หลินไต้อวี้เข้าไปกอดคอจี้ไหวอย่างดีใจจนออกนอกหน้า “ข้ารู้ว่าท่านอาจี้เก่งที่สุด”
จย่าเป่าอวี้เข้ามาเห็นภาพนี้เข้าพอดีทำให้สีหน้ามืดครึ้มของเขายิ่งดำมิดหมี
จี้ไหวรีบยืนตัวตรงพลางยิ้มอ่อนโยน “คุณหนูพักผ่อนก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะให้โรงครัวส่งอาหารมา”
“ท่านอาจี้ อย่าลืมบอกพี่จี้ด้วยนะว่าข้าอยากกินปลาราดน้ำปรุงรสที่เคยกินเมื่อวันก่อนอีก”
“ไม่มีปัญหาขอรับ” เขาหันไปโค้งให้จย่าเป่าอวี้แล้วถอยออกจากห้อง
จย่าเป่าอวี้มองตามเงาแผ่นหลังที่เดินจากไปของพ่อบ้านอย่างฉุนๆ ก่อนพูดเหน็บว่า “ว่าอย่างไร พี่จี้ของเจ้าไม่ยอม เจ้าเลยจะไม่ละเว้นพ่อของเขาด้วยหรือ”
หางตาของหลินไต้อวี้กระตุก แต่นางเลือกที่จะไม่เอาความกับเด็กเช่นนี้
“ข้าอยากพักผ่อน ถ้าคุณชายรองเป่าไม่มีธุระก็น่าจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”
การเดินทางไปซูโจวผลาญพลังของนางไปไม่น้อย แม้จย่าเป่าอวี้จะแข็งแรงกว่านาง แต่เขาก็เหนื่อยเป็น พอคนเราเหนื่อยแล้วสีหน้าย่อมไม่ดี และนางไม่ชอบเห็นคนหน้าเหม็นด้วย
“เจ้าจะกลับจินหลิงเมื่อใด” จย่าเป่าอวี้ไม่อ้อมค้อม เอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“ข้าเคยบอกว่าจะกลับจินหลิงหรือ” หลินไต้อวี้ย้อนถามอย่างอารมณ์ดี
“ถูกมัดกลับไปมันดูไม่ดีหรอกนะ” จย่าเป่าอวี้ไม่รู้สึกแปลกใจในอาการต่อต้านของนาง หรืออาจจะพูดได้ว่าตั้งแต่แรกรู้จักกันเขาก็รู้สึกว่าหลินไต้อวี้คือคนที่สวรรค์ส่งลงมาเพื่อกลั่นแกล้งเขา
“เก่งนักก็ลองมาจับข้ามัดดูสิ” ถึงนางจะไม่มีบิดา แต่ยังมีบ่าวไพร่เป็นบ้านมารดาอยู่นะ
“ถ้ายกเลิกงานแต่ง ต่อไปเจ้าไม่มีทางหาคนดีๆ ได้อีกแน่”
“เช่นนั้นก็ดี” ช่างยั่วยุเก่งนัก แต่หลินไต้อวี้หวังมากว่าตนเองจะได้อยู่ที่คฤหาสน์สกุลหลินตลอดไปมากกว่า
ดวงตาดอกท้อของจย่าเป่าอวี้หรี่ลง “เจ้านึกว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงหรือ”
นางอ้าปากหาวพลางยักไหล่
“ก่อนเคลื่อนย้ายป้ายวิญญาณ ข้าให้ฉูเย่านำสารกลับไปที่เมืองจินหลิงเพื่อแจ้งให้ท่านย่ารู้เรื่องการเสียชีวิตของอาเขยแล้ว ข้าจะอยู่กับเจ้าที่เมืองหยางโจวสักระยะ แต่ถ้าเจ้าถ่วงเวลานานเกินไป ไม่ยอมกลับไปกับข้า ท่านย่าจะต้องให้พี่รองเหลียนมาจับเจ้ามัดกลับไปแน่ๆ ถึงตอนนั้นทุกอย่างในบ้านเจ้าย่อมตกอยู่ในมือของท่านย่า แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
หลินไต้อวี้หาวหวอดติดๆ กันจนกระทั่งได้ยินเขาพูดประโยคสุดท้าย นางจึงเงยหน้าขึ้นมองและยุติความลังเลใจ ช่างเถอะ ท่านยายเป็นคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับนางที่สุด เพราะฝ่ายบิดาไม่มีญาติเลย หากท่านยายอ้างว่าต้องการกันไม่ให้บ่าวชั่วรังแกนางแล้วบังคับพาตัวหลินไต้อวี้กลับไปที่คฤหาสน์สกุลจย่าพร้อมริบสมบัติของนางก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้…สวรรค์ ช่างเป็นเรื่องที่น่าโศกาที่สุดในโลก!
แต่จย่าเป่าอวี้อาจจะพูดขู่นางเท่านั้น ทางที่ดีนางไปปรึกษาท่านอาจี้ก่อนดีกว่า
จย่าเป่าอวี้ไม่ได้คาดหวังคำตอบจากหลินไต้อวี้ เมื่อเห็นนางย่นหัวคิ้วทำท่าครุ่นคิด เขาก็ทอดเสียงให้ฟังดูเย็นลง “หากอยากย้ายบ้านไปจินหลิง ต้องการที่ดินเยอะเท่าใดก็ให้มาบอกข้า ข้าจะให้หลี่กุ้ยช่วยดู จะได้ส่วนลดเยอะหน่อย จะชั่วจะดีอย่างไร หลี่กุ้ยก็เคยตามช่วยงานพ่อบ้าน เรื่องพวกนี้ไม่ยากสำหรับเขา เพียงแต่เจ้าต้องคิดให้ดีและคิดให้ไวหน่อยเท่านั้น”
หลินไต้อวี้เบ้ปาก เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้แอบฟังนางกับท่านอาจี้คุยกัน แม้จะไม่รู้ว่าเขาได้ยินไปเยอะมากเพียงใด แต่รับรองว่าต้องไม่พลาดประเด็นสำคัญ
พอพูดจบจย่าเป่าอวี้ก็ตบก้นจากไปโดยที่หลินไต้อวี้ก็ไม่ได้คิดที่จะรั้งเขาไว้ นางหลุบตาลงพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่จย่าเป่าอวี้บอกเพื่อวางแผนให้เหมาะสม เมื่อนางยังไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก แต่ยังมีบ่าวไพร่และครอบครัวของท่านอาจี้ที่ต้องดูแลด้วย