“ผมขอร้องล่ะณชา…” เขาข่มใจอ้อนวอนเธอ อย่างน้อยก็มั่นใจว่าเธอยังคงมีใจให้เขาอยู่ไม่น้อย แม้ตอนนี้มันจะดูจืดจางลงไปจากที่เขาเคยจำได้ค่อนข้างมาก…
“ฉันจะลองพูดกับเจมี่ดูก็ได้ค่ะ” ณชาพูดพลางถอนหายใจยาวๆ
“ผมถามหน่อยได้ไหม ทำไมคุณถึงไม่อยากย้ายไปอยู่กับผม…”
ณชาเบิกตาโตและเกือบหลุดเสียงอุทานออกมาอย่างดัดจริตขั้นสุด เธอตกใจเบาๆ ที่น้ำเสียงและสายตาของเจสตอนนี้ดูราวกับว่าเขากำลังพยายามอ้อนวอนขอความรักจากเธอกระนั้น และถึงจะรู้ว่าเขาจงใจทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวบางอย่าง แต่หญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะเผลอดีใจแกมหวั่นไหวจนเคลิ้ม
“ทำไมจะไม่อยากล่ะคะ ฉันอยากมากๆ เลยนะ แต่…ไม่แน่ใจว่าต่อให้ฉันเสนอตัวขนาดนั้นแล้วเจมี่จะยอมโอเคด้วยไหม เพราะคุณก็รู้ว่าเจมี่เขาชอบพาผู้ชายมาค้างคืนด้วยแทบทุกอาทิตย์ แม้แต่เวลาไปที่ห้องฉัน…ฉันก็ปล่อยตามใจเขาและไม่เคยว่าอะไรเลย แต่ถ้าให้เขาย้ายไปอยู่บ้านคุณล่ะก็ อิสระในส่วนนั้นก็อาจจะต้องหมดไป…จริงไหมคะ ซึ่งฉันคิดว่าเขาคงไม่โอเคเท่าไหร่”
“แต่ผมเชื่อนะว่า ที่เจมี่ทำตัวเหลวไหลแบบนั้น มันเป็นเพราะเขาเหงามากกว่าอย่างอื่น”
“…”
“ถ้าได้ย้ายไปอยู่กับผม โดยที่มีน้องๆ และมีคุณอยู่ด้วยในบ้านหลังเดียวกัน เรื่องนั้นอาจจะไม่สำคัญสำหรับเขาอีกก็ได้”
“แน่ใจหรือคะว่ามันเกี่ยวกัน ฉันว่ามันเป็นการเติมเต็มคนละส่วนที่ไม่น่าจะทดแทนกันได้เลยนะ เพราะหากเป็นคุณ…คุณจะเลิกควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าได้หรือถ้ามีลูกๆ มาอยู่ด้วยอย่างอบอุ่นเต็มบ้าน”
สุ้มเสียงและหน้าตาใสซื่อของณชาทำให้เจสสะอึก แล้วก็ต้องแอบบวกลบคูณหารอายุเขากับเธออยู่ในใจเงียบๆ ก่อนจะรู้สึกเหมือนเกลียดขี้หน้าเธอขึ้นมาอย่างจับใจ ปกติแล้วเขาค่อนข้างเอ็นดูณชาพอสมควร อย่างน้อยก็ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อนกับลูกสาว แม้จะไม่เคยรู้สึกว่าเธอเองก็เป็นเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของเขา แต่ก็ไม่เคยรังเกียจที่เธอพยายามทอดไมตรีเพราะมีใจให้ อาจจะตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยรู้สึกแย่…
“เห็นไหม คุณเองก็ทำไม่ได้ซะหน่อย แล้วทำไมถึงคาดหวังว่าเจมี่จะต้องทำได้”
“ผมอาจจะไม่เคยทำได้ และไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าตั้งใจจริงผมก็ทำได้ มันจะไปยากอะไร”
“เหรอคะ…”
“เรามาลองดูก็ได้…ถ้าคุณทำให้เด็กๆ ย้ายไปอยู่กับผมได้เมื่อไหร่ ผมจะลองเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเดิมๆ ที่เคยเป็นให้ดู…”
“โหยยย!”
“อะไร?” ปฏิกิริยาของณชาทำเอาชายหนุ่มต้องนิ่วหน้าถามอย่างไม่ไว้ใจทันที
เจสไม่ชอบน้ำเสียงบวกสีหน้าท่าทีกวนประสาทชนิดนี้ของเธอเอาเสียเลย ในฐานะผู้หญิงที่ประกาศตัวว่าหลงใหลได้ปลื้มและปรารถนาในตัวเขาอย่างสุดหัวใจ…ณชาไม่น่าจะแสดงท่าทีเช่นนี้ตอบกลับมาหลังจากเขาพยายามหว่านเสน่ห์ใส่เสียขนาดนั้น เท่าที่เจสจำได้…ยังไม่เคยมีใครทำให้เขาขัดอกขัดใจหรือขวางหูขวางตาได้เท่าที่ณชาทำมาก่อนเลย หรือบางทีตอนนี้เธออาจจะไม่ได้ชอบเขาเท่าที่เคยแล้วจริงๆ…
“ฉันก็รู้สึกกดดันมากๆ เลยน่ะสิคะ การที่คุณทุ่มเทเดิมพันด้วยเรื่องที่น่าจะสำคัญต่อชีวิตคุณมากขนาดนั้น มันทำให้ฉันใจสั่นและอยากลองมากเลย”
“ก็ลองดูได้นี่ครับ” เขามองเธออย่างท้าทายอีกครั้ง แต่ก็ต้องข่มความหงุดหงิดที่เกิดจากการเห็นว่าณชากำลังแกล้งพูดจาแดกดันเขาอยู่เอาไว้ เจสเชื่อว่าที่เป็นแบบนี้อาจเพราะเธอเห็นว่าตอนนี้ตัวเองเป็นต่อ จึงได้ทีเอาคืนเขา “ว่าไงครับ อยากลองดูไหม ผมอาจจะไม่มั่นใจนักว่าจะเลิกควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าได้จริงๆ แต่ก็เคยหวังไว้เหมือนกันว่าการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้น…จะช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง”
“…”
“จะลองช่วยในฐานะที่คุณเป็นเพื่อนสนิทเจมี่ หรือในฐานะคนที่รู้สึกดีกับผมก็ได้นะณชา”
แม้น้ำเสียงและแววตาที่เต็มไปด้วยแววถือดีของเจสจะทำให้ณชารู้สึกหมั่นไส้นิดๆ แต่เขาก็ยังสามารถทำให้เธอเกิดอาการวาบหวามในอกอย่างบรรยายไม่ถูกอยู่นั่นเอง
เจสรู้ดีถึงเสน่ห์อันแรงกล้าของตัวเอง และย่อมมั่นใจด้วยว่าเขายังมีอิทธิพลต่อความรู้สึกเธอไม่น้อย เขาจึงเลือกที่จะใช้มันให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่
ใจหนึ่ง…ณชาก็ไม่ได้อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องในครอบครัวของเจสมากไปกว่านี้ แต่อีกใจเธอก็อยากลองทำตามการท้าทายของเขาดูสักหน่อย เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายโอกาสดีๆ แบบนี้ทีหลัง ถ้าหากเกลี้ยกล่อมเจมี่สำเร็จ เธอก็จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านเดียวกับเจส ได้ใกล้ชิดเขาสมกับที่ใฝ่ฝันมานาน…ทว่าเธอจะต้องไม่ให้บรรดาเพื่อนๆ กับผู้ปกครองคนใดคนหนึ่งของเธอล่วงรู้เรื่องนี้โดยเด็ดขาด