วันนี้เป็นวันเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ก่อนจะตากข้าวและปิดยุ้งฉาง หลินไต้อวี้ตั้งใจขอร้องท่านอาจี้ให้พานางมาดู และคุณชายรองอย่างจย่าเป่าอวี้ก็ขอตามมาช่วย แต่ผลกลับ…เป็นงานของบ่าว!
“แต่มันก็ดูน่าสนใจดี ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพวกชาวนาเขาทำงานกันอย่างไร”
“สกุลจย่าเลี้ยงชาวนาเอาไว้เยอะเหมือนกัน” แม้จะบอกไม่ได้แน่ๆ ว่ามีจำนวนเท่าไร แต่หลินไต้อวี้เคยได้ยินพี่รองเหลียนเปรยๆ เรื่องนี้ตอนที่เขากำลังมั่วกามกับสาวใช้ที่นางไม่รู้จักชื่ออยู่ที่นอกเรือนพัก ทำให้นางได้ยินโดยบังเอิญ
“ใช่ แต่บ้านใหญ่เป็นคนดูแลทั้งหมด”
หลินไต้อวี้ชะงักก่อนนึกขึ้นมาได้ “จริง พี่สะใภ้หลี่หวันไม่เคยได้แตะเลย”
“นั่นเป็นเพราะพี่ใหญ่เสียแล้ว พี่สะใภ้ไม่มีแก่จิตแก่ใจทำอะไร ท่านแม่เลยมอบหมายเรื่องเบี้ยเลี้ยงรายเดือนของบ้านรองให้พี่สะใภ้รองเฟิ่งดูแล แล้วให้พี่รองเหลียนรับดูแลพวกชาวนาด้วย” ไกลออกไป จย่าเป่าอวี้เห็นพวกชาวนากำลังฝัดข้าวเปลือกกันอยู่ เขาจึงพูดเสียงงึมงำเหมือนกำลังพูดกับตนเองว่า “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จวนหนิงกั๋วกงอาจต้องยกให้พี่สะใภ้รองเฟิ่งดูแล”
“เพราะเหตุใด”
การที่บ้านใหญ่รับเรื่องการจ่ายเบี้ยเลี้ยงรายเดือนของบ้านรองไปทำอาจพูดได้ว่าเป็นเพราะผู้ใหญ่สั่ง แต่การยื่นมือเข้าในจวนหนิงกั๋วกงไม่น่าจะง่ายเพียงนั้น
“เพราะเดิมคนที่ดูแลจวนหนิงกั๋วกงคือเข่อชิง แต่วันนี้เข่อชิงได้ชื่อว่าตายไปแล้ว ทั้งผู้อื่นในจวนต่างไม่สันทัดงาน ดังนั้น…”
“ประกอบกับจย่าหรงกับพี่สะใภ้รองเฟิ่งใกล้ชิดสนิทสนมกัน สวรรค์…” หลินไต้อวี้ต่อคำได้เองและเผลอเบิกตามองจย่าเป่าอวี้ สมองของนางพลันมีแผนร้ายน่ากลัวอย่างที่สุดผุดขึ้นมา จังหวะนั้นนางรู้สึกตื่นตกใจอย่างมาก คล้ายเข้าใจแล้วว่าเหตุใดฉินเข่อชิงจึงถูกทำร้าย แม้แต่ท่านยายและป้าสะใภ้รองก็ร่วมผสมโรงด้วย
นางเคยรู้จักกับยิ้มซ่อนดาบของป้าสะใภ้รองมาแล้ว หลินไต้อวี้จึงไม่อยากถูกพิษตายอยู่ในคฤหาสน์สกุลจย่า และอันที่จริงดวงของนางก็ดีมาก หาไม่ ไม่ว่านางจะมีสักกี่ชีวิตก็คงไม่พอ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่สะใภ้รองเฟิ่งกับจย่าหรงแอบลักลอบคบหากัน”
มือที่ถูกยุดไว้อย่างแรงทำให้หลินไต้อวี้สะดุ้งและช้อนสายตาขึ้นมอง เห็นจย่าเป่าอวี้มีสีหน้าตื่นตะลึงและรับไม่ได้ “คือ…ข้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเรือนพักของตนเองฮวงจุ้ยดีเกินไปหรืออย่างไร ข้าเลยเคยเห็นพวกเขามาเจอกันบ่อยๆ”
พูดกันตามสัตย์จริงแล้ว คู่ของพี่รองเหลียนดูเหมือนคู่รักเทพเซียนเพราะทั้งสองคนต่างมีอำนาจหน้าที่อยู่ในคฤหาสน์สกุลจย่าจนอาจเรียกได้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่สมบูรณ์พร้อมที่สุดในสกุลจย่า แต่พี่รองเหลียนกลับมีคู่สวาทมากมายจนสิบนิ้วของหลินไต้อวี้ยังนับไม่ไหว และพี่สะใภ้รองเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะแม้แต่หลานชายนางก็ไม่ละเว้น ทำให้ญาติผู้สูงส่งต้องยอมศิโรราบแนบชายกระโปรง ซึ่งเรื่องทำนองนี้เคยทำให้คนต้องตายกันมาแล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่ได้กระทำกันอย่างโจ่งแจ้ง หากหลินไต้อวี้เผลอไปเห็นเข้าเองโดยบังเอิญ
หากจะให้เล่ากันจริงๆ ก็ต้องบอกว่าดวงของนางดีมากๆ ถึงได้เห็นเรื่องลับๆ อะไรพรรค์นี้
สีหน้าของจย่าเป่าอวี้ฉายแววดุดัน “นี่คือสาเหตุที่เจ้าไม่ยอมกลับคฤหาสน์สกุลจย่าใช่หรือไม่”
“มันก็หลายอย่าง” เรื่องมั่วกามราคะในสกุลจย่าอาจเป็นเรื่องเล็กที่อาจไม่พูดถึง แต่เรื่องที่นางอดกินของอร่อยนี่สิที่เป็นเรื่องใหญ่
“ต่อไปเมื่อข้าเป็นประมุขของบ้านแล้วจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีก”
“มีพี่สะใภ้รองอยู่ ต่อให้ท่านคิดอยากจะเป็นประมุขของบ้าน…ก็คงยาก” ใช่ว่าหลินไต้อวี้ใจร้ายถึงได้สาดน้ำเย็นใส่จย่าเป่าอวี้ แต่พี่สะใภ้รองเฟิ่งเป็นคนฉลาดอย่างน่ากลัว สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ เพียบพร้อมในทุกสิ่ง และมีความละเอียดรอบคอบตามอย่างสตรี แต่กลับไร้น้ำใจยิ่งกว่าบุรุษ คิดจะต่อกรกับนาง…คงต้องไปฝึกมาสักหลายปีก่อนแล้วค่อยว่ากัน