เนี่ยชังหมิงกัดฟันกรอด ก่อนจะแค่นยิ้มฉุนๆ
“ใต้เท้าถาน เจ้าไม่ยอมลาออกจากราชการ ข้าก็ไม่ห้าม เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อ ข้าก็จะไม่ขับไล่ไสส่ง เก็บน้ำตาของเจ้าได้แล้ว” น้ำตาของสตรีช่างไม่มีราคาเอาเสียเลย
“จริงหรือพี่ใหญ่” นางถามด้วยดวงตาฉ่ำคลอ
เขาสะบัดแขนเสื้อ “แล้วแต่เจ้าเถิด” อยากรนหาที่ตายเองก็อย่ามาโทษเขาแล้วกัน “เสี่ยวจิ่น กลับจวน”
“พี่ใหญ่ควรกลับจวนผู้บัญชาการแล้วจริงๆ” น้ำตานางเหมือนสั่งได้ สองแก้มยังเปียกเป็นทาง แต่ไม่มีน้ำใสไหลลงมาจากดวงเนตรสุกใสแล้ว นางแย้มยิ้มบาง “รีบกลับไปเสีย จะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน”
เขาชะงักเท้า หันไปมองอีกฝ่าย “ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน?”
“พี่ใหญ่เก็บสัมภาระเพื่อจะกลับไปอยู่จวนผู้บัญชาการ ทำแบบนี้ดีกับท่าน แล้วก็ดีกับพวกเรา ความจริงค่าเช่าแต่ละเดือนถือเป็นเงินที่น้อยมากสำหรับท่าน หากให้พวกเราเข้ามาอยู่โดยไม่เก็บค่าเช่า ย่อมมีบัณฑิตซาบซึ้งในน้ำใจท่านไม่รู้กี่คน ต่อไปเมื่อพวกเขาเหล่านี้ได้เข้าทำงานในสภาขุนนางเอย เป็นราชบัณฑิตเอย รองเสนาบดีเอย เสนาบดีเอย ก็จะนึกถึงบุญคุณท่านและอยากตอบแทนอย่างแน่นอน นี่คือการลงทุนระยะยาว แต่ท่านไม่ต้องการ ถึงอย่างไรก็จะเก็บค่าเช่าจากพวกเรา อาหารสามมื้อรวมอยู่ในค่าเช่า ส่วนของกินจุบจิบต้องจ่ายเงิน มีบ่าวให้เรียกใช้ แต่ทั้งเรือนที่ให้เช่ามีบ่าวแค่คนเดียว ดีกว่าโรงเตี๊ยมทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเอง พี่ใหญ่ ท่านจงใจเลี่ยงภัย”
เขาหรี่ตา “เลี่ยงภัยอะไร”
“ภัยที่จะถูกครหา ไม่ให้ใครมาพูดได้ว่าท่านชุบเลี้ยงสหายขุนนางเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”
ชายหนุ่มสาวเท้าพรวดไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง เสี่ยวจิ่นนึกว่าเขาจะต่อยอีกฝ่าย ก็รีบดึงไว้พลางร้องเรียกอย่างตกใจ “นายท่าน!”
“เจ้า…”
“พี่ใหญ่?” นางยิ้ม
เขาอยากแสนอยากที่จะจับไหล่นางเขย่าแรงๆ แล้วถามว่าเหตุใดต้องเป็นสตรี หากเป็นบุรุษจะดีสักแค่ไหนกันเชียว! คนที่เดาใจเขาได้มีแต่นางนี่ล่ะ
ตัวเขามีน้องชาย ทว่าแต่ละคนมีความมุ่งมาดแตกต่างกัน พวกน้องๆ ไม่เห็นดีเห็นงามที่เขาเลือกชาติบ้านเมือง แต่ก็ไม่เคยคัดค้าน เรื่องจะเข้าใจความคิดอ่านที่เขามีต่อราชสำนักนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง หากนางเป็นบุรุษก็ดีสิ เขาจะได้รับนางเป็นน้องบุญธรรม แล้วทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แผ่นดินด้วยกัน!
แต่นี่นางเป็นสตรี สตรีคนหนึ่งจะทำอะไรได้!
“นายท่านอย่าโมโหๆ” เสี่ยวจิ่นละล่ำละลัก รู้สึกตกอกตกใจยิ่งนักที่เห็นเส้นเลือดของเนี่ยชังหมิงปูดขึ้นมาบนผิว นับตั้งแต่ติดตามเขามา นางยังไม่เคยเห็นเขาแสดงสีหน้าอย่างอื่นนอกเหนือไปจากความแจ่มใส ต่อให้มีคนยั่วโทสะหรือพูดจาว่าร้าย นายท่านก็ไม่เคยโกรธขึ้งเลยสักครั้ง แต่วันนี้กลับเดือดดาลครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะคนคนเดิม
“พี่ใหญ่ เดินดีๆ ล่ะ ข้าขี้เกียจ ขอไม่ไปส่งนะ” นางยิ้มกว้าง
เนี่ยชังหมิงจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่สักอึดใจก็เอ่ยลอดไรฟัน “เสี่ยวจิ่น ไปกันเถิด”
เขามองนางอีกครั้ง รู้สึกอยากจะตีอกชกหัวนัก มองนางทีไรก็เสียดายจนปวดใจทุกที คนฉลาดเฉลียวเก่งกาจเช่นนี้…กลับเป็นสตรี!
ถานอู่ฟูมองตามหลังคนสองคนที่เดินจากไป แล้วพึมพำเสียงค่อย
“ใช้ความคิดนี่…เหนื่อยจริง”
นางไม่ใคร่ชอบใช้สมองนัก แต่การตอบโต้กับเขานอกจากต้องคอยสังเกตสีหน้า ยังต้องคอยคาดเดาความคิด สมองเล็กๆ ที่แทบขึ้นสนิมอยู่รอมร่อของนางจึงต้องทำงานไม่หยุด
“ประหลาดแท้ เหตุใดเขาถึงได้ไม่ชอบข้านะ พวกชอบคนเก่งอย่างเขาต้องดีกับข้ามากๆ ถึงจะถูก กลับกลายเป็นขวางหูขวางตาเขาไปเสียได้ เพราะอะไรกัน” นางครุ่นคิดกับตัวเอง จวบจนลมเย็นพัดมากระทบร่างก็สะท้านเฮือก แล้วรีบพักเรื่องปวดหัวไว้ก่อน
เขาเดาใจยาก แต่ช่างเถิด เป็นที่พึ่งให้นางได้ก็พอ นางบิซาลาเปาอีกลูก ฉีกแป้งทิ้งกินแต่ไส้ ก่อนเอ่ยงึมงำ “อิ่มจัง…”
(ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ส.ค. 62)