เพราะพูดคุยกันด้วยเรื่องดอกกล้วยไม้ หลังปั้นลูกชุบทรงพิลึกพิลั่นทั้งหลายเสร็จสิ้นคุณย่าตุ่นจึงอนุญาตอย่างไม่ลังเล เมื่อลลิตาขอแวะเข้าไปเดินชมสวนอันเริ่มต้นมาจากปรารถนาเพียงมอบรักโดยไม่คาดหวังกำไรตอบแทนแห่งนี้
กลิ่นหอมอ่อนละมุนของกล้วยไม้เรียงรายทอดยาวทำให้หญิงสาวหลับตาลงเชื่องช้า สูดดมแย้มกลีบสีขาวกระจ่างใต้โรยแดดเพียงหวังจะสลัดความรู้สึกยุ่งเหยิงในใจสักครู่ ถึงอย่างนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจหรือหาถ้อยอธิบายให้กระจ่างได้ ภาพดวงตาคมของภีมก็ยังปรากฏในความทรงจำของเธออยู่ดี ลลิตาข่มกลืนสติ มันไม่มีเหตุผลใดเลยให้เธอต้องนึกถึงชายหนุ่ม เขาเป็นเจ้านายและจะคงเป็นแต่เพียงเท่านั้น วาวแสงยามเย็นแยงเข้ามาจนหญิงสาวต้องหลับตาลง คล้ายจะมองเห็นอีกฝ่ายในกลางภาพมืดของความทรงจำ ลืมตาขึ้นอีกครั้งกลับเห็นว่าดวงตาคู่เดิมกำลังจับจ้องตนจากเร้นกล้วยไม้เยื้องกัน ไม่ใช่ลวงตาอย่างภาพฝัน หากแต่เป็นเขาผู้สามารถจับต้องได้
“คุณภีม?”
หญิงสาวเอ่ยทักคล้ายไม่เชื่อ ขณะที่เจ้าของชื่อก้าวเข้ามาหาพลางพินิจแปลงดอกกล้วยไม้สะพรั่งบานทอดยาวสุดสายตา ริ้วแดดสีส้มอ่อนกระทบเรือนผมดำขลับของเขาจนเกิดเงาเรื่อเรือง ตัดสลับกับกลีบใบเข้มเขียวโดดเด่น
“เห็นคุณย่าบอกว่าคุณมาดูสวนกล้วยไม้” เขากล่าวเรียบง่าย
“คุณมีอะไรจะใช้ฉันรึเปล่าคะ ความจริงไม่น่าลำบากมาตามเลย”
“เปล่า ผมแค่…อยากมาดูกล้วยไม้เหมือนกัน”
ลลิตาพยักหน้ารับรู้ อดจะละอายไม่ได้ที่ความรู้สึกพอใจลอบบังเกิดราวผุดฟอง มือไม้พลันเก้กังโดยไร้สาเหตุเมื่อภีมก้าวผ่านเธอไปสำรวจกล้วยไม้อีกฝั่งแถว กลิ่นหอมอ่อนหวานรวยรินรอบกายจากช่อดอกไม่ทราบชื่อพันธุ์คล้ายจะติดตามยามเดินเยื้องแผ่นหลังกว้าง
“ความจริง…ผมก็มีเรื่องจะรบกวนคุณอยู่สักหน่อย…เรื่องวังสวนกระจก” จู่ๆ เขาก็หันมาเอ่ยกับหญิงสาว “อาจจะรบกวนมากเกินไปในฐานะเลขาฯ แต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครเข้าใจวังนั้นได้มากเท่าคุณอีกแล้ว”
ภีมเอ่ยราวกับว่าวังแห่งนั้นมีชีวิตและเธอเป็นสหายสนิทของมัน น่าแปลกที่ลลิตากลับไม่ได้เฉลียวคิดแม้แต่น้อย ซ้ำยังใคร่รู้ตามคำพูดนั้นทันที
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ระหว่างที่ผมกำลังรีโนเวต ผมอยากให้คุณช่วยดูด้วย อย่างเรือนกระจกนั่นก็เก่าเกินกว่าจะซ่อมไหว ผมคิดจะออกแบบใหม่แล้วสร้างทับที่เดิม ต้นไม้รอบวังก็ดูจะรกเกินไป แล้วก็หลายๆ ส่วน เอาง่ายๆ เลยคือผมจะทำใหม่แทบทุกอย่างและอยากให้คุณช่วย”
ลลิตาอดจะใจหายตามคำพูดของเขาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็กลับยอมรับอย่างง่ายดาย คำพูดของภีมไม่มีส่วนใดเป็นเท็จ วังสวนกระจกยามนี้ไม่ต่างจากชายชราผู้ทระนงอยู่กลางคืนวันผันผ่าน เก่าแก่ เหนื่อยล้า รอแต่จะผุพังตามกาลเวลา…แววหวั่นไหวสายหนึ่งวูบผ่านดวงตาคู่โตอย่างไม่อาจห้ามได้ยามความรู้สึกบางอย่างลอบกระซิบว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวใหม่…ลำนำบทใหม่
“อะไรที่เกี่ยวข้องกับวังสวนกระจก ฉันยินดีทั้งนั้นค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ โดยบังเอิญกลับเห็นว่าภีมกำลังพินิจนัยน์ตาของตนอยู่พอดี และก่อนจะได้เอ่ยทักอะไรชายหนุ่มก็มุ่นคิ้วขึ้นเสียก่อน
“ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทถาม ตาของคุณสีอะไรเหรอ”
“สี? เอ่อ น้ำตาลค่ะ” ลลิตาตอบแต่โดยดีแม้จะฉงน “ทำไมเหรอคะ”
“เปล่า…ใกล้มืดแล้วกลับกันเถอะ”
ร่างสูงผินหน้าไปยังตะวันรอนซึ่งกำลังจะผลุบหายลงในทิวเขาอีกฟากฝั่งพร้อมก้าวนำคนตัวเล็กกว่าโดยไม่หันกลับไปมองเธออีก ไม่แม้แต่จะบอกด้วยซ้ำว่าชั่วแวบหนึ่งยามริ้วแสงสุดท้ายสาดกระทบลงมา ดวงตาของเธอกลับคล้ายมีภาพซ้อนทับกับประกายเงาบางอย่างจนเป็นสีแปลกประหลาดอย่างเขียวอมน้ำตาล…เรืองรองอ่อนจาง คล้ายเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
…ลึกเร้นในความทรงจำแสนไกล