ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน บัญชาปราบโฉมงาม บทที่ 5
วันรุ่งขึ้น นกแร้งตัวหนึ่งบินลงมาใกล้ลานด้านหลังและหยุดอยู่บนต้นไม้ใหญ่
นกแร้งที่ผ่านการฝึกฝนจะแสนรู้ เมื่อเห็นว่านอกจากนางละแวกใกล้เคียงยังมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วย ดังนั้นจึงเกาะอยู่บนต้นไม้สังเกตการณ์
อูมู่ฉินรู้ว่านกแร้งหลบหม่าเฉวียนที่กำลังจัดการหญ้าคาตากใหม่อยู่ที่ลานด้านหน้า นางจึงฉวยจังหวะที่เขากำลังยุ่งลอบใช้วิชาตัวเบาทะยานออกจากลานด้านหลัง และหลบไปอยู่ตรงสถานที่มิดชิดแห่งหนึ่ง
นกแร้งบินตามนางมา พอนางยกมือขึ้น นกแร้งก็บินลงมาอย่างว่าง่าย
อูมู่ฉินเดินเข้าไปแกะผ้าชิ้นหนึ่งออกจากขานกแร้งและคลี่ออกดู ในนั้นเขียนตัวอักษรไม่กี่ตัว
‘อินทรีตัวเมียตามก้นอินทรีตัวผู้ ไปหาไข่มังกร’
ตัวอักษรไม่กี่ตัว คนที่ไม่รู้เรื่องภายในอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเขียนอะไร แต่อูมู่ฉินกับผู้คุมกฎทั้งสี่เล่นด้วยกันตั้งแต่เล็กจนโต มีสัญญาอันเป็นที่รู้กันเหนือกว่าคนทั่วไป นางรู้ผู้คุมกฎเสือดาวเป็นคนเขียน เพียงครุ่นคิดเล็กน้อยก็เข้าใจแล้ว จึงอดหัวเราะพรืดออกมาไม่ได้
อูหวั่นเซียงเป็นผู้คุมกฎอินทรี ดังนั้นอินทรีตัวเมียจึงหมายถึงนาง ส่วนอินทรีตัวผู้ย่อมเป็นซือถูหราน ส่วนไข่มังกรนั้น…มังกรเป็นตัวแทนของโอรสสวรรค์ ไข่มังกรคือลูกชายของเขา ย่อมหมายถึงรัชทายาท ความหมายก็คือซือถูหรานเร่งรุดไปรับใช้รัชทายาท ส่วนศิษย์พี่หวั่นเซียงก็ไล่ตามก้นเขาไปแล้ว
ที่แท้รัชทายาทหาได้หายตัวไป หากแต่จงใจหายตัวไป ดูท่าจะมีแผนการใหญ่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
การต่อสู้ในราชสำนักแต่ไรมาก็ไม่เกี่ยวกับพวกนางคนในยุทธภพ นางก็ไม่ว่างจะไปสนใจเรื่องของรัชทายาทผู้นั้น นางเพียงต้องการยืนยันให้แน่ใจหลังจากช่วยแม่ทัพซือถูแล้วว่าผู้คุมกฎทั้งสี่กับลูกน้องคนอื่นๆ ปลอดภัยดี
อูมู่ฉินกลับเข้าไปในบ้าน เมื่อออกมาอีกครั้ง ก็เอาผ้าผืนใหม่ไปผูกที่ข้อขานกแร้ง ส่งข่าวกลับไปหุบเขาหมื่นบุปผา จากนั้นก็โยนเนื้อกระต่ายให้มันชิ้นหนึ่ง นกแร้งได้กินเนื้อเป็นรางวัลแล้วก็กางปีกบินกลับไปทางหุบเขาหมื่นบุปผา ส่วนนางก็กลับไปที่ลานด้านหลังโดยไม่มีคนรู้เห็น ตากเสื้อผ้าของนางต่อไป
สองสามีภรรยาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่แก่งแย่งชิงดีทะเลาะเบาะแว้งกับผู้ใด ชายทำนาหญิงทอผ้า ยามเขาไปเพาะปลูกในนาหรือขึ้นเขาไปล่าสัตว์ นางก็อยู่ที่กระท่อมเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ หุงหาอาหารทำกับข้าว
เมื่อถึงยามค่ำคืน ทั้งสองก็นั่งอยู่ใต้แสงจันทร์ มีอาหารจานเล็กจานน้อยโต๊ะหนึ่งกับสุรา ชูจอกร่วมดื่ม เขาใช้ปากป้อนสุราให้นางอย่างซุกซน กรอกสุรานางจนสองแก้มแดงปลั่ง นางถลึงตาใส่เขาด้วยความขุ่นเคือง ทั้งยังกัดเขาคำหนึ่ง ดวงตาที่มองจ้องมาของนางหยาดเยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ยิ่ง ทำให้เขาไม่อาจเบนสายตาหนีไปได้ แรงปรารถนาของเขาถูกปลุกเร้าขึ้น คว้าตัวนางมาได้ก็บดขยี้ด้วยการจูบเคล้าคลออยู่พักใหญ่
เขายังทำกระดานหมากและตัวหมากด้วยไม้แล้วสอนนางเดินหมาก นางเดินหมากเป็น แต่กลับแสร้งว่าเดินไม่เป็น หลังจากแพ้ไปหลายกระดาน นางก็เริ่มเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ จะให้เขายอมอ่อนข้อให้นางให้ได้ เอาเบี้ยสามตัวเรือม้าปืนใหญ่ออก นางจึงจะยอมเล่นต่อไป เขารับปากแล้ว แต่กลับตั้งเงื่อนไข แพ้ครั้งหนึ่งก็ต้องถอดเสื้อผ้าออกชิ้นหนึ่ง
นางแสร้งทำเป็นกล้อมแกล้มรับปาก ในใจกลับลิงโลด เขาขาดเรือม้าปืนใหญ่ไป นางไม่จัดการเขาจนดิ้นไม่หลุดก็แปลกแล้ว ผลที่ออกมาไม่ต้องบอกก็รู้ เขาพ่ายแพ้ยับเยินต้องถอดเสื้อถอดกางเกง สุดท้ายเหลือเพียงผ้าปิดคลุมส่วนล่างของร่างกายผืนเดียว นางกลับบอกไม่เล่นแล้ว
เขารู้ตนเองหลงกลนาง บอกว่านางโง่งม ในยามนี้กลับเฉลียวฉลาดยิ่ง ถึงกับล้อเขาเล่น เขาจึงจับตัวนางแบกขึ้นบ่าพาเดินเข้าไปในห้อง ถอดผ้าปิดคลุมส่วนล่างของร่างกายออก แล้วเล่นงานนางบนเตียงอย่างสาสม
วันเวลาผ่านไปอย่างมีความสุข ทั้งสองรักใคร่ดูดดื่มคลอเคลียกันไม่ห่าง แม้จะไม่มีบ้านหลังใหญ่ เสื้อผ้างามหรูหรา ทว่ากลับมีความสุขยิ่งกว่าเทพเซียนบนสวรรค์
สองเดือนผ่านไป เช้าตรู่วันนี้ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง ไป่หลี่ซีนอนกอดภรรยาอยู่บนเตียง เพราะได้ยินเสียงแมลงร้องเรียกจากนอกหน้าต่างจึงลืมตาตื่นขึ้นมาทันที เสียงแมลงร้องเรียกคือสัญญาณลับในการติดต่อ เขาดวงตาสาดประกายคมกริบ ค่อยๆ ลุกขึ้น มองภรรยาที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง เมื่อเห็นนางยังหลับสบายจึงจัดผ้าห่มให้นางเบาๆ
เขาลงจากเตียงเดินออกไปนอกประตู อ้อมไปที่ลานด้านหลัง สายตากวาดมองไปรอบด้าน จากนั้นก็เดินเข้าไปในป่าที่อยู่แถบนั้น
หลังจากเขาเดินเข้ามาในป่าก็เหลียวหลังด้วยความระมัดระวังไปตลอดทาง พอแน่ใจแล้วว่ารอบด้านไม่มีคนจึงผลุบร่างเข้าไปในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง
“รัชทายาท” หยวนเจี๋ยกับบุรุษอีกผู้หนึ่งที่รออยู่ในถ้ำคุกเข่าลงข้างหนึ่งให้กับเขาพร้อมกัน
ไป่หลี่ซีผงกศีรษะให้พวกเขาลุกขึ้น หยวนเจี๋ยเป็นคนสนิทของเขา แต่อีกผู้หนึ่งกลับเป็นคนแปลกหน้า
“เขาคือ?”
บุรุษแปลกหน้ารีบค้อมตัวประสานมือ “รัชทายาท กระหม่อมคือซือถูหราน”
ไป่หลี่ซีแววตาสั่นไหว เลิกคิ้วอย่างตระหนักรับรู้ ยิ้มแล้วตบบ่าเขา “เจ้าแต่งตัวเช่นนี้ ข้าจำเจ้าไม่ได้เลย”
“หยวนเจี๋ยบอกพระองค์เคยมีรับสั่งให้แต่งตัวเป็นชาวบ้านเข้าออกหมู่บ้าน จึงจะไม่มีคนระแวงสงสัย” เพื่อจะหลบหูตาผู้คน ซือถูหรานได้ปลอมแปลงโฉม แต่งตัวเป็นชาวบ้าน ตามหยวนเจี๋ยปะปนเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อมาพบรัชทายาท
ซือถูหรานมาด้วยตนเองย่อมต้องมีเรื่องสำคัญมารายงาน ไป่หลี่ซีสั่งหยวนเจี๋ยไปเฝ้าที่ปากถ้ำไว้ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวรอบด้าน ส่วนเขากับซือถูหรานกลับเดินลึกเข้าไปในถ้ำ
“ทูลรัชทายาท ในเมืองหลวงส่งข่าวมา ผู้บัญชาการทหารเก้าประตู ถูกเปลี่ยนตัว มีกองกำลังลับปะปนเข้าไปในเมืองหลวง เกรงว่าโต้วฮองเฮาจะรอไม่ไหวแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ซือถูหรานลดเสียงลงต่ำ
ไป่หลี่ซียิ้มหยัน “สตรีผู้นี้ส่งคนมาสังหารข้าหลายครั้งไม่สำเร็จ ทั้งหาตัวข้าไม่พบ นางไม่อาจเอาตราบัญชาการทัพมาได้ ถึงกับคิดจะใช้กองกำลังทหารของผู้บัญชาการทหารเก้าประตูแล้ว ถ้านางกล้าปลงพระชนม์ ข้าสาบานจะสังหารสกุลโต้วของนางเก้าชั่วโคตรจนหมดสิ้น ยังมีขุนนางสุนัขกลุ่มนั้นด้วย!” จิตสังหารน่าหวั่นหวาดแผ่ออกมาทั่วร่างของเขา
“รัชทายาท กระหม่อมเป็นห่วงฝ่าบาท เวลานี้ฝ่าบาทประชวรหนัก เกิดนาง…”
ไป่หลี่ซีมองเขาแวบหนึ่งพลางกล่าวยิ้มๆ “เกิดนางเล่นลูกไม้ ทำให้เสด็จพ่อออกเดินทางเร็วขึ้นเช่นนั้นหรือ” เขาพยักหน้าน้อยๆ “เป็นไปได้มาก”
ซือถูหรานกำหมัดแน่น ความเคียดแค้นแน่นอก เขาซือถูหรานชั่วชีวิตนี้จงรักภักดีต่อฝ่าบาท ตอบแทนคุณแผ่นดิน หลังจากถูกใส่ความว่าทรยศต่อบ้านเมือง ถูกจับขังคุก คนในครอบครัวของเขาก็ถูกโต้วฮองเฮาสังหาร ทำให้เขาเคียดแค้นอย่างที่สุด
“รัชทายาท ขอเพียงพระองค์มีพระบัญชาออกมาคำเดียว กระหม่อมจะออกหน้า นำกองกำลังทหารบุกโจมตีเข้าเมืองหลวง เปิดโปงแผนชั่วของสตรีผู้นั้น!”
ซือถูหรานกับเขาเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโต จงรักภักดีต่อเขาอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ซือถูหรานถูกจับขังคุกเป็นเพราะเขาทำให้พลอยเดือดร้อน ถึงได้ถูกคนเลวทำร้าย
ไป่หลี่ซีตบบ่าของอีกฝ่าย ทอดถอนใจแล้วว่า “ข้าทำให้เจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
“รัชทายาทตรัสหนักไปแล้ว พวกกระหม่อมยอมห่อศพด้วยหนังม้า** เพื่อพระองค์ แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต!”
ไป่หลี่ซีกำหมัดชกไปที่หน้าอกเขาไม่หนักไม่เบาทีหนึ่ง “พูดเรื่องตายอะไร มีข้าอยู่ จะไม่ยอมให้คนของข้าต้องตายอย่างไม่เป็นธรรมเด็ดขาด เจ้าเป็นแขนสำคัญของข้า ไม่มีคำอนุญาตจากข้า ห้ามตาย!”
ซือถูหรานประสานมือ “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา รัชทายาททรงทราบเรื่องราวที่แท้จริงและเห็นเหตุการณ์อย่างถ่องแท้ หลังจากกระหม่อมถูกจับขัง รัชทายาทก็ทรงหายตัวไปทันที เรื่องนี้ทำให้ฝ่าบาททรงหวาดระแวง เพราะเหตุนี้พวกโต้วฮองเฮาจึงไม่กล้าสังหารกระหม่อม” พูดมาถึงตรงนี้ ซือถูหรานสีหน้าพลันเคร่งขรึม “รัชทายาท กลัวก็แต่สกุลโต้วจะทำร้ายฝ่าบาท ตบตาขุนนางในราชสำนัก เราจำต้องคิดหาวิธีการ ไม่อาจปล่อยให้นางชิงฉกฉวยโอกาสไปได้ก่อน!”
ไป่หลี่ซีฟังแล้วกลับหัวเราะ “ข้ายังกลัวนางจะไม่ลงมือ ทำให้เราไม่มีข้ออ้างจะเคลื่อนกำลังพล”
ซือถูหรานงงงัน “ความหมายของพระองค์คือ?”
“จันกงกงกับหมอหลวงหม่าเป็นคนของข้า มีพวกเขาอยู่ อาการประชวรหนักของเสด็จพ่อเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ทว่าถ้านางฉวยโอกาสนี้ปลอมแปลงราชโองการ ลอบซ่องสุมผู้คน เรียกกองกำลังทหารเข้าเมือง ก็คือก่อกบฏแล้ว ข้าต้องการให้เสด็จพ่อได้ทรงเห็นว่าสตรีที่ทรงโปรดปรานมีความทะเยอทะยานมากเพียงใด ถึงตอนนั้นต่อให้เสด็จพ่อทรงละเว้นโทษตายให้นาง ก็ไม่มีทางให้นางอยู่ข้างพระวรกาย และไม่ปล่อยสกุลโต้วไว้”
ซือถูหรานตะลึงงัน จากนั้นก็ตระหนักรู้ขึ้นมาในทันที ที่แท้เรื่องทั้งหมดอยู่ในความคาดการณ์ขององค์รัชทายาทอยู่แล้ว นี่เป็นหมากที่ทรงวางไว้!
ไป่หลี่ซีเห็นนัยน์ตาทั้งสองของเขาเป็นประกาย สีหน้าปลาบปลื้มดีใจ ก็ยิ้มแล้วตบบ่าเขา “ตอนนี้เจ้าวางใจแล้วหรือยัง”
“รัชทายาททรงมีพระปรีชาสามารถ กระหม่อมเลื่อมใสยิ่งนัก” ซือถูหรานโล่งอกขึ้นจริงๆ “รัชทายาท พระองค์มิทรงรู้ ตอนได้ยินว่าฝ่าบาทประชวรหนัก หัวใจของกระหม่อมเหมือนถูกย่างอยู่บนกองไฟ สุดจะทนไหว”
“ข้าหาตัวเจ้ามาก็ด้วยตัดสินใจจะลงมือแล้ว โต้วฮองเฮามีกองกำลังทหารของผู้บัญชาการทหารเก้าประตู แต่ข้ามีเจ้า เจ้าเตรียมพร้อมแล้วกระมัง”
ซือถูหรานสองตาเปล่งประกายเจิดจ้า รีบคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง “รัชทายาทโปรดมีพระบัญชา”
ไป่หลี่ซีผงกศีรษะ พยุงเขาลุกขึ้นแล้วกระซิบสั่งการเบาๆ ที่ข้างหูเขา หลังจากทั้งสองปรึกษาหารือกันอีกครู่หนึ่ง ซือถูหรานกับหยวนเจี๋ยก็จากไป