“เรื่องมากขนาดนี้เดี๋ยวเขาก็หมั่นไส้เอาหรอก มีหวังโดนเอาไปนินทาลงอินเตอร์เน็ตแน่”
“ช่างปะไร”
“นิสัยยย” พสินดุ “แทนที่เป็นคนดังแล้วจะพยายามทำตัวน่ารักให้ใครๆ ชื่นชม ดันทำตัวเยอะให้เขาด่า”
“แค่อุ่นครัวซองต์เอง มันไม่ได้แย่ขนาดที่เขาจะด่าจนเสียหายได้หรอกค่ะ ก็ณชาชอบกินขนมปังอุ่นๆ ร้อนๆ นี่นา แข็งๆ ชืดๆ แบบนั้นใครจะไปกลืนลง”
“ไม่เห็นมันจะแข็งตรงไหนเลย ก็ยังนุ่มดีอยู่” พสินว่าแล้วบิของตัวเองทาน
“แต่อุ่นแล้วรสชาติมันดีขึ้นนี่คะ”
“นอกจากแฮชแท็กขี้มโนแล้ว เดี๋ยวเธอคงได้ ‘นางเอกครัวซองต์เรื่องเยอะ’ เพิ่มอีกอัน ระวังเถอะ”
“ไม่เห็นกลัวเลย รู้ไหมคะ บางทีการเป็นดาราก็ควรมีความเรื่องมากในระดับพอดีบ้าง อย่างน้อยก็ทำเพื่อให้เป็นที่จดจำของคนอื่น แล้วณชาก็ไม่ได้เหวี่ยงอะไรน่าเกลียดซะหน่อย ก็ออกปากขอร้องเขาดีๆ พูดจาเพราะๆ ยิ้มหวานๆ ให้เขา ยกมือไหว้ขอบคุณสวยๆ เพียงแต่ขอให้เขาอุ่นครัวซองต์หลายรอบหน่อยเท่านั้น แล้วณชาก็ตั้งใจจะให้ทิปเขาเยอะๆ เป็นค่าความเรื่องมากของตัวเองอยู่แล้วด้วย พี่พีทไม่ต้องห่วงหรอก”
พสินฟังแล้วกลอกตาใส่อย่างเอือมระอา
“ฟังนะคะ การที่ณชาเยอะใส่เขาแบบนี้ เขาจะได้จำแม่นไงว่าณชาเคยมาที่นี่ และขออุ่นครัวซองต์ไปสามรอบ”
อีกฝ่ายพยักพเยิดรับรู้อย่างหน่ายๆ โดยไม่พูดอะไรเลย
“พี่พีททำหน้าแบบนี้ใส่แปลว่าเบื่อณชาจนเลิกชอบแล้วล่ะสิ”
“ตอนนี้ยังหรอก แต่อีกไม่นานก็ไม่แน่”
“เฮอะ…เลิกชอบไปเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องมาเป็นห่วงแล้วคอยย้ำเตือนเรื่องเจสอีก น่ารำคาญ” ณชากระแทกเสียงประชดแล้วเม้มปากอย่างขัดเคืองใจ
“ขอให้มันจริงเถอะ วันไหนพี่เลิกสนใจขึ้นมาจริงๆ เธอจะรู้สึก ตอนเจสทำให้เสียใจเธอจะได้เศร้าแล้วเหงาตายไปเลย”
หญิงสาวฟังแล้วทำเป็นเบ้ปากรัวๆ เสมือนไม่แคร์…แต่ลึกๆ ก็ยอมรับว่าฟังคำพูดดังกล่าวทำให้สะเทือนใจและรู้สึกกลัวอยู่นิดๆ เหมือนกัน พสินอาจจะเป็นแค่คนเดียวในโลกก็ได้ที่รักและต้องการเธอเพียงคนเดียวอย่างแท้จริง หากต้องสูญเสียเขาไปเธอคงอดใจหายไม่ได้ และคงรู้สึกว่างเปล่าเกินบรรยาย
แล้วถ้าวันไหนที่เธอยอมรับว่าตัวเองหมดหวังและอกหักจากเจสอย่างสิ้นเชิงแล้ว อาจจะไม่มีใครสนใจไยดีเธอเลยก็ได้ เพราะเวลานี้ทุกคนต่างพากันเอือมระอากับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว
“พี่ชาชา!”
ณชาชะงักกึกแล้วหันขวับไปตามเสียงเรียกอันคุ้นเคยดังกล่าวทันที เธอแทบพ่นชาร้อนคำสุดท้ายที่เพิ่งจิบเข้าไปออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นมาร์กี้กับลีโอวิ่งถลาตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ
“สองคนมาได้ไงเนี่ย!”
“มากับแด๊ดดี้กับเชอรีลครับ แด๊ดดี้นั่งอยู่ทางโน้นนน…” มาร์กี้ชี้ไปทางด้านหนึ่งของร้าน ณชามองตามจึงเห็นเจสกับเชอรีลนั่งอยู่ในมุมด้านนั้นจริงๆ
“เลาเห็นพี่ชาชาก่อนมาร์กี้อีก เลาเลยบอกแด๊ดดี้ว่าขอมาหาพี่ชาชาแป๊บนึง”
ตอนนั้นณชากับพสินเรียกเก็บเงินและกำลังจะออกจากร้านพอดี พอชำระเงินเรียบร้อยก็พากันเดินตามสองหนุ่มน้อยไปยังโต๊ะของเจสเพื่อกล่าวคำทักทายเขาตามมารยาท
“พอได้เจอเจสก็ดี๊ด๊าเก็บอาการไม่อยู่เลยนะ” พสินค่อนขอดอย่างอดไม่ได้
“แหงล่ะ ก็เค้ารักของเค้า”
คนฟังกลอกตาเบาๆ กับอาการลอยหน้าลอยตาด้วยความดื้อรั้นดันทุรังของอีกฝ่าย และยิ่งกลอกหนักกว่าเก่าเมื่อเผชิญหน้ากับเจสแล้วเห็นณชาหน้าบานจนหุบไม่ลง เสมือนลืมเลือนอารมณ์หม่นหมองตอนที่คร่ำครวญปรับทุกข์เรื่องเจสกับเขาเมื่อก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้นแล้วกระนั้น
“บังเอิญจังเลย ดีใจนะคะที่ได้เจอพวกคุณที่นี่ มาเที่ยวพัทยาเหมือนกัน…ใจตรงกัน” ณชาพูดพลางยิ้มหวานให้เจสอย่างไม่สงวนท่าที โดยไม่ลืมเผื่อแผ่รอยยิ้มดังกล่าวไปถึงเชอรีลที่ยิ้มให้เธออย่างสงวนท่าทีอยู่ตรงหน้า… “มิน่าล่ะ เมื่อคืนฉันฝันถึงคุณทั้งคืนเลยค่ะเจส แล้วก็ได้มาเจอกันที่นี่…”
เจสยิ้มให้เธออย่างสุภาพ “เรามากันตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับ พวกคุณคงเพิ่งมาถึง”
“เราก็มาตั้งแต่เมื่อวานเหมือนกันค่ะ นี่กำลังจะกลับแล้ว พอดีพี่พีทมีงานด่วนเข้ามา ตอนแรกว่าจะค้างกันอีกคืน เพราะพรุ่งนี้ณชาไม่มีงาน แต่จะออกเช้าๆ ไปให้ทันพี่พีทเข้างานเก้าโมง”
“ถ้ายังไม่อยากกลับอยู่ต่อกับเราก็ได้ ให้เพื่อนคุณกลับไปก่อน แล้วคุณค่อยกลับพร้อมผมพรุ่งนี้”
“…”
“จะได้อยู่เป็นเพื่อนเด็กๆ ด้วย”
ณชาหันไปมองหน้าพสิน แต่แววตาเขาว่างเปล่าอย่างไร้ความเห็น