ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 86-87 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

everY

ทดลองอ่าน How to… เดตออนไลน์ยังไงให้พัง เล่ม 3 บทที่ 86-87 #นิยายวาย

2 of 2หน้าถัดไป

บทที่ 87

เซี่ยงไหวจืออยากทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

ทว่าพวกเขาเพิ่งสารภาพความจริงกันไป ถ้าพูดอย่างจริงจังสักหน่อยก็ถือว่าเพิ่งจะเริ่มคบกัน เขาไม่เคยมีความรักมาก่อนจึงคอยบอกตัวเองอยู่ในใจว่าต้องค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอน

แต่เมื่อกี้เขาเพิ่งดื่มเหล้ามานิดหน่อย เมื่อมีแรงลมพัดเพียงเล็กน้อย เขาก็เปิดฉากรุกทันที

เขาชอบจิ่งฮวน จิ่งฮวนเองก็ชอบเขา

พวกเขาเป็นแฟนกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักไม่มีแถบความคืบหน้า

ริมฝีปากของจิ่งฮวนนุ่มมาก ทั้งยังมีรสชาติของลูกอมรสมิ้นต์ที่ร้านเนื้อย่างแถมให้ด้วย เซี่ยงไหวจือกดจูบลงไปก่อน เมื่อผละออกเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดจูบลงไปอีกครั้ง

เป็นจูบแบบลองเชิง

เซี่ยงไหวจือยืดตัวตรง ยื่นมือออกไปลูบผมของอีกฝ่าย ลูกกระเดือกขยับเบาๆ ก่อนหัวเราะออกมา “หน้านายแดงมากเลย”

จิ่งฮวน “…”

ตัวฉันแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ไม่หน้าแดงได้เหรอวะ

จิ่งฮวนยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม เขาสงสัยว่าตัวเองดื่มจนเมาแล้ว แถมยังเมาหนักมากด้วย คงดื่มมากถึงขั้นเกือบเข้าโรงพยาบาลแน่ๆ ถึงได้ฝันเห็นเรื่องที่ต่อให้โลกจะแตกก็ไม่มีทางเกิดขึ้นแบบนี้

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป เซี่ยงไหวจือก็ชะงัก “โกรธเหรอ”

จิ่งฮวนรู้สึกเหมือนมีอะไรจุกอยู่ในลำคอ แค่จะพูดออกมาสักคำยังยาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เปล่าครับ”

“อืม ขึ้นไปเถอะ” เซี่ยงไหวจือชักมือกลับ ร่มถูกลดต่ำลงเล็กน้อย เขาบอกว่า “ขอบคุณสำหรับกุหลาบนะ”

จิ่งฮวนบอกลาเซี่ยงไหวจือราวกับเป็นหุ่นยนต์ ก่อนจะหันหลังเข้าลิฟต์ไป

คุณลุงยามของอพาร์ตเมนต์นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ เขากินอาหารที่สั่งให้มาส่งพร้อมดูจอมอนิเตอร์ของอพาร์ตเมนต์ไปด้วยอย่างตั้งอกตั้งใจ

ในที่สุดในจอมอนิเตอร์ก็ปรากฏร่างของคนคนหนึ่ง คุณลุงเหลือบไปมองก็พบว่าเป็นนักศึกษาชายที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเทอมนี้ เขามีความประทับใจต่อนักศึกษาหนุ่มคนนี้มาก หนึ่งก็เพราะอีกฝ่ายมีมารยาท ทุกครั้งที่ถือผลไม้ผ่านป้อมยามก็จะแบ่งให้เขานิดๆ หน่อยๆ เสมอ สองก็เพราะนักศึกษาหนุ่มคนนี้หล่อมาก เห็นแล้วรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย

เขายิ้มออกมา คิดว่าจะมองดูเด็กหนุ่มเข้าบ้านไปก่อนถึงจะกินข้าวต่อ

แต่ก็พบว่าหลังจากเด็กหนุ่มเข้าไปในลิฟต์เขากลับยืนนิ่งๆ อยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปหลายนาที แม้แต่ชั้นก็ไม่กด ภาพในจอมอนิเตอร์ราวกับหยุดนิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาที่มุมขวาบนยังเดินอยู่ คุณลุงคงคิดว่ากล้องวงจรปิดเสียไปแล้ว

คุณลุงยามวางตะเกียบ ขมวดคิ้วโน้มตัวไปด้านหน้า

ในห้องทำงานแคบๆ มีเพียงแสงจากหลอดไฟสีขาว หลอดไฟไม่ได้เปลี่ยนมานานแล้วแสงจึงไม่สว่างนัก ลมหนาวพัดเข้ามาตามรอยแยกของหน้าต่างจนเกิดเสียงหวีดหวิว คุณลุงอดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้

ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า…เด็กหนุ่มคนนั้นไม่เพียงแค่ยืนนิ่งๆ เท่านั้น แม้แต่การขยับที่แสดงให้เห็นว่ายังหายใจก็ยังไม่มี

บรรยากาศน่ากลัวจนหัวใจจะวายตาย หัวใจของคุณลุงเต้นตึกตัก ปากพูดพึมพำ “ความมั่งคั่ง ประชาธิปไตย…อะไรนะ อิสรภาพ นิติธรรม ยังมีอะไรอีก*…”

ขณะที่เขากำลังพึมพำไม่ได้ศัพท์ คนในลิฟต์ก็ขยับตัว

ฉับพลันชายหนุ่มก็หันหลังเอาหัวโขกลิฟต์ปังๆ

คุณลุง “…”

จิ่งฮวนไม่ปรานีตัวเองเลย เขาใช้หัวโขกแรงกว่าปกติครั้งแล้วครั้งเล่า

ไม่ว่าเขาจะโขกหัวไปกี่ครั้ง ตัวเองก็ยังคงอยู่ในลิฟต์อยู่ดี

บ้าเอ๊ย ความฝันนี้โคตรน่ากลัวเลย

ถึงตอนนี้หัวใจของเขายังเต้นรัวไม่หยุด สำหรับคนอื่นฉากที่ทำให้ใจเต้นแรงคงเหมือนกวางน้อยวิ่งชนกำแพง ส่วนเขากลับเป็นมือที่ถือค้อนอันเล็กๆ มากมายนับไม่ถ้วนตีใส่หัวตัวเองจนเวียนหัว คิดอะไรไม่ออก

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำเอาจิ่งฮวนตกใจ เขาหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายอย่างตื่นตระหนก

[แม่ง ฮวนฮวน นี่นายไปหาอะไรกินลับหลังพวกเราสองคนงั้นเหรอ!] ลู่เหวินเฮ่าพูดอย่างโมโห

“ฉันหนีไปกินอะไรคนเดียว”

[ก็นายไปกินเนื้อย่างกับพวกรุ่นพี่เซี่ยงไง!!]

จิ่งฮวนสูดหายใจเข้า เค้นเสียงออกมาจากลำคอ “ฉันไม่ได้กิน”

[ก็แย่ละ พี่ลู่เขาลงรูปในโมเมนต์! นายนั่งอยู่ข้างๆ พี่เซี่ยง แถมยังกระซิบกระซาบกันสองคน!]

จิ่งฮวนมึนงงไปหมด หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นทุกที เขาเรียกเพื่อน “ลู่เหวินเฮ่า”

[มีอะไร]

“แปลงร่างเป็นหมูสิ”

ลู่เหวินเฮ่า […]

ลู่เหวินเฮ่า [นี่นายว่าใครวะ?!!]

จบกัน

จิ่งฮวนไม่สนใจเสียงตะโกนด้วยความโมโหของลู่เหวินเฮ่าและวางสายโทรศัพท์ไป

จบกัน ลู่เหวินเฮ่าไม่ได้กลายเป็นหมู การตอบสนองก็เป็นปกติมาก

บนร่างของจิ่งฮวนยังรู้สึกถึงความเย็นที่มาจากด้านนอก เมื่อไม่มีผ้าพันคอ ลำคอเขาก็ว่างเปล่า เขารู้สึกปวดที่หน้าผากและยังจดจำสัมผัสจากริมฝีปากของเซี่ยงไหวจือได้

ไม่เหมือนกำลังฝันอยู่เลย

เขาเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงง พอมองเห็นเลขชั้นลิฟต์ที่แสดงอยู่ สายตาก็มีประกายความหวังเล็กๆ…ลิฟต์ไม่ขยับ!!!

มันไม่ขยับ!!!

นี่เป็นเรื่องโกหก!!!

ตอนนั้นเองก็มีเสียงแหลมๆ ดังขึ้น

เสียงรบกวนดังออกมาจากเครื่องอินเตอร์คอมในลิฟต์ คนที่อยู่อีกฝั่งเอ่ยว่า “คืออย่างนี้นะ…พ่อหนุ่ม นายลืมกดเลขชั้นหรือเปล่า ฉันแค่จะเตือนน่ะ ถ้าไม่ใช่ก็…ก็ขอโทษที่รบกวนนะ…”

จิ่งฮวน “…”

ร่องรอยความดีใจบนใบหน้าหายวับไป เขากดเลขชั้นก่อนลิฟต์จะค่อยๆ เลื่อนขึ้น

พอออกจากลิฟต์จิ่งฮวนก็เดินมาจนถึงประตูบ้านด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขากดรหัสปลดล็อก แต่กดอยู่สามครั้งก็ยังไม่ถูก ที่ล็อกประตูส่งเสียงเตือนดัง ‘ติ๊ดๆๆๆ’

ปกติมันจะดังไม่ถึงสองนาที แต่วันนี้จิ่งฮวนรู้สึกเหมือนเกือบจะยี่สิบนาทีเข้าไปแล้ว

เมื่อเข้าบ้านมาจิ่งฮวนก็ปิดประตู เขานั่งลงตรงพื้นต่างระดับเตี้ยๆ โดยไม่แม้แต่จะเปิดไฟ แล้วซุกหน้าเข้ากับแขนราวกับเป็นนกกระจอกเทศตัวหนึ่ง

เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน…นี่เขาจูบกับเซี่ยงไหวจืองั้นเหรอ

เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ความร้อนก็เริ่มแผ่ไปทั่วศีรษะช้าๆ อุณหภูมิก็พุ่งสูงขึ้นไปทั้งร่าง

สมองของจิ่งฮวนสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าเขานั่งอยู่นานเท่าไรกว่าจะถูกเสียงแจ้งเตือนวีแชตดึงสติกลับมา

ในความมืดแสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์สว่างจ้าจนแสบตา เขาก้มลงมองตัวแข็งทื่อ เมื่อเห็นคำว่า ‘เซี่ยง’ ตรงแจ้งเตือนข้อความหัวใจก็พลันสั่นไหว จิ่งฮวนยกมือขึ้นมาปิดเนื้อหาต่อจากนั้นโดยไม่รู้ตัว

ทันใดนั้นเขาก็ลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น หลังจากเปิดไฟเสร็จก็รีบเข้าห้องน้ำ

น้ำเย็นปะทะเข้ากับใบหน้า แต่ความร้อนบนหน้ากลับไม่ลดลงแถมยังเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก จิ่งฮวนเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องตกใจกับตัวเอง

จิ่งฮวนรู้สึกว่าตอนที่เขาวิ่งพันห้าร้อยเมตรหน้าก็ยังไม่แดงขนาดนี้เลย ไม่เพียงแค่ใบหน้า แต่ลำคอและหูก็ล้วนเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนมะเขือเทศน่าเกลียดลูกหนึ่ง

เมื่อกี้ตอนอยู่ต่อหน้าเซี่ยงไหวจือเขาก็เป็นแบบนี้เหรอ

แค่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หัวใจของเขาก็ลอยออกไปนอกอพาร์ตเมนต์ เขาส่ายหัวรีบดึงสติกลับมา

เซี่ยงไหวจือคงดื่มจนเมาไปแล้ว หัวหน้าคลาสรินเหล้าให้เขาตั้งเยอะ เขาคงต้องเมาแน่…ถึงได้จูบ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก

ในเมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้ว จิ่งฮวนจึงตัดสินใจถือโอกาสอาบน้ำไปเลยจะได้ตาสว่างสักที

เขาถอดเสื้อผ้าและทิ้งพวกมันลงตะกร้าผ้าสกปรก จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าเข้าไปในห้องอาบน้ำ

น้ำพุ่งออกมาจากฝักบัว แต่เพราะยังไม่ได้ปรับอุณหภูมิให้พอดีน้ำจึงเย็นไปหน่อย

เย็นเหมือนริมฝีปากของเซี่ยงไหวจือไม่มีผิด

จิ่งฮวนหันไปหยิบครีมอาบน้ำ ขวดครีมอาบน้ำเป็นสีดำ เป็นโทนสีเดียวกับร่มที่พวกเขายืมมาจากร้านเนื้อย่าง

อาบน้ำเสร็จจิ่งฮวนก็หยิบผ้าเช็ดตัว เขามองผ้าเช็ดตัวสีแดงผืนใหญ่ที่แม่ตั้งใจซื้อให้ก่อนจะนึกถึงดอกกุหลาบแดงในกระเป๋าของเซี่ยงไหวจือ

“…”

โว้ย!!!

จิ่งฮวนสติแตกกระเจิง

อาบน้ำเสร็จจิ่งฮวนก็ตั้งสติใหม่อีกรอบแล้วหยิบโทรศัพท์กลับมาจากโถงทางเดิน

ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ถูกจูบสักครั้งไม่เห็นจะเป็นอะไร พี่น้องต้องให้อภัยกันได้ทุกเรื่องสิ

 

เซี่ยง ฉันถึงหอแล้วนะ

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นเขาเองที่บอกให้เซี่ยงไหวจือส่งข้อความมาบอกหลังกลับถึงหอพักแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรข้อความนี้ก็มีบางอย่างแปลกๆ

เหมือน…อะไรนะ…เหมือนกำลังรายงานแฟน…อะไรแบบนั้น

จิ่งฮวนเคาะหัวตัวเอง เตือนตัวเองว่าอย่าจินตนาการไปเรื่อย

เขาพิมพ์ข้อความ ‘เมื่อกี้ผมไปอาบน้ำมาเลยเพิ่งเห็นข้อความ QA…’

ยังไม่ทันจะพิมพ์ QAQ จบเขาก็ตัวสั่นแล้วรีบลบข้อความทั้งหมดออกอย่างรวดเร็ว!

 

เสี่ยวจิ่งยา ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เลยเพิ่งเห็นข้อความครับ

เซี่ยง อืม

 

ดูสิ ดูเข้าสิ! ดูยังไงก็เป็นบทสนทนาระหว่างพี่ชายน้องชาย!

จิ่งฮวนยืนยันในใจ เขาบอกกับตัวเองว่าขอแค่นายไม่พูดขึ้นมา เรื่องเมื่อกี้เราก็จะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น พอรุ่งเช้าฉันก็จะลืมมันให้หมด

 

เซี่ยง โทรได้ไหม

 

ไม่ได้

เรื่องที่ส่งข้อก็ความเคลียร์กันได้แบบนี้ทำไมต้องโทรด้วย

อีกอย่างตอนนี้ฉันเจอใครไม่ได้ทั้งนั้น ฟังเสียงก็ไม่ได้

จิ่งฮวนพิมพ์ข้อความด้วยมือสั่นๆ เพิ่งพิมพ์ไปได้แค่คำว่า ‘ไม่’ สายเรียกเข้าจากวีแชตก็เด้งขึ้นมา

แม่ง!

แม่งๆๆ!

จิ่งฮวนเกือบจะกระโดดขึ้นจากเตียงแล้ว

ทำไง! ทำยังไงดี! ฉันจะปฏิเสธยังไงดี!!

จิ่งฮวนถือโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้าง ในใจอยากจะกดวางสายไปก่อนแต่ก็คิดอย่างอื่นขึ้นมาอีก

จากนั้นเขาก็กดรับสาย “…”

ฝั่งเซี่ยงไหวจือมีเสียงรบกวนเล็กน้อย จิ่งฮวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เขินอายจนนิ้วเท้าหงิกงอไปหมด

[เมื่อกี้มัวทำอะไรอยู่] เซี่ยงไหวจือถาม

แค่ประโยคเดียวเจ้าหมึกที่จิ่งฮวนใช้น้ำเย็นสาดไล่ไปเมื่อกี้ก็กลับมาอีกครั้ง ค้อนอันเล็กๆ ทุบลงมาเสียงดัง ก้องอยู่ในหูของเขา

“ผม…อาบน้ำครับ” จิ่งฮวนพูดอย่างเร่งรีบ “วันนี้พี่ดื่มไปตั้งเยอะ รีบไปพักผ่อนเถอะครับ”

เซี่ยงไหวจือมองกุหลาบในมือพร้อมพูดขึ้น [ฉันไม่ได้ดื่มเยอะนะ]

คนเมามักจะไม่ยอมรับว่าตัวเองเมาไงล่ะ

นิ้วมือของจิ่งฮวนจิกลงบนปลอกหมอนโดยไม่รู้ตัว เขาเกลี้ยกล่อมแบบขอไปที “อืม พี่คอแข็งจะตายจะเมาได้ไง…ตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว พี่ลู่คงกลับมาแล้วใช่ไหมครับ งั้นผมวางก่อนนะ ไม่รบกวนพวกพี่แล้ว”

[ยัง มันไม่อยู่] เซี่ยงไหวจือวางดอกไม้ลง เขาพูด [นายดื่มน้ำเยอะๆ ล่ะ]

น้ำเสียงของเขาสงบเกินไป จิ่งฮวนจึงไร้ซึ่งการป้องกันแม้เพียงน้อยนิด “อา ทำไมล่ะครับ”

เซี่ยงไหวจือบอกว่า [เพราะปากนายแห้งไปหน่อย]

“…” จิ่งฮวนค่อยๆ ยกมือลูบริมฝีปากตัวเอง ต่อมาเขาก็ได้ยินตัวเองพูดว่า “ตอนกลับมาลมแรงไปหน่อย เป็นเพราะลมพัดน่ะครับ ปกติไม่แห้งขนาดนี้นะ”

เซี่ยงไหวจือชะงัก ผ่านไปสักพักถึงพูดขึ้น [งั้นเหรอ]

ใช่แล้ว

ใช่กับผีน่ะสิ!!!

จิ่งฮวนคลุ้มคลั่ง บ้าเอ๊ย ฉันกำลังพูดอะไรอยู่วะ ฉันกำลังละเมอใช่ไหม ทำไมฉันต้องตอบอะไรแบบนั้นด้วย…

[บ่ายวันพรุ่งนี้มีเรียนไหม] เซี่ยงไหวจือถาม

“ไม่มีครับ”

เมื่อจิ่งฮวนพูดจบก็นึกเสียใจ เซี่ยงไหวจือคงไม่ได้คิดจะนัดเขาไปเล่นบาสหรือทำอะไรหรอกใช่ไหม

เขาคิดว่าภายในสามวันนี้ตัวเองคงไปเจอเซี่ยงไหวจือไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นจึงรีบพูดเสริม “ไม่มีเรียน แต่มีธุระครับ!”

เซี่ยงไหวจือถามต่อ [ธุระอะไร]

“ผม…” จิ่งฮวนหาข้ออ้างมาส่งๆ “ต้องกลับไปที่หอพักครับ พวกลู่เหวินเฮ่าชวนกินหม้อไฟ”

เซี่ยงไหวจือส่งเสียง ‘อ้อ’ เป็นการตอบรับ [งั้นก็พอดีเลย]

…?

พอดีอะไร

เซี่ยงไหวจือหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อให้จบ [กินหม้อไฟเสร็จก็ขึ้นมาหาฉันสิ?]

จิ่งฮวน “…”

เขาลืมไปเลยว่าเซี่ยงไหวจืออยู่ชั้นบนของหอพักพวกลู่เหวินเฮ่า ห่างไปแค่ไม่กี่ขั้นบันได

ฉัน-ฆ่า-ตัว-ตาย-ซะ-แล้ว

พูดมาถึงตรงนี้ถ้าหาข้ออ้างมาอีกคงเหมือนโกหกกันโต้งๆ จิ่งฮวนทึ้งผมตัวเองและฝืนพูดออกไป “ครับ”

เซี่ยงไหวจือพอใจแล้ว มุมปากของเขายกขึ้น จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดคอมพิวเตอร์ [ง่วงไหม]

“ไม่ง่วงครับ” ตอนนี้ให้ฆ่าวัวด้วยหมัดเดียวก็ยังได้

[งั้นออนเกมทำเควสต์คู่รักประจำวันกันไหม]

“…”

แล้วทำไมยังต้องทำเควสต์คู่รักประจำวันอีกล่ะ

ว่ากันตามเหตุผล เซี่ยงไหวจือไม่ควรจะหย่ากับเขาทันทีหรอกเหรอ

หรือต่อให้ไม่หย่าเพราะลูก แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำเควสต์คู่รักประจำวันต่อเลย

ในที่สุดจิ่งฮวนก็ทนไม่ไหว

ที่จริงเขาไม่เคยมีนิสัยขี้อายมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอมาเจอเซี่ยงไหวจือเขาก็เอาแต่เกาหูเกาแก้มทั้งวัน ทั้งอัดอั้นหาที่ระบายไม่ได้ตั้งนาน

เขากัดฟันฝืนถามออกไป “พี่ชาย ขอผมถามพี่เรื่องนึงสิ”

เซี่ยงไหวจือเปิดเกม Nine Heroes [อืม]

“พวกเรา…” จิ่งฮวนคิดหนักมากเพื่อหาคำถามที่เหมาะสม “ตอนนี้เป็นอะไรกันครับ”

เสียงในสายเงียบไปหลายวินาที จากนั้นก็มีเสียงคลิกของเม้าส์ดังขึ้นมา

เซี่ยงไหวจือควบคุมตัวละครไปที่สำนักพร้อมพูดออกมา [ความสัมพันธ์ที่กำลังคบกันมั้ง?]

จิ่งฮวนตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้น

[หรือว่า…]

เชี่ย

จิ่งฮวนได้เรียนรู้วิธีหายใจอีกครั้ง

ยังดีๆ ยังดีที่ยังมีคำว่า ‘หรือว่า’

จิ่งฮวนสงสัยว่าเซี่ยงไหวจือดื่มจนเมาจริงๆ หรือเปล่าถึงได้จงใจหยอกเขา

[หรือว่า] เซี่ยงไหวจือพูดประโยคหนึ่งที่ผูกมัดชะตากรรมของจิ่งฮวนจนอยู่หมัดออกมา [แฟนออนไลน์?]

 

* ฮวน (欢) มีความหมายว่ามีความสุข ปีติยินดี

* มาจากค่านิยมหลักสังคมนิยม (Core Socialist Values) 12 ประการ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศใช้เพื่อให้ประชาชนคนจีนพึงปฏิบัติตาม

 

**หมายเหตุ : ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์**

โปรดติดตามตอนต่อไป

ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 1 .. 65

 

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in everY

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com