลงบนกลีบดอกเบาๆ โดยไม่ได้พูดอะไร

สักพักจิ่งฮวนก็ดูข้อความที่ลู่หังส่งมา เขาเบิกตาโตถาม “พี่ ทำไมพี่ไม่ตอบเซียนเหมิงเหมิงล่ะ ฆ่าคนนึงได้ตั้งห้าพันเลยนะ”

ถึงจะไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่ก็เป็นการได้มาฟรีๆ มีแต่คนโง่นั่นแหละที่ไม่เอา

“ฆ่าครั้งนึงได้ห้าพัน ฆ่าสองครั้งก็จะได้หมื่นนึง ตี้เรามีกันห้าคน แบบนี้แบ่งกันได้คนละสองพันเลยนะ!”

“เธอเสนอมาเจ็ดพันแล้ว!”

“พี่…พี่ไม่อยากยุ่งยากเหรอ ความจริงผมคนเดียวเปิดบัญชีไปจัดการก็ได้นะ ส่วนเรื่องเงินก็ให้พี่แหงอยู่แล้ว เงินส่วนของผมก็จะให้พี่ด้วย…พี่?”

เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับจิ่งฮวนก็เงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย

เซี่ยงไหวจือหลุบตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่งด้วยความเกียจคร้าน สายตาดูไม่ค่อยเป็นมิตร

จิ่งฮวน “…?” เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ

ขณะนั้นจิ่งฮวนก็เริ่มหวนนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปเมื่อกี้นี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง

หรือเซี่ยงไหวจือจะไม่ชอบใจที่จำนวนเงินน้อยไป แต่ราคาขนาดนี้คนที่เล่น Nine Heroes มาก่อนต่างก็รู้ดีว่ามันเป็นราคาสูงเสียดฟ้าแล้ว

ระหว่างที่กำลังมึนงง จู่ๆ ความคิดที่ไม่มีเหตุผลสุดๆ ก็ผุดขึ้นมา

จิ่งฮวนตกใจกับความคิดของตัวเองจนถึงกับอยากจะหัวเราะออกมาหน่อยๆ

เขากำลังคิดเรื่องเหลวไหลบางอย่าง…

จิ่งฮวนยิ้มเยาะความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองอยู่ในใจพลางนั่งหันไป สักพักเขาก็เอ่ยปากเรียกเสียงเบาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ “พี่ชาย?”

จากนั้นเขาก็เห็นเซี่ยงไหวจือเงยหน้าขึ้น สายตาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนตอบกลับมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงคล้ายพึงพอใจ “หืม?”

 

**หมายเหตุ : ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์**

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 30 .. 65

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com