เนี่ยชังหมิงยิ้มบางแล้วเอ่ยเบาๆ
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เจ้าไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นอาลักษณ์อยู่ในสำนักราชบัณฑิตต่อไป จะได้ไม่ต้องไปเข่นฆ่าข้าศึก”
“ข้ารู้จักประเมินตัวเองอยู่หรอกน่า ข้ามันแรงน้อย อย่าว่าแต่ฆ่าข้าศึกเลย แม้แต่จะฆ่าไก่ยังไม่มีปัญญา ออกไปทำศึกเพื่อแสดงความจงรักภักดี เกิดตายไปก็เปล่าประโยชน์ สู้คอยใช้สมองวางแผนอยู่แนวหลังดีกว่า”
นางถอนหายใจเฮือก หิมะขาวโปรยปรายลงมาติดเรือนผมยาวที่มัดรวบไว้ เขาเห็นเข้าจึงช่วยปัดออกให้เบาๆ
เสี่ยวจิ่นที่ถือร่มคันเล็กเดินตามหลังนิ่งชะงัก เลือดฉีดซู่ขึ้นหัว ขณะโพล่งออกไปว่า “พี่ชายอู่ฟูหนักไม่เอาเบาไม่สู้ ดีนะไม่ได้เกิดมาเป็นสตรี ไม่เช่นนั้นจะเข้าครัวตุ๋นแกงให้สามีกินได้อย่างไร”
เด็กน้อยจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘สตรี’ ให้นายท่านฟัง ขอให้นางคิดมากไปเองเถิด นางมักจะรู้สึกว่านายท่านเป็นเหมือนที่ข้างนอกลือกันอยู่เรื่อย
“ถึงอย่างไรข้าหนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้อยู่แล้ว ไว้รอให้เสี่ยวจิ่นโตเมื่อไร ข้าค่อยแต่งงานกับแม่นางน้อยที่ทำได้ทุกอย่างแบบเจ้าแล้วกัน” ถานอู่ฟูหัวเราะเบาๆ แล้วเปิดประตูห้องโถงโดยที่เด็กหญิงคัดค้านไม่ทัน
ไออุ่นทะลักออกมา นางรีบสาวเท้าเข้าไปข้างในทันที
เกี๊ยวแบบทางเหนือขึ้นควันฉุยอยู่บนโต๊ะกลม ต้วนหยวนเจ๋อที่นั่งอยู่เอ่ยทักทายยิ้มๆ “มาเสียทีนะ ข้ากำลังพนันอยู่เลยว่าคนผอมบางอย่างเจ้าจะเป็นลมล้มพับไปในงานถวายพระพรปีไหน!”
ถานอู่ฟูเดาะลิ้น ขณะเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะพร้อมเนี่ยชังหมิง ตรงข้ามนางคือถานเสี่ยนย่า นางสังเกตเห็นเขา เพราะเขาจ้องนางไม่วางตาตั้งแต่ที่นางเดินเข้ามาในห้องแล้ว
นางส่งยิ้มบางๆ ไปให้ “พี่เสี่ยนย่า เป็นอะไรไปหรือ”
“เอ่อ…” ถานเสี่ยนย่าได้สติ หน้าแดงเรื่อ รีบหลุบตามองต่ำแทบไม่ทัน “ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไร…” แค่เผลอมองตาค้างเท่านั้น
เขากับถานอู่ฟูเกี่ยวพันกันในฐานะสหายร่วมงาน แต่ยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายในชุดอื่นมาก่อน เวลาใส่เครื่องแบบขุนนาง คนผู้นี้แม้จะสูงโปร่ง ทว่าก็มีความนุ่มนวลอ่อนช้อยอยู่ในตัว มิน่า…มิน่าเนี่ยชังหมิงถึงมีความชื่นชอบอย่างนั้นไปได้ เพราะอีกฝ่ายคืออู่ฟูนี่เอง…เมื่อครู่ขนาดเขายังใจเต้นแรงเลย
ต้วนหยวนเจ๋อมองถานเสี่ยนย่า ก่อนจะหันไปมองเนี่ยชังหมิงที่ไม่มีอาการรู้สึกรู้สา แล้วช่วยคลี่คลายบรรยากาศให้ “ใต้เท้าถานอย่าได้ถือสา อู่ฟูงามกว่าดอกไม้เป็นเรื่องจริง ขนาดข้าเจอกันอยู่บ่อยๆ บางทียังมองตาค้าง นับประสาอะไรกับท่าน”
“งามกว่าดอกไม้อะไรกัน ดอกไม้มีตั้งหลายชนิด พี่ใหญ่ ท่านว่าข้าเป็นดอกอะไรดี” ถานอู่ฟูถามยิ้มๆ ดูจะไม่คิดมากที่คนมองว่าตนเหมือนสตรี
เนี่ยชังหมิงยิ้มบาง “ข้าว่าเจ้าไม่เหมือนดอกไม้อะไรทั้งนั้น แต่เหมือนตัวเพียงพอนมากกว่า รีบกินเข้าเถิด เย็นแล้วเดี๋ยวเสียรสหมด” เขาว่าพลางดันเกี๊ยวในชามกลมไปตรงหน้านาง แล้วหันมาพูดกับถานเสี่ยนย่า “เชิญใต้เท้าถาน ปีใหม่บรรยากาศใหม่ พ่อครัวทำอะไรสนุกๆ เอาไว้ หากท่านกินแล้วเจอรสหวาน ก็ขอแสดงความยินดีว่าปีนี้ชีวิตท่านจะต้องราบรื่นผาสุกอย่างแน่นอน”
ถานเสี่ยนย่าหยิบตะเกียบ มองเกี๊ยวสองสามจานบนโต๊ะ พอเหลือบไปเห็นเกี๊ยวน้ำที่วางอยู่ตรงหน้าถานอู่ฟูโดยเฉพาะก็เกิดฉุกใจ
“ในเมื่อจะเสี่ยงดวง เหตุใดอู่ฟูถึงไม่กินกับคนอื่นเล่า” หรือว่าป่วยเป็นโรคอะไรแล้วกลัวจะติดคนอื่น
“เขาเลือกกินน่ะ”
“เลือกกิน?” ถานเสี่ยนย่าอุทานเสียงหลง จ้องมองคนที่กำลังกินเกี๊ยวน้ำอย่างสบายอารมณ์ก็ให้ฉุนขึ้นมาในใจ “เป็นบุรุษเลือกกินได้หรือ มิน่าเล่า คนอื่นถึงมองว่าเจ้าเป็น…” เป็นสมบัติของเนี่ยชังหมิง เป็นภรรยาชายของเนี่ยชังหมิง เป็นกระต่ายที่แยกเพศไม่ออก…
น่ารังเกียจเหลือเกิน! ที่ผ่านมาเขายังนึกว่าคนรอบข้างพูดเกินไป แค่เพราะอู่ฟูรูปร่างหน้าตาเหมือนสตรีก็ถูกกล่าวหาว่านิยมบุรุษ มาวันนี้…ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก! ดีนะที่เขาอยู่ด้วย เขาจะช่วยดึงอู่ฟูออกมาจากเส้นทางมิดีมิงามนี้เอง
อีกสามคนที่เหลือมองเขาฮึดฮัด ดวงตาเนี่ยชังหมิงเป็นประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง หากแต่ไม่เอ่ยอะไร
ถานอู่ฟูกล่าวยิ้มๆ อย่างนึกสนุก “พี่เสี่ยนย่า คำพูดของท่านไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย สตรีเท่านั้นหรือถึงจะเลือกกินได้”
“เป็นบุรุษอกสามศอกจะเลือกกินได้อย่างไร” จะเปลี่ยนพฤติกรรมถานอู่ฟูก็ต้องเริ่มจากปรับมุมมองให้ถูกต้องเสียก่อน อู่ฟูจอมซื่อบื้อ ดูไม่ออกหรือว่าเขาตั้งใจช่วย
พอจะปัดเกี๊ยวที่นางคีบอยู่ออก เนี่ยชังหมิงก็เอื้อมมือมากันไว้แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “ใต้เท้าถาน อู่ฟูไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว จะเลือกกินก็ปล่อยไปเถิด”
“นั่นสิๆ” ต้วนหยวนเจ๋อก็คิดว่าเขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นกัน “คนเรามีข้อดีข้อเสียทุกคน ชอบหรือไม่ชอบห่างกันแค่เส้นบางๆ ดูอย่างข้าสิ ข้าเองก็มีคนที่ไม่ชอบ มีเรื่องที่ไม่ชอบ มีของกินที่ไม่ชอบเช่นกัน”