ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน บัญชาปราบโฉมงาม บทที่ 2
พอเดินเข้ามาในลานบ้าน เขาก็พบสิ่งผิดปกติทันที…มีคนบุกรุกเข้ามาในบ้าน นัยน์ตาทั้งสองของเขาหรี่ลงเล็กน้อย มีประกายจิตสังหารผุดขึ้น เขาวางสัตว์ที่ล่ามาได้ลง ลอบโคจรพลังลมปราณและก้าวช้าๆ เข้าไปในบ้าน
หลังเปิดประตูเข้าไป เขากวาดตามองไปทั่วๆ รอบหนึ่งก็อดตะลึงงันไปไม่ได้ บนโต๊ะมีเปลือกผลไม้ทิ้งอยู่ ทั้งยังมีเสียงหายใจสม่ำเสมอดังมาจากในห้องนอน คนผู้นี้ไม่ได้ปิดบังเสียงแม้แต่น้อย ถ้าเป็นคนร้าย เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งร่องรอยไว้มากมายเช่นนี้
เขาเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างไร้สุ้มเสียง พบว่าบนเตียงมีหญิงสาวผู้หนึ่งนอนอยู่ เขาย่นหัวคิ้ว อาศัยแสงจันทร์เพ่งพินิจดู เป็นแม่นางน้อยเยาว์วัยผู้หนึ่ง เพียงแต่ทั่วร่างนางสกปรกมอมแมม ดวงหน้าน้อยก็ดำเลอะเทอะ กำลังนอนหงายกางแข้งกางขาหลับสบายอยู่บนเตียงของเขา
ประสาทสัมผัสทั้งหกของเขาสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายอื่นใดที่น่าสงสัย มีเพียงกลิ่นอายของนาง แสดงว่าในบ้านนอกจากนางแล้วไม่มีผู้อื่น
เขาสลายจิตสังหารลง ขมวดหัวคิ้วมองนาง ก่อนจะใช้มือผลักหัวไหล่ของนาง
“นี่ ตื่น!”
อูมู่ฉินถูกรบกวนการนอน นางลืมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นใบหน้าหยาบกระด้างของบุรุษกำลังเขม้นตามองอยู่ ก็ไม่ตื่นตระหนกหวาดกลัว ยังคงนอนอยู่เช่นนั้น
“พี่หม่าเฉวียน” เสียงของนางเหนื่อยหน่ายเจือความง่วงงุน หนังตาเพียงลืมขึ้นมาครึ่งเดียว
ไป่หลี่ซีวางหน้าขรึม “เจ้าเป็นผู้ใด ข้าไม่รู้จักเจ้า”
“ข้าชื่อมู่เอ๋อร์ หนีมาตั้งหลายวัน เหนื่อยยิ่งนัก ท่านให้ข้านอนสักประเดี๋ยว ฟ้าสว่างแล้วก็จะไป…” ช่วงท้ายไม่มีเสียงแล้ว ดูท่าทางจะหลับไปอีกแล้ว
ไป่หลี่ซีขยับหัวคิ้วเข้าหากันอีกครั้ง หนี? เขาจ้องมองนาง แม้จะรู้สึกไม่พอใจหญิงสาวที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาผู้นี้ แต่เขาก็ไม่ได้ปลุกนางอีก
เขาซุกซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านเซ่อจิ่ง นอกจากคนสนิทไม่กี่คนแล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้ หญิงสาวผู้นี้ดูไม่เหมือนคนร้าย แต่เขาก็ไม่กล้าเชื่อง่ายๆ ว่านางเป็นหญิงสาวที่ประสบภัย แม้นางจะดูซอมซ่อยิ่ง แต่เขาที่แต่ไรมารอบคอบระมัดระวังยังคงไม่กล้าประมาทเลินเล่อ
ไม่ว่านางจะน่าสงสัยหรือไม่ เขาตัดสินใจคอยเฝ้าจับตาดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆ ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเขาพบสิ่งใดน่าสงสัย เขาก็สังหารนางได้ทันที แต่ถ้าเป็นหญิงสาวที่ประสบภัยมาจริง เขาก็ไม่อยากให้นางกลายเป็นวิญญาณอาฆาตผูกพยาบาท
เขายืนมองนางต่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ สละเตียงให้กับนาง
เช้าวันรุ่งขึ้นอูมู่ฉินถูกเสียงผ่าฟืนที่ด้านนอกทำให้ตกใจตื่น นางลุกพรวดพราดขึ้นมานั่ง เบิกตากว้างมองห้องที่โกโรโกโสและอึ้งตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นจึงนึกได้ว่าตนมาอยู่ที่กระท่อมมุงหญ้าคาหลังนี้ได้อย่างไร
พวกนางแม้จะช่วยซือถูหรานมาได้โดยราบรื่น แต่คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะมีตันไหวชิงโผล่ออกมาอีกคน
พูดถึงตันไหวชิง คนผู้นี้คือยอดฝีมือนามกระเดื่องในยุทธภพ ฝ่ามือสยบมังกรของบ้านสกุลตันเป็นที่รู้จักทั่วยุทธภพ ตันไหวชิงที่อายุเพียงสิบเก้าปีเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นผู้มีฝีมือไม่ธรรมดา และเป็นผู้สืบทอดฝ่ามือสยบมังกร
ขุนนางทหารที่ควบคุมนำส่งตัวซือถูหรานล้วนไม่ใช่ขุนนางทหารธรรมดา แต่เป็นยอดฝีมือของราชสำนักปลอมตัวมา เพื่อจะช่วยซือถูหราน ผู้คุมกฎทั้งสี่ได้เข้าต่อกรกับยอดฝีมือของราชสำนักเหล่านี้ ซึ่งก็พอรับมือได้ แต่จู่ๆ ก็มีตันไหวชิงเพิ่มมาอีกคน จึงรุนแรงขึ้นมาทันที
ทั้งสองคนประมือกันเป็นครั้งแรก อูมู่ฉินก็พบว่าคนแซ่ตันฉลาดเฉียบแหลมยิ่ง รับมือไม่ง่าย
ดังคำกล่าวที่ว่าจับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน ตันไหวชิงไม่ไปชิงตัวซือถูหราน แต่พุ่งเป้าหมายมาที่นาง ผู้ใดก็ไม่จับ จะจับแต่เพียงนาง เห็นได้ชัดว่าเขามองออกว่านางเป็นผู้นำ
เพื่อให้ผู้คุมกฎทั้งสี่คอยคุ้มกันซือถูหราน สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะได้ไม่สูญเปล่า นางจึงหลอกล่อตันไหวชิงออกไป นางหนีไปตลอดทาง แม้นางจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน
นางเติบโตอยู่ในหุบเขาตั้งแต่เล็ก เชี่ยวชาญการใช้สภาพทำเลของป่าเขาในการหลบซ่อนตัว ตันไหวชิงแม้จะมีวรยุทธ์สูง แต่นางมีข้อได้เปรียบของตน หลังจากซ่อนตัวอยู่ในเขตภูเขาไม่ดื่มไม่กินไม่นอนมาหลายวัน นางก็ลอบเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ กินผลไม้แก้หิวอย่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น ถึงที่สุดกำลังกายก็ทานไม่ไหว ล้มตัวลงได้ก็หลับไปทันที
หลังจากหลับไปตื่นหนึ่ง กำลังวังชาก็กลับคืนมาดังเดิม นางลงจากเตียงเดินออกมานอกห้อง ก่อนจะไปตามเสียงผ่าฟืน พอเห็นอ่างน้ำก็ตรงรี่เข้าไปตักน้ำมาดื่ม
น้ำในอ่างน้ำเย็นชื่นใจยิ่ง นางตักดื่มไปห้าชามถึงดับกระหายได้ จากนั้นก็เดินไปทางลานด้านหลัง เห็นบุรุษผู้หนึ่งกำลังผ่าฟืนอยู่ที่นั่น
นางรู้คนผู้นี้ชื่อหม่าเฉวียน และนางก็หาได้บุกเข้ามาในบ้านของเขาส่งเดช หากแต่จงใจเลือกเขา
หม่าเฉวียนไปไหนมาไหนตามลำพัง ในบ้านมีเขาเพียงคนเดียว ปกติก็อาศัยอยู่ในกระท่อมมุงหญ้าคาที่ข้างสุสาน ไม่ไปมาหาสู่กับคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน เป็นคนนิ่งขรึมพูดน้อย ดังนั้นนางจึงไม่ต้องกลัวว่าเขาจะแพร่งพรายร่องรอยของตนออกไป
เมื่อวานแม้เขาจะปลุกนางตื่นขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไล่นางไป น่าจะเป็นคนที่คบค้าได้ นางมองเนื้อตัวที่สกปรกมอมแมมของตน สภาพเหมือนคนไม่มีบ้านให้กลับอย่างยิ่ง ครั้นแล้วก็ปั้นหน้าเคร่งขรึม เดินออกไปอย่างระแวดระวัง
“พี่ชาย” นางเรียกขึ้นเบาๆ
เพียงเห็นหม่าเฉวียนหยุดงานที่กำลังทำอยู่ หันหน้ามามองนาง และในที่สุดนางก็เห็นรูปร่างหน้าตาของบุรุษผู้นี้ได้ชัดเจนแล้ว…
ฮ่าๆ ไม่ผิดจากที่คนในหมู่บ้านบรรยายไว้ คล้ายหมีดำตัวหนึ่ง
( ติดตามตอนต่อไปวันที่ 12 เม.ย 62 )