รถมอเตอร์ไซค์คันโตวิ่งมาชะลอตรงลานหน้าอาคารสำนักงานสูงสี่ชั้น อันที่จริงจะเรียกว่าลานจอดรถก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะพื้นที่ตรงนี้แคบจนแทบจะต้องจอดรถยนต์ในแนวนอนขนานกับถนนหน้าอาคาร และเวลานี้ตรงหน้าอาคารก็มีทั้งรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์จอดอยู่เกือบเต็ม
ดวงตาที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกกันน็อคแบบเต็มใบสอดส่ายไปมา พอเห็นช่องว่างตรงข้างป้ายโลหะซึ่งติดชื่อบริษัทที่ตั้งอยู่ในอาคารนี้ รถมอเตอร์ไซค์ก็ถูกหักหัวปราดเข้าไปจอดทันที ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ก็ตวัดขาลงมายืนบนพื้น สองมือถอดหมวกกันน็อคออกจากศีรษะ เผยให้เห็นใบหน้าเรียวที่ขาวใสจนเห็นแก้มที่ขึ้นสีระเรื่อจากความร้อนอย่างชัดเจน
กานต์สะบัดศีรษะนิดหน่อย ใช้มือสางผมซอยสั้นที่ชื้นด้วยเหงื่อแบบลวกๆ จากนั้นเธอก็หันไปเก็บหมวกกันน็อคก่อนจะเดินเข้าไปในอาคาร พื้นที่ล็อบบี้ของอาคารไม่ได้กว้างขวางและไม่ได้มีพนักงานประจำอยู่ด้วย มีแค่ชุดโซฟาเล็กๆ ตั้งอยู่ ลึกเข้าไปเป็นประตูกระจกกั้นโถงลิฟต์เอาไว้ ข้างประตูมีตัวล็อกดิจิตอล พนักงานในบริษัทที่อยู่ในตึกนี้จะมีคีย์การ์ดซึ่งสามารถใช้ผ่านเข้าไปในโถงลิฟต์ได้ แม้กานต์จะไม่ได้เป็นพนักงานแต่ก็มีคีย์การ์ดเลยสามารถเข้าลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสามได้สะดวกโยธิน
เมื่อประตูลิฟต์เปิดกานต์ก็ก้าวเข้าสู่โถงลิฟต์แคบๆ ตรงหน้ามีประตูกระจกแบบทึบแสงอีกบานและดิจิตอลล็อกอีกตัว แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอเหมือนเคย คราวนี้พอสแกนลายนิ้วมือแล้วเธอก็ได้เข้าสู่บริษัท Archwin สมความตั้งใจ
ด้านหลังประตูเป็นห้องกว้าง มีโต๊ะทำงานกับชุดคอมพิวเตอร์ตั้งเรียงเป็นสามแถวรวมสิบกว่าตัว แทบทุกโต๊ะมีคนนั่งประจำอยู่ สุรทินหรือหมู หนุ่มรุ่นน้องซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้ประตูเป็นคนแรกที่หันมา พอเห็นว่าผู้มาเยือนคือใครก็ส่งเสียงทักอย่างแปลกใจ
“อ้าว พี่กานต์ มาไง”
“ขี่นิลมังกรมา” หญิงสาวเอ่ยถึงรถมอเตอร์ไซค์สุดรักที่เธอตั้งชื่อให้อย่างเก๋ไก๋ ก่อนจะพูดต่อทันทีโดยไม่เปิดโอกาสให้หนุ่มรุ่นน้องบ่น “พี่วินเรียกมาคุย เห็นว่ามีงานอยากให้ดู”
“อ๋อ งานบ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาแน่ๆ เลย” อีกฝ่ายทำท่านึกขึ้นได้
กานต์ไม่ได้โต้ตอบทันที เธอหันไปเอ่ยทักทายเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องในสำนักงานที่ล้วนคุ้นเคยกันดี ทำให้เกิดเสียงเซ็งแซ่ไปหมด ก่อนที่จะหันกลับมาถามสุรทิน
“แล้วนี่พี่วินอยู่ไหม”
“อ้าว นี่พี่ไม่ได้โทรมาถามพี่วินก่อนเรอะ” เขาขมวดคิ้ว “โชคดีนะวันนี้พี่วินอยู่ ไปเคาะประตูได้เลยแหละ”
“แต๊งกิ้ว” กานต์บอก ก่อนจะก้าวยาวๆ ลึกเข้าไปด้านในสำนักงานซึ่งกั้นเป็นห้องทำงานเล็กๆ เธอเคาะประตูห้อง พอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดเข้าไป
อาชวินละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มามอง แล้วเขาก็เลิกคิ้ว
“อ้าว กานต์”
“กานต์ลืมโทรมาก่อน” หญิงสาวยิ้มแห้งพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้รุ่นพี่ เธอมัวแต่คิดว่าอยากได้งานทำจนลืม
“พี่ก็ว่างั้นแหละ” เขาหัวเราะอย่างไม่ถือสา จากนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงเรียก “มานั่งสิ เดี๋ยวพี่เอางานที่บอกให้ดู”
กานต์หันไปดึงประตูปิดให้สนิทก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของรุ่นพี่
อาชวินเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนสถาปัตย์ของเธอ…ใช่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์นั่นแหละ เขาเป็นสถาปนิก และเธอก็เป็นสถาปนิกเช่นกัน เพียงแต่รุ่นพี่ของเธอนั้นดีกรีไม่ธรรมดา เรียกว่าเด่นดังเป็นตัวท็อปตั้งแต่สมัยเรียน ถึงขั้นเคยได้ทุนไปแลกเปลี่ยนที่อิตาลี ทั้งยังได้ฝึกงานกับบริษัทสถาปนิกระดับโลก มีชื่ออยู่ในโปรเจ็กต์ก่อสร้างอาคารที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ พอเรียนจบแล้วเขาก็ยังทำงานที่เมืองนอกอีกพักใหญ่ ก่อนจะกลับมาอยู่บริษัทใหญ่ในไทย ครั้นรวบรวมคอนเน็กชั่นได้พอสมควรเขาก็มาเปิดบริษัทของตัวเองในที่สุด