“ข้า…ข้ากลัวเจ็บ…”
ไป่หลี่ซีฟังแล้วประสาทที่ตึงเครียดอยู่ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง เขากลัวนางจะปฏิเสธ แต่นางไม่ได้บอกไม่เต็มใจ หากแต่บอกว่ากลัวเจ็บ ลูกนัยน์ตาดุจหยกดำของเขาพลันมีรอยยิ้มผุดขึ้น
“คงเจ็บบ้าง แต่ข้าจะพยายามเบามือที่สุด” มือข้างหนึ่งของเขาค่อยๆ ปลดสายผูกเสื้อของนาง ประหนึ่งกำลังแกะห่อของกำนัลชั้นเลิศ
พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวของเขา หัวใจของนางก็เต้นรัวแรงขึ้นทุกขณะ
“แต่ข้าก็ยังกลัว…”
“ไม่ต้องกลัว ทุกเรื่องล้วนมีข้าอยู่” เสียงของเขายิ่งเบาลง มือแกะสายผูกเสื้อเส้นสุดท้ายออก ก่อนจะเปิดเสื้อออกช้าๆ เผยให้เห็นเอี๊ยมสีชมพูที่อยู่ด้านใน
“ที่กลัวก็คือท่าน” เสียงนางเจือการไม่ได้รับความเป็นธรรม กลีบปากที่เจ่อบวมเป็นหลักฐานยืนยันหลังถูกเขาย่ำยี
รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น เอ่ยเสียงต่ำพร่า “ตอนนี้เพิ่งมากลัวข้า สายไปแล้ว” ฝ่ามือใหญ่แทรกเข้าไปในเอี๊ยม ลวกผิวนุ่มนิ่มที่เย็นเฉียบของนาง
ไป่หลี่ซีก็คาดคิดไม่ถึง เขาไม่เคยแตะถูกร่างกายของนาง ไม่รู้ว่าผิวหนังของนางจะเย็นชุ่มชื่นเช่นนี้ ในวันที่อากาศร้อนมาก ร่างของนางดุจหยกน้ำแข็งชั้นเลิศ ความรู้สึกยามสัมผัสดียิ่ง นุ่มเนียนเกลี้ยงเกลา
“ผิวของเจ้า…สบายยิ่งนัก…” เขาถอนหายใจเบาๆ พลางเอ่ยชม
แก้มของนางคล้ายเมฆแดงเรื่อด้วยแสงเงินแสงทองยามสายัณห์ ไม่รู้เป็นเพราะคำชมของเขาหรือเพราะการลูบไล้กันแน่
“ข้ายังไม่ได้รับปากจะให้ท่านเลย” นางกดมือที่ลูบคลำเข้ามาของเขา แสร้งทำเป็นไม่อนุญาตให้เขารุกล้ำมากไปกว่านี้
“แต่เจ้าก็ไม่ได้บอกไม่ให้” เขาจุมพิตนางอย่างไม่ฟังเหตุผล ปิดการทักท้วงของนางเสีย เพียงได้ยินเสียงครางอู้อี้ของนาง ฝ่ามือใหญ่ของเขากอบกุมหน้าอกข้างซ้ายของนางไว้ทั้งหมด ไม่มีเสื้อผ้ากั้นขวางอีก หากแต่ใช้ความร้อนในร่างกายของเขาลวกช่อดอกตูมเย็นชุ่มชื่นของนาง
เอาเถิด นางยอมแพ้แล้ว เพราะ…นางก็ปรารถนาในตัวเขาเช่นกัน
ประมุขหุบเขาหมื่นบุปผาทุกยุคทุกสมัยล้วนต้องฝึกวิชาลับเฉพาะของสำนัก เรียกว่าวิชาบุปผาบิดเกลียว นี่เป็นวิชาที่ปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเป็นผู้คิดค้นขึ้น เหมาะสำหรับอิสตรีฝึกฝนที่สุด มีประสิทธิภาพในการหยุดใบหน้าเอาไว้ ความงามไม่เสื่อมถอย
ไม่ต่างจากสำนักอื่นๆ ในยุทธภพ ก่อนจะถ่ายทอดวรยุทธ์นี้ให้ก็ต้องเลือกศิษย์ที่มีโครงกระดูกและพื้นฐานร่างกายที่ดีมารับการถ่ายทอด วิชาบุปผาบิดเกลียวก็เช่นกัน
เค้าโครงและพื้นฐานร่างกาย รวมทั้งผิวพรรณของอูมู่ฉินล้วนเหมาะสมที่จะฝึกวิชาบุปผาบิดเกลียว วิชานี้ไม่เพียงสามารถรักษาความงามในวัยสาว ยังทำให้เรือนร่างของสตรีผู้นั้นอ่อนนุ่ม ผิวพรรณนวลเนียนเกลี้ยงเกลาดุจแพรไหม ทำให้บุรุษลุ่มหลง
ไป่หลี่ซีไม่รู้ถึงสาเหตุ ตื่นตะลึงที่ร่างกายของนางนุ่มนิ่มยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้ เพียงรู้สึกว่าร่างกายของนางนวลเนียนดุจหยก แทบจะทำให้ดวงวิญญาณของเขาหลุดลอยจากร่าง และเขาที่ครอบครองหยกงามอยู่ในอ้อมแขนก็เพียงอยากจะหลงระเริงอยู่ในความสุขนี้
เขาถอดเสื้อผ้านางออกหมด เดิมตั้งใจจะปฏิบัติต่อนางด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน ทะนุถนอมระมัดระวัง แต่ไฟปรารถนาที่พุ่งสูงกลับทำให้เขาแข็งขึงไปทั้งร่าง ทุกอณูผิวหนังของคนที่อยู่ใต้ร่างปลุกเร้าความรู้สึกของเขาขึ้นมามากกว่าที่คาดคิด หน้าอกของนางอวบอิ่มนุ่มนิ่ม เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้นชวนหลงใหล ทำให้โลหิตของเขาสูบฉีดรุนแรง ไฟปรารถนาที่ข่มกลั้นมานานดุจสัตว์ป่าที่สั่งสมพลังพร้อมจะเข้าโจมตี เพียงคิดจะย่ำยีคนที่อยู่ใต้ร่างให้สาสมใจ
เสียงครวญครางของสาวบริสุทธิ์ประหนึ่งท่วงทำนองเพลงกระชากวิญญาณ ทำให้เขาบุกโจมตีเมืองยึดพื้นที่ เพียงคิดจะพิชิตให้ราบคาบ กระทั่งลมพายุฝนผ่านไป เขาจึงรู้ตัวว่าตนโถมเข้าไปในอารมณ์พิศวาสมากเกินไป ถึงกับลืมว่าต้องนุ่มนวล ส่วนนางที่อยู่ใต้ร่างหลังจากถูกลมพายุฝนกระหน่ำอย่างรุนแรงก็มีท่าทีระทดระทวยอ่อนแรงแบบหญิงที่เพิ่งผ่านประสบการณ์ครั้งแรก ท่าทางระทดระทวยนี้กลับทำให้นางดูงามรัดรึงใจมากยิ่งขึ้น ดูอ่อนหวานบอบบางทำให้คนเห็นแล้วเวทนาสงสาร เขารู้สึกกระทั่งว่าแม้แต่เหงื่อที่ซึมออกมาจากร่างของนางก็ยังหอมหวน
“ขอโทษ ข้าหยาบคายเกินไปแล้ว”
นางทุบเขา “หน้าของท่านกำลังยิ้ม ไม่มีความจริงใจ”
เขาหัวเราะในลำคอ เพราะนางกล่าวไม่ผิด เขาไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย กลับชื่นมื่นในความสำเร็จเพราะได้เสพสุขอันมหาศาล