สามปี…นางดิ้นรนต่อสู้อย่างทรมานอยู่ในคฤหาสน์สกุลจย่ามาสามปี ยังไม่ทันได้ลิ้มของอร่อยก็จะให้จากไปหรือ ไม่มีทาง! สาเหตุที่นางฝืนปักหลักอยู่ที่นี่ไม่ไปที่ใด ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้หรือ หาไม่ นางคงกระโดดลงบ่อน้ำเพื่อสละสิทธิ์และกลับแดนเซียนไปแล้ว!
“คุณหนูทำเพื่อของกินใช่หรือไม่เจ้าคะ” เสวี่ยเยี่ยนหรี่นัยน์ตาประดุจเมล็ดซิ่ง ลง
แววตาเพ้อฝันของหลินไต้อวี้แลดูผิดปกติ แต่ลองว่าอีกฝ่ายไม่ยอมรับแล้ว นางจะทำอะไรได้
“เฮ้อ พอคุณหนูเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์สกุลจย่าแล้วก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เอาแต่ถามถึงเรื่องอาหารในจวนอยู่นั่น ขนาดไม่สบายยังเพ้อหาขาหมูตุ๋นอีก” เสวี่ยเยี่ยนติดตามคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก แม้ไม่กล้าพูดว่าสนิทสนมกันดุจพี่น้อง แต่นิสัยของคุณหนูเป็นอย่างไรนางรู้ดีที่สุด
“ข้าละเมอจริงหรือ” หลินไต้อวี้ถามอย่างแปลกใจแล้วเห็นเสวี่ยเยี่ยนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้นางต้องเม้มริมฝีปาก
น่าชังนัก ขาหมูตุ๋น แม้แต่กลิ่นนางก็ยังไม่เคยได้สัมผัส แล้วจะให้นางตัดใจจากไปได้อย่างไร
คฤหาสน์สกุลจย่าเป็นสถานที่น่ารังเกียจ มั่วกามราคะเหมือนในหนังสือที่นางอ่าน แต่กลับไม่รู้ว่าใครกำหนดสถานภาพของผู้ใหญ่กับผู้น้อยให้ต่างกันปานฟ้ากับเหว ต่อให้นางไม่ป่วยแล้วอยากกินของดีๆ ก็ยังไม่ได้! ขนาดพวกสาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสที่อยู่ข้างกายท่านยายต่างมองไม่เห็นหัว ทำให้นางรู้ว่า…
“น้องหลิน”
เสียงใสกังวานดังมาจากทางประตูพร้อมกลิ่นหอมของโจ๊ก ชั่วขณะที่หลินไต้อวี้หันหน้าไปเห็นรอยยิ้มที่ทำให้ดวงจันทร์ต้องสิ้นสีสัน นัยน์ตาแวววาวพลันจับนิ่งอยู่ที่กล่องอาหารในมือจย่าอิ๋งชุน ทำให้ต้องออกแรงกลืนน้ำลายที่เริ่มสอออกมาให้กลับลงคอแล้วเอ่ยเรียกอีกฝ่าย
“พี่อิ๋งชุน ทั่นชุน น้องซีชุน!” หลินไต้อวี้เหมือนนกขมิ้นที่หลุดพ้นจากกรง ร้องรับผู้มาเยือนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวลอย่างที่สุดโดยไม่ได้หันไปมองเสวี่ยเยี่ยนที่แอบถอนหายใจแรงๆ เลย
“ไม่ต้องๆ เจ้ายังต้องพักฟื้น จะลงจากเตียงได้อย่างไร” จย่าทั่นชุนรีบเข้ามาดึงตัวนางไว้และบังคับให้หลินไต้อวี้นั่งลงบนเตียง
จย่าซีชุนที่อายุน้อยที่สุดเข้าไปช่วยเสวี่ยเยี่ยนยกโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่งขึ้นไปวางบนเตียงโดยไม่ต้องมีใครบอก เพื่อให้จย่าอิ๋งชุนวางถาดอาหารได้สะดวก
“กินอาหารเย็นแล้วหรือยัง” จย่าอิ๋งชุนมีใบหน้างดงามดุจหยกและมีรอยยิ้มอ่อนโยนน้อยๆ ดูใจดีเหมือนพี่สาวที่มีความหนักแน่น พึ่งพาได้
ก่อนที่เสวี่ยเยี่ยนจะได้เอ่ยปาก หลินไต้อวี้ชิงพูดก่อนว่า “ยังเลย ข้าหิวจะแย่” นางไม่ได้พูดปดนะ ตอนดื่มโจ๊กเมื่อครู่เหมือนดื่มน้ำไม่มีผิด จะให้หลอกท้องไส้คงทำได้ยาก
“พี่อิ๋งชุนบอกว่าเจ้าต้องหิวแน่เลยตั้งใจลงครัวทำโจ๊กรวมมิตรง่ายๆ มาให้” จย่าทั่นชุนมีใบหน้างดงามประดุจบุปผา หว่างคิ้วแฝงความเฉลียวฉลาด อายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินไต้อวี้ แต่ตัวเตี้ยกว่านางมาก
“ทั้งหมดนี่ให้ข้าหรือ” หลินไต้อวี้มองโจ๊กรวมมิตรที่ดูแล้วน่าจะพอให้คนสักสามถึงห้าคนกินแล้วรู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จย่าซีชุนเป็นคนพูดน้อยจึงไปนั่งอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะเตี้ย นัยน์ตาคู่งามจ้องเป๋งไปทางเสวี่ยเยี่ยนคล้ายคอยให้นางเข้ามาปรนนิบัติ เนื่องจากพวกนางสามคนไม่ได้พาสาวใช้มาด้วย
เสวี่ยเยี่ยนลูบจมูกแล้วเข้าไปตักโจ๊กรวมมิตรวางลงตรงหน้าทุกคนคนละชาม นางเห็นว่านัยน์ตาของคุณหนูฉายแววผิดหวังอยู่รางๆ ห่อเหี่ยวเหมือนต้นกล้วยน้ำว้าด้านนอก ทำให้หางตานางต้องกระตุก ก่อนที่เสวี่ยเยี่ยนจะถอยหลังไปอยู่ข้างกายคุณหนูอย่างช้าๆ
เท่าที่เสวี่ยเยี่ยนเห็น หลินไต้อวี้ดูปวดใจเหมือนจะตาย
เพราะนางเข้าใจว่าโจ๊กรวมมิตรทั้งหม้อเป็นของนางคนเดียว แต่สุดท้ายนางกลับได้โจ๊กรวมมิตรมาแค่ชามเดียว…แต่จะตำหนิพวกพี่น้องชุนทั้งสามก็ไม่ได้ เพราะพวกนางคงยังไม่ได้กินอาหารมาเหมือนกัน
จย่าอิ๋งชุนเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของท่านลุงใหญ่ จย่าทั่นชุนเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของท่านลุงรอง แม้แต่จย่าซีชุนก็เป็นบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของท่านลุงแห่งจวนหนิงกั๋วกง มารดาของนางเสียไปตั้งแต่นางยังเด็กมาก ท่านยายจึงรับจย่าซีชุนเข้ามาดูแลในคฤหาสน์สกุลจย่า แต่ในงานเลี้ยงกลับไม่มีที่นั่งสำหรับพวกนางสามคน
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือหลินไต้อวี้ไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคเช่นเดียวกันกับพี่น้องชุนทั้งสามและพวกนางก็ไม่มีสิทธิ์ในความมั่งคั่งของสกุลจย่าเช่นกัน
ส่วนเรื่องที่ว่าหลินไต้อวี้ทำอย่างไรถึงได้มาสนิทกับพี่น้องชุนทั้งสาม เรื่องมันเป็นเช่นนี้…