“แล้ว…ที่คุณโดนถอดจากละครไปสองเรื่อง และอาจจะมีปัญหาอื่นตามมาอีก แสดงว่าเรื่องของผมมันกระทบกับงานของคุณมากจริงๆ คุณคิดว่า…เราควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังไงดี ส่วนหนึ่งมันเป็นความผิดผมที่เคยขอให้คุณเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเจมี่กับมาร์กี้ลีโอ ในขณะนี้ปัญหาของผมหมดไปแล้ว แต่คุณกลับต้องมาลำบากเพราะข่าวที่มาพัวพันกับผมอยู่ ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้…”
ณชาแอบยิ้มในใจที่เห็นว่าเจสสุภาพเกินกว่าจะด่าเธอตรงๆ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดเธอที่ชอบมโนหลอกตัวเอง ในเมื่อใจเขาเองก็ต้องคิดอยู่แล้วเพียงแต่ไม่พูดออกมาตรงๆ ว่า…ต่อให้เธอมีเรื่องพัวพันหรือมีเหตุให้ต้องเจอเขากับลูกๆ ทุกวันวันละสิบรอบ แต่ถ้าเธอไม่เก็บไปมโนเป็นตุเป็นตะ แล้วเอาไปพูดหรือโพสต์ลงโซเชียลมีเดียในทำนองนั้นให้คนพากันแซะด้วยความหมั่นไส้แกมสมเพช เธอก็คงไม่ต้องเจอปัญหาอะไรเลย แต่นี่เธอทำตัวเองทั้งนั้น…
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ฉันแก้ปัญหาเรื่องนี้เองได้”
“แต่การที่โดนถอดจากบทนางเอกไปแล้วสองเรื่อง ความเสียหายมันไม่น้อยเลยนะครับ”
“จริงๆ แล้วเรื่องแรกที่โดนถอด ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้บทนั้นเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะตั้งแต่มีข่าวออกมาว่าฉันจะเล่นเรื่องนั้น แฟนนิยายเขาก็พากันแอนตี้ว่าฉันไม่เหมาะที่จะรับบทนี้ โดนถอดไปก็ดีแล้ว”
“งั้นเหรอ…แต่การจะหาใครมารับบทอะไรในแต่ละครั้ง มันคงสมจริงทุกอย่างยากพอสมควรนะครับ”
ณชาพยักหน้า “อย่างเรื่องล่าสุดของฉันที่ออนแอร์อยู่ โดนด่าอย่างหนักว่าข้อมูลในละครไม่เป๊ะ แต่จริงๆ หลายจุดคนทำสคริปต์เขาเขียนมาเป๊ะแล้ว แต่ตอนถ่ายผู้กำกับเขาไม่เอามันก็ต้องเปลี่ยน ซึ่งหลายๆ ปัจจัยมันก็ควบคุมได้ยาก”
“แล้วอีกเรื่องที่คุณโดนถอดไปล่ะ คุณไม่เสียดาย?”
ณชาไหวไหล่เบาๆ ทำสีหน้าให้เขารู้ว่าเธอก็ไม่ได้แคร์สักเท่าไหร่ “ก็ไม่เชิงว่าไม่เสียดาย ฉันชอบบทนั้นมากนะ แต่การต้องเล่นเป็นบทผู้หญิงที่อายุมากกว่าตัวเองห้าปี แถมยังเป็นคนฉลาดและนิสัยดีแบบนางเอกเรื่องนั้น บอกตามตรงว่าฉันไม่มั่นใจเลย”
เจสเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ยิ้มๆ
“นางเอกเป็นสาวไฮโซที่เกิดมาในครอบครัวผู้ดี มีหน้ามีตาในสังคม และมีพร้อมไปหมดทุกอย่าง ครอบครัวอบอุ่น เรียนเก่งอย่างน่าชื่นชมมาตั้งแต่เด็ก เป็นนักเรียนทุน และเป็นนักวิจัยที่จบมาจากมหาวิทยาลัยระดับท็อปเท็นของโลก เธอไม่เคยเชื่อเรื่องผี แต่อยู่ๆ ก็มากลายเป็นคนเห็นผีที่ต้องคอยให้ความช่วยเหลือผี แต่เธอไม่สามารถพูดเรื่องนี้กับใครตรงๆ ได้ เพราะตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์…บอกตามตรงว่าฉันจินตนาการตัวเองเป็นผู้หญิงแบบนั้นไม่ออกเลย นอกจากจะไม่มีอะไรเหมือนเขาแล้ว ตอนนี้ฉันยังเรียนไม่จบปริญญาตรีด้วยซ้ำ แถมยังขาดเรียนบ่อยและไม่ค่อยตั้งใจเรียนด้วย นี่โดนผู้ปกครองโทรมาด่าทุกวัน เมื่อกี้ก็เพิ่งโดนไปหมาดๆ หาว่ามัวติดผู้ชายจนลืมการเรียน…”
ชายหนุ่มฟังแล้วหลุดขำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะรีบพึมพำขออภัยเธอที่เสียเขามารยาท “ผมไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะนะครับ ขอโทษด้วย”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ ฉันตั้งใจพูดเรื่องตลกให้คุณขำอยู่แล้ว” เธอบอกด้วยรอยยิ้มที่หวานยิ่งกว่าเดิม แม้จะรู้ว่าการทอดสะพานจนเกินงามมักทำให้ผู้ชายดีๆ ขยาดมากกว่าจะชอบแล้วก้าวข้ามมา แต่เธอก็จะทำ
“แต่ฟังดูแล้วน่าเสียดายบทเรื่องนั้นนะ คุณไม่ชอบรับบทอะไรที่มันท้าทายความสามารถแบบนั้นหรอกครับหรือครับ”
“ชอบค่ะ แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันท้าทายเกินไป”
เจสยิ้มพลางพยักหน้า ก่อนจะหันเหความสนใจไปที่เด็กๆ เพราะไม่มีประเด็นที่จะคุยกับณชาต่อไปแล้ว
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 19 มีนาคม)