ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน บัญชาปราบโฉมงาม บทที่ 4
ตอนแรก ที่นางกล้ามาบ้านหม่าเฉวียน นอนเตียงของเขาโดยไม่กลัวเขาจะทำเรื่องผิดศีลธรรมกับนาง ก็เพราะนางเคยซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านและได้ยินหญิงสาวหลายคนพูดคุยเล่นกัน พวกนางได้เอ่ยถึงหม่าเฉวียน บอกเขาไม่เคยสนใจอิสตรี หญิงม่ายสกุลจ้าวที่อยู่ด้านตะวันออกของหมู่บ้านรูปโฉมงดงาม ทั้งอายุก็ยังไม่มาก นางพอใจในตัวหม่าเฉวียนที่รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรง เคยบอกกับเขาว่าขอเพียงเขายอมแต่งนางเป็นภรรยา ไม่ต้องมีสินสอดทองหมั้น ที่นาของนางและสินสอดฝ่ายเจ้าสาวจะเป็นของเขาทั้งหมด ทว่ามีหญิงงามมามอบกายถวายตัวให้ถึงประตูบ้านเช่นนี้หม่าเฉวียนกลับปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
คนในหมู่บ้านต่างหัวเราะหม่าเฉวียนว่าโง่เขลา หัวเราะเยาะเขาที่มีเนื้อหอมหวานมาป้อนให้ถึงปากกลับไม่กิน ยิ่งกว่านั้นยังมีคำพูดที่ชั่วร้ายกว่าบอกว่าหม่าเฉวียนไม่อาจมีสัมพันธ์กับอิสตรี หาไม่เหตุใดจึงปฏิเสธการพาตัวมาส่งถึงอ้อมกอดของแม่ม่ายเล่า
แน่นอนอูมู่ฉินย่อมไม่ได้เชื่อคำพูดของคนในหมู่บ้านทั้งหมด แต่ที่นางมั่นใจได้ก็คือหม่าเฉวียนไม่ใช่คนที่มีสตรีมามอบตัวให้ถึงบ้านก็ไม่รู้อะไรควรไม่ควร เท่าที่นางดู เขาเป็นบุรุษที่ซื่อตรงเปิดเผย
ทว่าเวลานี้บุรุษที่ซื่อตรงเปิดเผยผู้นี้กำลังพูดจาคลุมเครือมีเลศนัยกับนาง เขาถึงกับบอกว่าจะนอนร่วมเตียงกับนาง นางไม่เพียงไม่รู้สึกถูกล่วงละเมิด ยังถูกยั่วเย้าให้นึกสนุก ด้วยเหตุนี้เมื่อครู่นางถึงได้ยื่นมือไปคล้องคอเขา ประทับจุมพิตไปทีหนึ่ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็นหลับต่อ
โชคดีเขาไม่ได้อยู่นานและจากไปก่อนที่นางจะหลุดหัวเราะออกมา หาไม่ถ้าเขายังจับจ้องนางต่อไป นางคงแสร้งทำเป็นหลับต่อไปไม่ไหว
พูดตามตรง นางเองก็ถูกการกระทำที่บ้าบิ่นของตนทำให้ตื่นตะลึง ตนเองถึงกับขโมยจูบเขาไปทีหนึ่ง แต่นางหาได้เสียใจไม่ ทั้งยังดีใจที่ทำสำเร็จ นางเพียงเสียดายที่ตนเองหลับตาอยู่ ไม่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของเขาในตอนนั้น
ตอนนางจุมพิตเขา เขาใช่ทึ่มทื่อไปเลยหรือไม่ เขาดีใจหรือไม่ ใช่เป็นเหมือนนางที่มีกวางน้อยวิ่งโลดอยู่ในหัวใจหรือไม่
นางแสร้งทำเป็นหลับต่อ เพราะแสร้งหลับเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุด เขาจะได้ไม่เห็นว่าใบหน้าของนางร้อนผะผ่าวเช่นนี้
หวนนึกถึงความรู้สึกเมื่อครู่ แม้จะอยู่ในหลับฝันนางก็ยังยิ้ม
ไม่ผิดจากที่คาด ไม่นานหม่าเฉวียนก็ช่วยหาเสื้อผ้าใหม่มาให้นางสามชุด ตอนนางตื่นขึ้นมาก็เห็นบนเก้าอี้มีเสื้อผ้าวางอยู่ นางลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง ถอดเสื้อผ้าบุรุษบนร่างออก เปลี่ยนมาสวมเสื้อกับกางเกงของอิสตรี หลังสวมเสร็จเรียบร้อย เนื่องจากตนเกล้ามวยผมไม่เป็น จึงรวบผมยาวไว้ข้างหลังง่ายๆ จากนั้นก็เดินออกไปนอกห้อง
นางไม่พบหม่าเฉวียนที่ด้านหน้า จึงไปหาที่ลานด้านหลัง แล้วก็พบเขาจริงๆ
เขากำลังทำรั้วบ้านใหม่ มือหนึ่งถือมีด มือหนึ่งถือท่อนไม้ ใช้มีดถากปลายไม้ด้านหนึ่งให้แหลมแล้วปักลงไปในดิน จากนั้นก็ใช้เชือกปอมัดไว้
เมื่อเขาสังเกตเห็นนางก็พลันหยุดงานในมือและหันหน้ามองมา
“พี่ชาย” อูมู่ฉินยิ้มน้อยๆ พลางร้องทัก
ไป่หลี่ซีแววตาสั่นไหวเล็กน้อย นางในยามนี้เปลี่ยนชุดใหม่แล้ว ใบหน้าที่ผ่านการนอนมาเต็มอิ่มมีสีแดงระเรื่ออมชมพูยิ่งชวนให้ลุ่มหลงกว่าเดิม
นางเดินมาอยู่ตรงหน้าเขา ยิ้มให้เขาด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณพี่ชาย เสื้อผ้านี่ใส่ได้พอดี”
เขาเห็นนางยิ้มจนใบหน้าเต็มไปด้วยความโง่งมไร้พิษภัย ทั้งไม่มีท่าทีเก้อเขินอะไร จุมพิตนั่นเกิดขึ้นในความฝันของนางจริงๆ ส่วนเขากลับคิดถึงนางมาทั้งคืนเพราะจุมพิตที่ไม่มีเจตนาของนางเพียงครั้งเดียว
เขาก็ใช่ว่าไม่เคยแตะต้องอิสตรีมาก่อน ในวังหลวง เมื่อองค์ชายถึงวัยเหมาะสมก็จะมีการจัดนางกำนัลมาปรนนิบัติบนเตียง แม้ตอนนี้เขาจะแอบซ่อนตัวมาอยู่กับชาวบ้าน ไม่ได้แตะต้องอิสตรีมานาน แต่ก็ไม่ถึงกับถูกจุมพิตที่ไม่ได้เจตนาทำให้จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อีกทั้งแบบนั้นไม่อาจนับว่าจุมพิต เพียงแค่แตะถูกริมฝีปากเท่านั้น ไม่ต่างอะไรกับถูกขนนกระผ่าน ยังไม่ทันได้ลิ้มรสใดจริงจัง…
ทว่าหัวใจเขาพลันร้อนวูบ ยามมองจ้องริมฝีปากของนางก็ถึงกับรู้สึกปากคอแห้งผาก
“พี่ชาย บนหน้าข้ามีสิ่งใดหรือ หรือว่าบนร่างมีอันใดไม่ถูกต้อง”
ไป่หลี่ซีมองท่าทางใสซื่อและทึ่มทื่อไร้เดียงสาของนาง ก่อนจะเอ่ยสั่งอย่างน่าเกรงขาม “ข้าหิวแล้ว ไปทำอาหาร”
อูมู่ฉินงงงัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา “ได้”
นางหมุนตัวเดินไปที่ห้องครัว หลังจากเข้าไปในครัวก็รีบหลบที่หลังประตูและลอบมองไปข้างนอก
หม่าเฉวียนผู้นี้ สายตาที่เขามองนางในวันนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน เขาไม่ได้ไล่นางไป ทั้งยังเรียกนางให้มาทำกับข้าว นี่ไม่ใช่ชัดเจนยิ่งหรอกหรือ เขาชอบนางแน่นอน
คิดมาถึงตรงนี้ แก้มนางก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอีก ในใจมีความเบิกบานที่บอกไม่ถูก
นางยินดีจะเป็นหญิงโง่งมใสซื่อต่อหน้าเขา นางทำอาหารสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่างและแผ่นแป้งย่างสองชิ้น เสร็จแล้วก็ยกอาหารเข้าไปในบ้าน ครู่เดียวหม่าเฉวียนก็เข้ามา
อูมู่ฉินจัดวางชามตะเกียบเรียบร้อย ก่อนจะกล่าวยิ้มๆ ว่า “พี่ชายลองชิมดูว่ารสชาติถูกปากหรือไม่”
ไป่หลี่ซีได้กลิ่นหอมแต่ไกล ท้องร้องจ๊อกๆ มานานแล้ว เขารีบนั่งลง หยิบแผ่นแป้งย่างขึ้นมา เริ่มลงมือกิน
ไม่อาจไม่บอกว่าอาหารที่นางทำรสชาติดียิ่ง เขากินอย่างเอร็ดอร่อยจนแทบจะลืมบ้านลืมช่อง
ไป่หลี่ซีลอบมองนาง เห็นนางก็หยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มกิน แม้นางจะไม่ใช่หญิงงามเพริศพริ้ง เมื่อเปรียบกับหญิงงามในวังที่เขาเคยเห็นแล้วนางเพียงนับว่ารูปโฉมไม่เลวเท่านั้น แต่ก็แปลก เขาเห็นนางแล้วกลับสบายหูสบายตา ไม่ว่าดูอย่างไรก็น่ารัก
มองนางกินเนื้อสัตว์คำเล็กๆ ปากน้อยมีคราบน้ำมันติดอยู่ทำให้ดูอวบอิ่มมันวาว ดูแล้วก็น่าอร่อยเหมือนเนื้อที่นางผัด ชิมแล้วรสชาติต้องดีแน่นอน เขารู้สึกว่าตนเองหิวกระหายมากขึ้น อดกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลงไม่ได้
เขาดึงสายตากลับ กัดแผ่นแป้งย่างคำโต คล้ายอาศัยการกระทำนี้มาระบายความหิวกระหายประหลาดยากจะทานทนนั่น
หลังกินอิ่มนางไปเก็บโต๊ะ ไม่ต่างอะไรกับภรรยาตัวน้อย ดวงตาของเขาจับนิ่งอยู่ที่ร่างนาง นางเดินเข้าๆ ออกๆ สายตาก็เลื่อนไปตามการเคลื่อนไหวของนาง ตอนนางหมุนตัวมา เขาก็รีบหันหน้ากลับ แสร้งทำเป็นทำเรื่องของตน
หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาดเรียบร้อย อูมู่ฉินก็เดินเข้ามาในบ้านแล้วพูดกับเขา “พี่ชาย ข้าเก็บกวาดเสร็จแล้ว”
เขาพยักหน้าพลางส่งเสียงอืมออกมาคำหนึ่ง นางไม่พูด เขาก็ไม่ปริปาก
อูมู่ฉินคิดในใจ เขาคิดว่านางไม่รู้ว่าเขาแอบมองนาง ดูท่าถ้าไม่กระตุ้นเขาสักหน่อยคงไม่ได้
“พี่ชาย ขอบคุณท่านมาก ข้าไปแล้ว” ไม่ผิดจากที่คาด พอนางกล่าวออกมาเช่นนี้ก็เห็นเขาเงยหน้าขึ้น ปั้นหน้าขรึมทันที
“เจ้าจะไป?”
“ใช่”
“ไปที่ใด”
“เอ่อ…ไม่รู้ ไปก่อนค่อยว่ากัน”
“เจ้ามีที่พักอาศัย?”
“ไม่มี”
“หิวแล้วมีของกินหรือ”
“นี่…”
เขาพลันก้าวยาวๆ มาที่นาง เพลิงโทสะทั่วร่างถูกนางปลุกเร้าขึ้นมาอีก ขณะเดียวกับที่คุกคามเข้ามาใกล้นาง เสียงเย็นก็ตั้งกระทู้ถามขึ้น “ไม่มีที่อยู่ ไม่มีที่นอน เจ้าคิดจะซุกหัวอยู่ข้างนอก ทำให้ตนเองสกปรกมอมแมมไม่ต่างอะไรกับขอทาน หรือจะทำตัวไม่ต่างกับสุนัขป่าตัวหนึ่ง เพียงเก็บของจากพื้นมากิน”
นางถูกเขาคุกคามจนต้องถอยไปข้างหลัง นัยน์ตาเบิกกว้าง มองหน้าตาถมึงทึงน่าหวาดกลัวราวกับจะจับนางกินเช่นนั้น
แต่ก่อนถึงเขาจะดุดัน แต่ไม่เคยข่มขู่คุกคามเช่นนี้ หัวใจของนางเต้นระรัวขึ้นมา บุรุษผู้นี้พอดุดันขึ้นมาแววตาน่ากลัวยิ่ง มีพลังอำนาจน่าเกรงขามอย่างประหลาด
ทว่านางรู้ ต่อให้เขาดุยิ่งกว่านี้ก็ไม่ทำร้ายนาง เขาก็แค่ทำท่าทำทางไปอย่างนั้น ดังนั้นนางจึงจงใจยั่วยุเขามากขึ้น
“ข้าดูแลตนเองได้”
“แม้แต่เสื้อผ้าที่ข้าให้ยังไม่มีปัญญาดูแลให้ดี ยังจะบอกดูแลตนเองได้”
“ข้าก็จนปัญญา เสื้อผ้าเป็นสิ่งที่ต้องสกปรกแน่นอนอยู่แล้ว”
“ไม่ได้”
“เช่นนั้น…รอวันหน้าข้ามีเงินแล้วค่อยซื้อเสื้อผ้ามาคืนท่าน”
“ไม่ได้”
“นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่ได้ ท่านจะเอาอย่างไรกันแน่”
แววตาของเขาไหวระริก รีบเอ่ยบอก “เจ้ารั้งอยู่ที่นี่ก่อน”
“เอ๋?” นางมองเขาอย่างงงงัน
“ข้าลำบากไม่น้อยกว่าจะทำให้เจ้าเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ทั้งยังให้เสื้อผ้าใหม่เจ้าสวมใส่ หากเจ้าไปแล้วก็จะทำให้เนื้อตัวสกปรกมอมแมมอีก ข้าไยมิใช่เสียแรงเปล่า”
อูมู่ฉินเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ คนผู้นี้อ้อมไปวนมาก็ไม่ยอมพูดกับนางให้ชัดเจน เห็นอยู่ว่าไม่อาจตัดใจให้นางจากไป กลับเอาเสื้อผ้ามาเป็นข้ออ้าง
“อยู่ที่นี่เช่นนี้ไม่ดีกระมัง” นางแสร้งทำเป็นลำบากใจ
ไป่หลี่ซีสีหน้าขรึมกว่าเดิม แม้แต่น้ำเสียงก็ขู่ขวัญมากขึ้น
“ไม่ดีหรือ ถ้าไม่ดีจริง เพราะอะไรก่อนหน้านี้เจ้าจึงบุกรุกเข้ามาในบ้านของข้า นอนบนเตียงของข้า กินอาหารของข้า ใส่เสื้อของข้า มาบัดนี้ค่อยบอกไม่ดี ใช่ช้าไปแล้วหรือไม่”
เขาโกรธนาง โกรธที่นางไม่ขอร้องเขา เขาให้นางอาบน้ำ ช่วยนางเช็ดผม ให้เสื้อผ้านางสวม ให้เตียงนางนอน ตอนนี้แม้แต่โอกาสก็ให้นางแล้ว ทว่านางยังไม่ฉวยโอกาสนี้ขอร้องเขา ช่างเป็น…หญิงโง่งม!
นางก้มหน้าลง กล่าวด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม “ถ้าข้าอยู่ต่อจะทำให้ท่านยุ่งยากหรือไม่”
ไป่หลี่ซีเดิมทียังมีเพลิงโทสะเต็มอก พอได้ยินคำพูดนี้ของนางก็รู้ว่ามีหวัง ในดวงตามีประกายแวววาวเพิ่มเข้ามา
“ถ้า…ข้าไม่กลัวความยุ่งยากเล่า”
“พี่ชายไม่รังเกียจว่าข้ายุ่งยาก เพราะท่านเป็นคนจิตใจดี แต่ข้าไม่อาจทำให้ชื่อเสียงของพี่ชายต้องแปดเปื้อน”
“เจ้านอนบนเตียงของข้า ชื่อเสียงข้าแปดเปื้อนมาตั้งแต่แรกแล้ว”
นางเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตะลึง
“ข้าอุ้มเจ้ากลับห้อง เจ้ายังเคยสวมเสื้อผ้าของข้า ในสายตาคนอื่นที่มองมา ระหว่างเราไม่ธรรมดามานานแล้ว นอกจากนี้…” คำพูดมาถึงตรงนี้จู่ๆ เขาก็หยุดชะงัก
“นอกจากนี้อะไรหรือ” นางซักไซ้ด้วยความอยากรู้
เขามองใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของนาง นางใสซื่อเกินไป ถ้าเขาไม่พูดและนางจากไป เขาจะทวงบัญชีคืนจากนางได้อย่างไร เขาไม่คิดจะปล่อยนางไป
“เมื่อวานขณะหลับฝันเจ้ายังบังคับจูบข้า”
อา…เขาใส่ร้ายคนแล้ว!
“ปากแตะกัน ไม่ใช่จูบ” นางแก้คำผิด แต่พอคำพูดออกจากปากก็แอบร้องแย่แล้ว นางไม่ระวังพลั้งปากพูดออกไปแล้ว!
เมื่อเห็นสีหน้าตะลึงงันของเขา นางก็หน้าแดงขึ้นมาทันที หมุนตัวคิดจะหนี แต่ไป่หลี่ซีหรือจะยอมปล่อยนาง เขารีบคว้าเอวอ้อนแอ้นของนางจากทางด้านหลังทันที รั้งตัวนางกลับมา กักไว้ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งแน่นหนาของเขา กัดฟันพลางขู่ขวัญ เสียงแหบต่ำเจือด้วยลมร้อนผะผ่าวดังขึ้นที่ข้างหูนาง
“ดียิ่งนัก ที่แท้เจ้าแสร้งหลับ คิดจะหนีหรือ ไม่มีทาง!”
เขาหมุนตัวนางกลับมา ก้มหน้าลงและจุมพิตนางอย่างดุดัน
( ติดตามตอนต่อไปวันที่ 19 เม.ย 62 )