บทที่ 1
‘หญิงงามแง้มม่านมุก นั่งไม่ลุกขมวดคิ้วสวย เพียงเห็นน้ำตารินรวย ไม่รู้ว่าใจแค้นใคร’
แค้นใคร
แค้นสวรรค์อย่างไรเล่า
แค้นพวกที่แอบแกล้งนาง อย่าให้รู้เชียวนะว่าใครเป็นคนทำ ไม่เช่นนั้นรับรองว่านางจะต้องกลืนมันลงท้องไปทีเดียวทั้งตัวแน่นอน!
เพราะถ้าหากไม่มีใครแอบแกล้งนางแล้ว วันนี้นางจะมานั่งทุกข์ตรม น้ำตารินเป็นสายเช่นนี้หรือ
“คุณ…คุณชายรอง…” เสียงกระเส่าดังมาจากนอกหน้าต่างไม่ขาดสาย
สงสารนางที่ถูกบังคับให้ต้องมาดูการเริงรมย์…ใจคอจะไม่ให้เหลือทางรอดกันเลยใช่หรือไม่
ปีนี้นางเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง ขอร้องล่ะ! ร่างเล็กกระจ้อยร่อยนี้เพิ่งจะสิบขวบกว่าเท่านั้น เจ้าโง่สองคนที่ใจร้อนอยากเร่งสมสู่กันข้างนอกนั่นไม่รู้จักไสหัวไปให้ไกลๆ หน่อยหรือไร
นางไม่ได้อยากแอบมองพวกเขาหรอกนะ…แต่นางหิวมาก หิวมากๆๆๆ!
นึกว่าที่นางตลบม้วนม่านลูกปัดขึ้นเพราะอยากเห็นพวกเขาสองคนมาทำอะไรเช่นนี้หรือ เปล่าเลย! นางแค่หิวเลยอยากจะดูว่าเสวี่ยเยี่ยนเอาอาหารกลับมาแล้วหรือยัง เหตุใดจึงให้นางคอยนานนัก แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นเสวี่ยเยี่ยนก็ได้ยินเสียงคนสองคนที่มาสมสู่กันที่ใต้หน้าต่างเสียก่อน…
นางช่างน่าสงสารนัก น่าสงสารจริงๆ…
ตอนแรกจุดประสงค์ของนางที่เข้ามาในเรื่อง ‘ความฝันในหอแดง’ คือสุราอาหารเลิศรสของคฤหาสน์สกุลจย่า แต่ผู้ใดจะรู้ว่าตัวนางลิขิตมิสู้ผู้อื่นลิขิตให้ เพราะมีใครบางคนแอบเล่นงานนาง ซ้ำยังทำอย่างไร้มนุษยธรรม น่ารังเกียจเป็นที่สุด เหมือนเคยมีความแค้นกับนางมาหลายชั่วโคตร เสียดายที่จำนวนคนที่นางเคยล่วงเกินมีมากเกินไป จำเป็นต้องใช้นิ้วมือสิบนิ้วนับกันหลายร้อยรอบ ทำให้นางคาดเดาไม่ถูกว่าตกลงเป็นผู้ใดที่มีความเป็นไปได้ที่จะเล่นตลกเช่นนี้…เพราะทุกคนล้วนมีสิทธิ์กันทั้งสิ้น!
ฮือๆ…นางทำผิดกฎสวรรค์ข้อใดกัน แค่ตะกละนิดหน่อย นั่นก็กิน นี่ก็กินแค่นี้ มันผิดถึงขนาดต้องเอาชีวิตนางเลยหรือ!
นางเป็นใคร นางเป็นเทพปีมะเส็งเชียวนะ!
เซียนบนสวรรค์บอกว่าในการแข่งขันวิ่งผลัดระยะไกล พวกนางทั้งสิบสองนักษัตรจะต้องเข้ามาหาคู่ร่วมแข่งขันจากหนังสือหมวดนิทานโบราณ รอให้คู่แข่งขันหมดสิ้นอายุขัยแล้วค่อยพากลับไปที่แดนเซียน นางจึงเลือกเรื่องความฝันในหอแดงอย่างไม่พูดมากและตัดสินใจว่าจะเป็นเซวียเป่าไชเพราะอยากอยู่ดีกินอร่อย
แต่สวรรค์กลับทำร้ายนาง!
ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นถึงทำให้นางไม่ได้เป็นเซวียเป่าไช แต่กลับเป็นหลินไต้อวี้แทน!
ฮือๆ…จะให้เป็นใครก็ได้ แต่นางกลับต้องเป็นผีเจ้าน้ำตาที่ตนเองไม่ได้อยากจะเป็นเลยสักนิด ทำให้นางต้องกระหน่ำร้องไห้เป็นพายุทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ร้องจนตัวนางเองรู้สึกเหนื่อย
แต่เมื่อเรื่องมันกลายเป็นอย่างนี้แล้วยังจะทำอะไรได้อีก ทว่าความหายนะที่สุดคงไม่หยุดอยู่แค่นี้และไม่รู้ด้วยว่าจะมีเรื่องวินาศสันตะโรอะไรตามมา
นางทะลุมิติมาตอนหลินไต้อวี้เริ่มเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์สกุลจย่าตอนอายุเจ็ดขวบ ในใจคิดว่าจะมากจะน้อยนางคงได้อยู่ดีกินอร่อยบ้างเพราะมีฮูหยินผู้เฒ่าจย่าผู้เป็นยายคอยคุ้มศีรษะ ผู้ใดจะรู้ว่าทันทีที่ร่างอันเปราะบางของหลินไต้อวี้เข้ามาอยู่ในสกุลจย่าก็เกิดล้มป่วย ทำให้นางต้องเริ่มต้นกลืนยาทั้งที่ยังไม่ทันได้กินอย่างอื่น วันทั้งวันหลินไต้อวี้ต้องกินแต่ของขมๆ ที่นางเกลียดที่สุด ทั้งที่นางไม่กินรสขมแต่กลับถูกบังคับให้ต้องกินยารอบแล้วรอบเล่า
พักฟื้นมากว่าครึ่งปีแต่กลับยังมีสภาพเหมือนตายเพราะได้แต่นอนป่วยเช่นนี้ทำให้หลินไต้อวี้เริ่มเอะใจว่าต่อให้ร่างนี้จะเปราะบางมากเพียงใดก็ไม่น่าที่จะยิ่งกินยาแล้วยิ่งแย่ นางจึงหยุดกินยาทั้งหมดและให้สาวใช้ประจำตัว เสวี่ยเยี่ยนไปเอายาลูกกลอนที่ว่ากันว่านางกินมาตั้งแต่เล็กจนโตมาแทน หึ ไม่ถึงสามวันนางก็ลงจากเตียงได้แล้ว
เช่นนี้พอจะเข้าใจแล้วหรือยังว่ามันหมายความว่าอะไร
เข้าใจสิ ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดเลยด้วยซ้ำ ในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้จะต้องมีผีอยู่แน่ๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฮูหยินผู้เฒ่าจย่าที่บอกว่ารักถนอมหลินไต้อวี้เป็นที่สุดไม่เคยมาเยี่ยมนางเลย เรื่องนี้สิที่ผิดปกติอย่างจริงจัง! และนั่นกลับทำให้นางต้องนึกย้อนไปถึงเรื่องความฝันในหอแดงอย่างละเอียดแล้วพบว่าเนื้อหาของมันไม่ได้เป็นเช่นนี้
แต่สรุปคือเวลานี้นางอาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านผู้อื่นย่อมต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ก่อน
ถ้าอยากอยู่ในคฤหาสน์สกุลจย่าที่เต็มไปด้วยมรสุมอย่างอยู่ดีกินอร่อย นางจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนเล็กน้อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นการคารวะผู้ใหญ่ตอนเช้าและตอนเย็นที่เรียบง่ายที่สุด นางต้องทำเป็นเวียนศีรษะและเดินไปคารวะด้วยอาการโซซัดโซเซพร้อมสังเกตดูท่าทีของทุกคนจนสรุปได้ว่านางไม่เป็นที่ต้อนรับ
ต้องบอกก่อนว่าสะใภ้สองคนของท่านยายซึ่งก็คือท่านป้าทั้งสองคนของนางไม่ชอบนาง เรื่องนี้หลินไต้อวี้ไม่รู้สึกแปลก แต่ขนาดท่านยายยังไม่อยากเห็นหน้านางนี่สิ…