everY
ทดลองอ่าน I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 1 บทที่ 8 #นิยายวาย
ทดลองอ่าน เรื่อง I Can Do It ใครไม่ไหว ฉันลุยเอง! เล่ม 1
ผู้เขียน : 酱子贝 (Jiang Zi Bei)
แปลโดย : หมั่งสีโสว ซื่อเก้เหล้าก้าย
ผลงานเรื่อง : 我行让我来〔电竞〕 (Wo Xing Rang Wo Lai (Dian Jing))
ถือเป็นลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์เอเวอร์วายในการเผยแพร่ผลงาน
จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว
หากผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
– – – – – – – – – – – – – – – – –
** หมายเหตุ: ยังไม่ใช่ต้นฉบับที่เสร็จสมบูรณ์ **
– – – – – – – – – – – – – – – – –
08
หลังเหล่าผู้บรรยายพูดคุยเรื่องแชมเปี้ยนและคอมพ์ที่นักแข่งทั้งสองทีมชอบใช้ หัวข้อสนทนาก็ย้อนกลับมาอย่างแปลกประหลาดอีกแล้ว
“การแข่งขันครั้งนี้ต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน แต่ความจริงในใจผมยังมีความเสียดายเล็กน้อย” ผู้บรรยาย A พูด “ทุกคนคงหวังที่จะเห็นทั้งสองทีมจากลีก LPL ชิงแชมป์กันในสนามเหย้าของเราเองมากกว่า”
ผู้บรรยาย B พยักหน้า “ใช่ครับ น่าเสียดายทีมรถถังมากจริงๆ แต่พวกเขาก็พยายามมากแล้ว ยังไงก็สู้ถึงเกมที่ห้าแล้ว เชื่อว่าปีหน้าต้องปรับฟอร์มใหม่ได้อย่างแน่นอน”
ขณะผู้บรรยายกล่าวคำพูดนี้ ลู่ป๋อหยวนยังคงหลุบตามองดูเจี่ยนหรง ราวกับผู้ที่พวกเขากำลังพูดถึงไม่เกี่ยวข้องกับตน
เมื่อได้ยินคำตอบของเจี่ยนหรง ลู่ป๋อหยวนก็ส่งเสียงอืม นั่งตัวตรงอีกครั้งและถอดผ้าปิดปากกับหมวกออก ในเมื่อถูกกล้องจับภาพได้แล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
เจี่ยนหรงจ้องคางของเขาหลายวินาที กระทั่งลู่ป๋อหยวนหันหน้าไปพูดคุยกับหยวนเชียนจึงพลันได้สติกลับมา หมุนตัวไปนั่งดีๆ อย่างรวดเร็ว
แม้สุ้มเสียงโดยรอบจะเซ็งแซ่ แต่หากตั้งใจฟังก็ยังคงได้ยินว่าคนที่อยู่ด้านข้างตัวเองกำลังพูดอะไร
พวกหยวนเชียนถกเถียงเรื่องไปกินเซาเข่า หลังดูการแข่งขันจบและกำลังหารือสถานที่รับประทานอาหารร่วมกัน
ลู่ป๋อหยวนเพียงแค่ฟังเฉยๆ บางครั้งพูดว่า ‘แล้วแต่’ หรือไม่ก็ ‘อืม’
เสียงของเขาไม่ดังนัก ใกล้เคียงกับตอนที่สัมภาษณ์การแข่งขัน ทุ้มต่ำกว่าที่เจี่ยนหรงเคยได้ยินเมื่อหลายปีก่อนอยู่บ้าง
สือหลิวเรียกเขาหนึ่งคำแต่ไม่ได้รับการตอบรับ จึงใช้ข้อศอกกระทุ้งเขาเล็กน้อย “เจี่ยนหรง?”
เจี่ยนหรงพลันได้สติกลับมา “ฮะ?”
“เริ่มแล้ว”
เอฟเฟ็กต์แสงไฟบนเวทียิ่งใหญ่ตระการตา ไม่รู้ว่าทั้งสองทีมขึ้นมาบนเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ พิธีกรกำลังแนะนำนักแข่งแต่ละคนให้ทุกคนฟัง
ทีม PUD คือทีมที่มีอิทธิพลอีกทีมหนึ่งของ LPL และได้รับความนิยมสูงอย่างยิ่งก่อนที่ TTC จะผงาดขึ้นมา ปีที่แล้วยังดึงนักแข่งเกาหลีที่แข็งแกร่งเข้ามาอีกสองคน เป็นทีมที่มีความนิยมเป็นรองเพียง TTC
นักแข่งทั้งสิบคนต่างนั่งประจำที่ บรรยากาศการแข่งขันตึงเครียดขึ้นมาทันที หลังเริ่มการแบน (ห้ามใช้)แอนด์พิก (เลือกตัว) ทั้งสนามแข่งก็ถูกเสียงตะโกนคำว่า ‘PUD’ กลบยิ่งกว่าเดิม
หลังพวกเขาเลือกคอมพ์เสร็จสิ้น สือหลิวก็ถามขึ้นว่า “นายว่าใครจะชนะ”
เจี่ยนหรงพูดว่า “ไม่รู้”
“วิเคราะห์หน่อยสิ จังเกิ้ลของ PUD หยิบ Jarvan มาใช้ อัตราการเอาชนะของ Jarvan สูงมาก ซีซั่นนี้ Jarvan ของเขาเคยแพ้แค่หนึ่งครั้ง” สือหลิวหยุดชะงัก “แน่นอน นายรู้ว่าเขาโหดไม่เท่า Road…”
“คอมพ์ของ PUD ดีกว่า HT” เจี่ยนหรงขัดจังหวะเขา “…ถ้าต้นเกมไม่เล่นมั่ว ช่วงกลางเกมถึงท้ายเกม PUD มีโอกาสชนะสูง แล้วนายก็เบาเสียงหน่อย อย่ารบกวนการชมการแข่งขันของคนรอบข้าง”
เสียงของผู้บรรยายดังขนาดนี้ เขาจะรบกวนใครได้
สือหลิวส่งเสียงอ้ออย่างประหลาดใจ จากนั้นลดเสียงของตัวเองลง
หยวนเชียนกำลังชมการแข่งขันอย่างจดจ่อ เสี่ยวไป๋ที่ด้านข้างพลันดึงแขนเสื้อของเขาเล็กน้อย
“พี่หยวน” เสี่ยวไป๋พูด “พี่เปลี่ยนที่นั่งกับกัปตันเถอะ”
หยวนเชียนพูดด้วยความประหลาดใจ “ทำไมล่ะ”
“พี่ทนให้เขานั่งกับนักฉอดหัวฟ้าคนนั้นได้เหรอ!”
หยวนเชียนได้ยินก็อดที่จะเหลือบมองไปทางขวาอย่างรวดเร็วไม่ได้ “พอได้มั้ง? ฉันคิดว่าเขาดูเป็นเด็กดีมากนะ ก็แค่เจ้าน้องชายคนหนึ่ง คงไม่มีอะไร”
เสี่ยวไป๋ถลึงดวงตากลมๆ จนเบิกกว้าง
เขาย้อมผม เขาหน้าบูด เขาด่าคน แต่เขาก็เป็นน้องชายที่ดีคนหนึ่ง?
ทว่าสุดท้ายหยวนเชียนยังคงเอาเรื่องนี้ไปคุยกับลู่ป๋อหยวน
“พี่ชาย งั้นเราสองคนเปลี่ยนที่นั่งกันมั้ย”
เจี่ยนหรงที่กำลังดูจอยักษ์อย่างใจลอยพลันได้ยินประโยคนี้
สายตาของเขามองไปข้างหน้า แต่ลอบเงี่ยหูฟัง
ลู่ป๋อหยวนถาม “เกิดอะไรขึ้น”
“เปล่า” หยวนเชียนพูด “ที่นั่งของฉันเห็นชัดกว่าหน่อย”
ลู่ป๋อหยวนไม่ได้ขยับ “ที่ที่ฉันนั่งก็เห็นชัด”
หยวนเชียนหยุดชะงักสองวินาที “เสี่ยวไป๋ให้นายมานั่งดูด้วยกัน เขาบอกว่าอยากฟังนายบรรยายการแข่งขัน”
เจี่ยนหรงพิงอยู่บนเก้าอี้ สีหน้าบูดบึ้งหลายส่วน
“กลับไปพี่ติงคงรีวิวเกม” ลู่ป๋อหยวนพูด “ดูการแข่งเถอะ”
ฟอร์มของ PUD กับ HT ในวันนี้ดีมาก หลังชนะกันไปคนละสองเกม คะแนนการแข่งขันมาถึงจุดที่น่ากังวลอีกครั้งที่ 2:2
คิดไม่ถึงว่าการแข่งขันต่อเนื่องสองสัปดาห์นี้จะต้องมาสู้กันในเกมตัดสิน บรรยากาศในสนามพุ่งสู่จุดสูงสุด ขณะ PUD ออกจากสนามเพื่อพักผ่อนชั่วคราว เหล่าผู้ชมยังตะโกนชื่อของพวกเขาอยู่
“เป็นเกมตัดสินอีกแล้ว ตื่นเต้นเกินไปมั้ง” สือหลิวลุกขึ้นพูด “ไม่ไหว ฉันจะไปชิ้งฉ่องหน่อย เดี๋ยวไม่มีสมาธิดูแข่ง นายจะไปหรือเปล่า”
เจี่ยนหรงพยักหน้าก่อนลุกขึ้น หมายเดินไปทางขวาตามสัญชาตญาณ
สือหลิวกลับขวางเขาเอาไว้ก่อนหนึ่งก้าว “เดินไปทางซ้าย ห้องน้ำอยู่ทางซ้าย”
เจี่ยนหรง “…”
เขาหันกายมองเห็นลู่ป๋อหยวนที่กำลังก้มหน้าเล่นมือถืออยู่
ไม่กี่วินาทีให้หลัง ลู่ป๋อหยวนเงยหน้าขึ้น “จะออกไป?”
เจี่ยนหรง “…อืม”
แถวที่นั่งของพวกเขาจัดได้ไม่ดีนัก ระยะห่างของเก้าอี้เบียดกันอยู่บ้าง ลู่ป๋อหยวนขายาว ต่อให้งอขาก็ฝืนเว้นได้เพียงทางผ่านอันคับแคบ
เจี่ยนหรงก้มหน้าคิดจะเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ขณะที่เขาเพิ่งก้าวขาออกไปก้าวแรก ผู้ชมที่อยู่ด้านหน้าของลู่ป๋อหยวนพลันลุกขึ้น พร้อมกับผลักเก้าอี้ไปด้านหลัง เจี่ยนหรงได้แต่หยุดฝีเท้าเอาไว้ดื้อๆ
เจี่ยนหรงมองดูขาของตนเองที่ถูกหนีบอยู่ระหว่างสองขาของลู่ป๋อหยวน คิดอยากเลื่อยทิ้งให้สิ้นเรื่องไป
เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ด้านหน้าไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขาเลย อีกฝ่ายเดินตามเพื่อนออกไปแล้ว เจี่ยนหรงสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก ขณะกำลังคิดจะถอยหลัง จู่ๆ ลู่ป๋อหยวนกลับยืดตัวขึ้น ร่างกายโน้มมาทางเขา…จากนั้นหยุดลงในระยะห่างจากขอบกางเกงของเขาหนึ่งฝ่ามือ
ลู่ป๋อหยวนผลักเก้าอี้ด้านหน้าออกก่อนพูดว่า “ไปเถอะ”
เจี่ยนหรงทิ้งท้ายว่า ‘ขอบคุณ’ แล้วจึงเร่งความเร็วเดินผ่านลู่ป๋อหยวนออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้า
เจี่ยนหรงเพิ่งไป เสี่ยวไป๋ก็พูดอย่างเกินจริงทันที “ที่แท้นักฉอดคนนี้ก็พูดคำว่าขอบคุณเป็น!”
Pine เอ่ย “คำพูดพวกนี้นายกล้าพูดต่อหน้าเขาหรือเปล่า”
“ใครจะพูดกับเขา” เสี่ยวไป๋พูด “แต่เหมือนเขาจะเป็นแฟนคลับพี่ชายฉันจริงๆ พวกนายเห็นหมวกของเขาหรือเปล่า ด้านบนมีลายเซ็นของพี่ชายฉันด้วย”
คนอื่นต่างมองไปยังลู่ป๋อหยวน เจ้าตัวเพียงพูดเสียงเฉยชา “ไม่ได้เซ็น พิมพ์”
หยวนเชียนต่อความ “คงเป็นของที่ระลึกของการแข่งขันสักปีแหละมั้ง”
“ทีมที่มาวันนี้มีเยอะจริงๆ เมื่อกี้ฉันลองนับดู รวมพวกเราแล้วอย่างน้อยก็มากันสี่ทีม” เสี่ยวไป๋พูดจบก็เหมือนคิดอะไรได้ พูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์คนอื่น “ตอนนี้ผู้ชมทั้งสนามต่างรู้แล้วว่า Soft อยู่ที่นี่ ปกติเขาล่วงเกินคนมากขนาดนั้น แฟนคลับของนักแข่งเหล่านี้จะคิดบัญชีกับเขาหรือเปล่านะ”
พี่ติงตบหัวเขา “พอได้แล้ว เลิกเอาแต่พูดเรื่องไร้สาระสักที ฉันจะไปซื้อน้ำ นายไปกับฉัน”
เสี่ยวไป๋กับ Pine ถูกจับไปเป็นแรงงาน หยวนเชียนนั่งจนปวดเอว กำลังคิดจะลุกขึ้นเดินสองก้าวก็ถูกลู่ป๋อหยวนเรียกเอาไว้
เจี่ยนหรงใช้น้ำเย็นล้างหน้าสองรอบจึงกลับไปยังที่นั่งคนดู
ลมกลางคืนพัดมากระทบใบหน้าทำให้สดชื่นผิดปกติ ขณะเขากลับไปนั่งการแข่งขันเกมที่ห้าก็เริ่มพอดี
ห้าสิบเอ็ดนาที PUD ถูก HT พลิกเกม พ่ายแพ้การแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย หลังการแข่งขันสิ้นสุดลง เด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าปิดหน้าร้องไห้ เสียงของผู้บรรยายก็เจือสะอื้นอยู่บ้าง
“เฮ้อ น่าเสียดาย ที่จริงชนะได้แต่ไฟต์สุดท้ายเล่นไม่ดีเท่าไหร่” สือหลิวถอนหายใจไม่หยุดขณะเตรียมออกจากสนาม “เกมที่สี่มิดเลนกับจังเกิ้ลของ PUD คอลเกมกันดีขนาดนี้ ทำไมไม่ใช้คอมพ์นั้นอีกครั้งล่ะ”
เจี่ยนหรงไม่ได้ตั้งใจดู จำไม่ได้แล้วว่าเกมที่สี่ PUD ใช้แชมเปี้ยนตัวไหน
“สือหลิว!” ด้านหลังมีเสียงร้องเรียกดังมา
คนทั้งสองหันหน้าไปมอง เห็นคนของ TTC ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา
หยวนเชียนพูดว่า “ตอนนี้ทางออกทุกทางแน่นหมดแล้ว พวกเราไปทางประตูหลังได้ นายสองคนจะไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
เสี่ยวไป๋มองไปยังหยวนเชียนอย่างเหลือเชื่อ “…?”
สือหลิวเองก็ตกตะลึงเล็กน้อย “ดีเลย รถผมจอดอยู่ที่ลานจอดรถตรงประตูหลังพอดี เจี่ยนหรง เดี๋ยวฉันขับรถไปส่งนาย”
ความสะดวกสบายย่อมเป็นเรื่องดี เจี่ยนหรงส่งเสียงอืมด้วยความลังเล หันกายตามคนของทีม TTC ไป
ประตูหลังอยู่ไม่ไกล เจ้าหน้าที่ที่รู้จักกันพาพวกเขาเดินไประยะทางหนึ่งก็ถึงแล้ว หลังพี่ติงบอกลากับอีกฝ่าย คนทั้งหลายก็เดินลงบันไดไป
การแข่งขันเพิ่งสิ้นสุดก็มีฝนตกลงมาปรอยๆ ในอากาศมีความชื้นอันเย็นเฉียบแฝงอยู่ คนทั้งหมดต่างอดไม่ได้ที่จะดึงเสื้อคลุมเข้าหากัน
หยวนเชียนมองไปรอบๆ ก่อนถาม “เสี่ยวไป๋ล่ะ”
พี่ติงพูดว่า “เจอคนรู้จักเลยคุยกันอยู่น่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว”
ประตูหลังติดกับบันไดที่ยาวมากๆ หลังจากเดินลงบันไดไปคนทั้งกลุ่มก็ยืนนิ่ง
สือหลิวพูดว่า “ขอบคุณครับ งั้นพวกเรากลับก่อนแล้ว บนรถผมมีร่ม ให้เอาลงมาให้พวกคุณมั้ยครับ”
“ไม่ต้องหรอก รถของพวกเรากำลังจะถึง”
หยวนเชียนพูดจบก็เห็นเสี่ยวไป๋ซึ่งเพิ่งออกมาจากประตูหลังกำลังเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะพูด “เสี่ยวไป๋ นายช้าหน่อย ฝนเพิ่งซา บันไดจะลื่น…”
ไม่ทันขาดคำ เสี่ยวไป๋ก็ลื่นตรงบันไดขั้นรองสุดท้าย ใบหน้าขาวๆ ชนเข้ากับแผ่นหลังที่ยืนอยู่ด้านหน้าพอดี “เชี่ยเอ๊ย…”
เจี่ยนหรงรู้สึกว่าตนเองถูกอุกกาบาตกระแทกใส่
เขาถูกชนจนเซ สูญเสียสมดุลและล้มไปข้างหน้า
คนที่อยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงจึงหันหน้ามา เจี่ยนหรงใจเต้นรัว ไม่ทันเปลี่ยนทิศทาง พุ่งชนร่างคนผู้นั้นโดยตรง
ลู่ป๋อหยวนไม่ได้รูดซิปเสื้อคลุม เขาสวมเสื้อขนสัตว์อ่อนนุ่มไว้ด้านใน จังหวะนี้เองที่เจี่ยนหรงได้กลิ่นบนเสื้อขนสัตว์ กลิ่นหอมจางมากๆ แยกได้ไม่ชัดว่าเป็นกลิ่นสบู่ไม่ก็กลิ่นเจลอาบน้ำหรือเปล่า
เพื่อเป็นการรักษาสมดุล ลู่ป๋อหยวนจึงยกมือขึ้นจับท้ายทอยของเขาเล็กน้อย คนทั้งสองถึงยืนนิ่งในที่สุด
ไม่รอเจี่ยนหรงตอบสนอง ลู่ป๋อหยวนก็ชักมือออกแล้วถามเขาว่า “เจ็บมั้ย”
เมื่อรับรู้ได้ถึงความสั่นไหวในทรวงอกขณะฝ่ายตรงข้ามพูด เจี่ยนหรงเหมือนถูกฟ้าผ่าเล็กน้อย เงยหน้าออกจากเสื้อผ้าของลู่ป๋อหยวนทันที แถมยังถอยไปข้างหลังอีกสองก้าว เขาส่ายหน้าก่อนจากนั้นอีกไม่กี่วินาทีให้หลังก็พูดอย่างแข็งทื่อว่า “ไม่เจ็บ”
เสี่ยวไป๋ไม่มีคนรับไว้จึงล้มหน้าคะมำ ยังดีที่ระหว่างทางมีเจี่ยนหรงชะลอความเร็วให้เขาเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นคงเลือดตกยางออกแล้ว
เขาลุกขึ้นมองเจี่ยนหรงทันที “ขอโทษๆ! ทางลื่นไปหน่อย ฉันยืนไม่มั่นคง นายเจ็บหรือเปล่า ฉันจะพานายไปตรวจที่โรง’บาลสักหน่อย…”
พอเห็นท่าทางที่เขาจะเดินเข้ามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของตน เจี่ยนหรงก็ถอยหลังสองก้าวทันที
“ไม่ต้อง” เจี่ยนหรงพูด “ห่างจากฉันหน่อย”
เสี่ยวไป๋ “…”
พอเจี่ยนหรงตามสือหลิวไป เสี่ยวไป๋ก็ตบหน้าอกอย่างตกใจไม่หาย
หลังดีขึ้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าขมขื่น “เมื่อกี้ฉันชนแรงขนาดนั้น Soft ต้องแค้นแน่ ต่อไปคงว่าร้ายฉันเต็มที่”
หยวนเชียนปลอบใจเขา “ไม่หรอก”
“ต้องใช่สิ! พวกพี่เห็นท่าทางของเขาเมื่อกี้มั้ย” เสี่ยวไป๋พูดอย่างโศกเศร้า “เขาโกรธฉันจนหน้าแดงหมดแล้ว เหมือนกับมะเขือเทศ…มีคนด่าเขาในสตรีมทุกวันเขายังไม่เคยโกรธจนหน้าแดงมาก่อน!”
โปรดติดตามตอนต่อไป…
ติดตามบทต่อไป ได้ในวันที่ 19 ก.ค. 65