เขาชอบรังแกนางและร่างกายของนาง เขาคล้ายได้สิ่งล้ำค่ามาอย่างหนึ่ง ยังคงจุมพิตขบเม้มเนื้อตัวของนางด้วยความลุ่มหลง ประหนึ่งเพิ่งจะลิ้มรสชาติอันเอร็ดอร่อยของสัตว์ที่ล่ามาได้จนหมด แต่ยังคงไม่สาสมใจแทะกระดูกที่เหลือต่อ
เรือนผมยาวของอูมู่ฉินแผ่กระจายอยู่บนเตียง บนใบหน้ามีแววเหนื่อยล้าที่บอกไม่ถูกขุมหนึ่ง
นางหอบหายใจเบาๆ ในลมหายใจยังคงหลงเหลือกลิ่นอายอันมีเสน่ห์หลังผ่านอารมณ์ร้อนแรง คิดไม่ถึงว่าบุรุษท่าทางซื่อๆ ผู้นี้ เมื่อถอดเสื้อผ้าออกแล้ววิญญาณสัตว์ป่าจะกำเริบขึ้น แทบจะถลกหนังนางออกมาชั้นหนึ่ง
เห็นหัวคิ้วงามของนางขมวดมุ่น คล้ายเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก ในที่สุดเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“เจ็บมากหรือ”
นางบอกอย่างกระฟัดกระเฟียด “ปวดเอว ปวดกระดูก ปวดไปทั้งตัว”
เขาหัวเราะเสียงต่ำ จุมพิตไปที่ใบหน้าของนาง คลอเคลียใบหน้ากับนางราวกับสัตว์ป่าที่ได้กินอิ่มและไม่ดุร้ายตัวหนึ่ง คิดจะประจบเอาใจสตรีของเขา
“ท่านถอยไป หนักจะตายแล้ว” นางผลักเขา ช่วงล่างของร่างกายรู้สึกไม่สบายจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ ทำให้นางทนไม่ไหวแสดงอารมณ์ออกมาเล็กน้อย หากรู้แต่แรกว่าเจ็บเพียงนี้ก็จะไม่โอนอ่อนตามเขามากนัก
ไป่หลี่ซีประหลาดใจ ที่แท้เด็กสาวโง่งมผู้นี้ก็มีโมโหกับเขาเหมือนกัน เขาเหมือนได้ค้นพบของล้ำค่าใหม่เช่นนั้น ไม่เพียงไม่เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่เคารพ กลับชอบใจ ประหนึ่งแมวน้อยแสนเชื่องในอ้อมแขน บางครั้งบางคราวก็ยื่นกรงเล็บออกมาข่วนคนบ้าง ไม่เจ็บ กลับน่ารักน่าเอ็นดู
“รีบถอยไป” นางออกแรงผลักเขา อยากขยับออกจากใต้ร่างเขา ทั้งร่างมีแต่เหงื่อ นางอยากอาบน้ำ
เขาไม่ใช่คนที่ละโมบในกามารมณ์ และควบคุมความต้องการในด้านนี้ได้ดี แต่หลังจากได้แตะต้องนางแล้ว เขากลับเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งมีประสบการณ์เป็นครั้งแรก กอปรกับกระบี่แห่งความปรารถนาของเขายังอยู่ในร่างของนาง ไม่อาจตัดใจออกมา ยามนี้พอนางขยับเนื้อตัว ไม่ระวังไปเสียดสีกระบี่ของเขาเข้า ทำให้เปลวไฟในใจเขาลุกโชนขึ้นมา ชูกระบี่แสดงพลานุภาพขึ้นอีกครั้ง
อูมู่ฉินชะงักค้าง นางรู้สึกถึงการขยายตัวที่ช่วงล่างของร่างกาย เมื่อช้อนตาขึ้นมองก็เห็นไฟปรารถนาในส่วนลึกของดวงตาเขา จึงแอบร้องแย่แล้ว คิดจะรีบผละออก ทว่าหัวไหล่ทั้งสองพลันถูกเขากุมไว้แน่น เขาหยัดเอวขึ้น กระบี่คมแทงลึกเข้าไปในร่างของนางอีกครั้ง
“อ๊า!” นางกรีดร้อง ส่งเสียงประท้วง “ไม่เอา ข้าเจ็บ!”
“ไม่ต้องกลัว ครั้งนี้ข้าจะนุ่มนวลขึ้น เด็กดี…” เขาทั้งโกหกทั้งหลอกล่อปลอบขวัญนาง ใช้ริมฝีปากร้อนผ่าวปิดปากนางไว้ คลื่นลมพัดกระพือโหมอีกครั้ง
แม้คนซื่อยามอยู่บนเตียงจะไม่ซื่อ แต่ด้านการปฏิบัติตัวจะอย่างไรก็ยังซื่อ
หลังจากได้นางแล้ว หม่าเฉวียนก็แสดงความรับผิดชอบบอกจะแต่งนางเป็นภรรยา แน่นอนนางเองก็เต็มใจจะแต่งงานกับเขา ทุกคนในหุบเขาหมื่นบุปผาล้วนสามารถเลือกคนที่ตนชอบแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน ขอเพียงทั้งสองฝ่ายผูกสมัครรักใคร่กัน และนางในฐานะประมุขหุบเขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะเลือกบุรุษที่ตนชอบมาเป็นสามีของนาง
นางไม่คิดจะบอกหม่าเฉวียนถึงฐานะของตนชั่วคราว และไม่คิดจะพาเขากลับไปหุบเขาหมื่นบุปผาในเวลานี้ด้วยกลัวเขาจะตกใจ ยามนี้เป็นช่วงหวานชื่นของคนทั้งสอง นางอยากจะเสพสุขจากช่วงเวลาที่อยู่กันสองคนให้เต็มที่ก่อน
ส่วนไป่หลี่ซีก็ยังคงปิดบังนางต่อไป ยังไม่ให้นางรู้ว่าตนเป็นรัชทายาทของราชวงศ์ปัจจุบันชั่วคราว ประการแรกไม่อยากทำให้นางตกใจ ประการที่สองก็เพราะหวังดีต่อนาง นางใสซื่อเกินไป วิธีนี้สำหรับนางจึงดีที่สุดแล้ว
ไม่มีสามแม่สื่อหกพิธีพวกเขาสาบานต่อฟ้าดิน ให้ดวงตะวันจันทราเป็นแม่สื่อ ร่วมผูกสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากัน
นางทำอาหารรสเลิศโต๊ะหนึ่ง เขาไปซื้อสุราอย่างดีมา นางสวมชุดแดงที่หญิงชาวบ้านในครอบครัวชาวนาสวมใส่ ปักดอกไม้แดงดอกหนึ่งบนมวยผม ส่วนเขาก็เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้าน ยังคงดูเป็นคนหยาบๆ ซื่อๆ แต่ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว ท่าทางโง่งมเวลายิ้มทำให้นางเห็นแล้วไม่อาจละสายตา หัวใจราวกับจะหลอมละลายเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวาน
ทั้งสองชูจอกร่วมดื่ม นางตักข้าวให้เขา เขาคีบกับข้าวให้นาง สองคนดื่มสุรามงคลของพวกตน แย้มยิ้มมองสบตากันและกัน ความรักดื่มด่ำโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมา