แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรน่ะหรือ เลขาฯ มือใหม่อย่างเธอก็ต้องกระวีกระวาดจองตั๋วเครื่องบิน เพื่อจะติดสอยห้อยตามคนเป็นเจ้านายทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้เรียนรู้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันทันน่ะสิ…
ลลิตากระหวัดสติกลับคืนยังปัจจุบันพลางเหลือบมองความว่างเปล่าเบื้องหน้าตนก่อนลอบระบายลมหายใจ เพราะบริษัทนี้เพิ่งจะเปิด เธอเองก็เป็นเลขาฯ คนแรกของเขาจึงไม่อาจเรียนรู้งานกับใครได้นอกจากก้าวตามเจ้าของร่างสูงสง่าคนนั้นเพื่อสังเกตรายละเอียดต่างๆ ด้วยตัวเอง เอาเถอะ กระนั้นก็ใช่ว่าลลิตาจะสามารถอิดออดต่อสิ่งใดได้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขารับเธอเข้าทำงาน
“สรุปแล้วคุณปู่อยากเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นเรือนกระจกกลางสวนดอกไม้ใช่มั้ยครับ”
“ใช่…เป็นของขวัญครบรอบวันแต่งงาน” ชายชราระบายยิ้ม ดวงตาซึ่งผ่านโลกมาเนิ่นนานทอดมองพื้นที่โล่งกว้างด้วยประกายเปี่ยมสุข
ลลิตาลอบกวาดสายตาออกไปยังริ้วพวงของหญ้าหางกระรอกเบื้องหน้าอีกครั้ง สดับฟังพลิ้วพร่างของเรื่องราวความรักที่กำลังจะสยายปีกคลุม ก่อนได้ให้ระบายยิ้มโดยไม่รู้ตัว…ลูกค้าของคุณภีมรายนี้ถูกชายหนุ่มเรียกอย่างสนิทสนมว่า ‘คุณปู่เหนือ’ เขาคือมหาเศรษฐีเจ้าของไร่ชา ปางไม้ และอีกมากมายมหาศาลอันเกิดจากผืนดินกว้างใหญ่ในครอบครอง ยิ่งกว่านั้นก็ยังเป็นคู่สมรสของ ‘คุณย่าตุ่น’ น้องสาวแท้ๆ ของหม่อมราชวงศ์กฤษสุวรรณ ภานุวรรธน์ ผู้เป็นปู่ของคุณภีมอีกด้วย กับเหตุผลประการนี้นี่เองที่อธิบายคำพูดก่อนหน้านี้ของชายหนุ่มได้ชัดเจน
ภีมมาทำงานและเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ของเขาในคราวเดียว
“คุณย่าต้องชอบมากแน่ๆ ครับ” เจ้าของร่างสูงพินิจแบบร่างคร่าวๆ ในมือสลับกับพื้นที่เบื้องหน้า คะเน ประเมินมอง แต่งเติมภาพที่ไม่อาจมีใครมองเห็นด้วยได้ในความคิด
“รายนั้นถ้าเป็นต้นไม้ใบหญ้าหรือสิงสาราสัตว์เค้าก็ชอบหมดแหละ”
พ่อเลี้ยงแห่งผืนดินกว้างเอ่ยกลั้วหัวเราะก่อนจะบังเอิญหันมาทางลลิตา พวงแก้มของหญิงสาวเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อจากแดดเผา กระนั้นหล่อนก็ยังใช้ดวงตาสุกใสกวาดมองตามบทสนทนาเพื่อจับความตามทุกประโยค จดบันทึกอย่างกระตือรือร้นทั้งยังกำเครื่องบันทึกเสียงไว้แน่น ชวนให้รู้สึกเอ็นดูจึงได้เอ่ยต่อ
“ใกล้จะเที่ยงแล้ว กลับเข้าบ้านกันก่อนดีกว่า”
ลลิตายังคงก้มหน้าอยู่กับการเขียนที่ยังคั่งค้าง ปากกาแทบจรดปลายจมูกและไม่ทันได้จับสังเกตใดๆ สักนิดว่าตนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับถ้อยคำเมื่อครู่ กลับเป็นชายหนุ่มซึ่งยืนใกล้กันที่กวาดสายตาคล้ายจะมองเพียงผาดเผินยังปรางแก้มสีอ่อน ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมองพร้อมกล่าวด้วยเสียงดังอีกระดับ กึ่งๆ ว่าจะให้ได้ยินไปทั่วบริเวณทั้งที่มีเพียงสามคน
“จริงด้วย ผมรับปากไว้ว่าจะกลับไปกินอาหารฝีมือคุณย่าฮะ”
คุณปู่เหนือชะงักเล็กน้อยพลางยิ้มขบขัน ไม่ทราบว่าเพราะการแสดงออกอันไม่แนบเนียนนั้นหรือจากคำที่เขาเอ่ยกันแน่ “อาหารฝีมือคุณย่าตุ่นเหรอ…เอ้า ปู่จะเอาใจช่วยนะภีม”
ลลิตาเงยหน้าขึ้นจากการบันทึกที่เพิ่งเสร็จสิ้นพอดีตอนที่ชายชราออกเดินนำ และจนถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบทสนทนาเมื่อครู่อยู่ดี หญิงสาวกดปิดเครื่องบันทึกเสียง หอบกอดอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ในแขน การออกนอกสนามครั้งแรกผ่านไปได้ด้วยดี…
ท้ายที่สุดนั้นตอนที่สายลมระลอกสุดท้ายสัมผัสผ่านชายหนุ่มแล้วเลยไปทักทายคนข้างหลัง ภีมก็เงยหน้าขึ้นมองไอแดดแผดพร่าก่อนจะชำเลืองไปยังร่างระหงเยื้องกันอีกครั้ง คิ้วเข้มขมวดเบาๆ เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ได้ยกสมุดบันทึกในมือขึ้นมาบังใบหน้าอย่างที่ควรจะทำ และในความเงียบงันนั้นก็คงจะมีแต่ผืนดินกับท้องฟ้าที่มองเห็นว่าชายหนุ่มค่อยๆ ขยับใกล้อีกฝ่ายในองศาซึ่งมุมเงาของเขาบังแสงให้เธอพอดิบพอดี ก่อนจะผินหน้าออกไปยังวงล้อมของขุนเขาตระหง่าน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเผลอหยักยกริมฝีปากขึ้นจางราง…