บทที่หนึ่ง
ยามราตรีอันมืดมิด เรือขนาดใหญ่สามชั้นลำหนึ่งเคลื่อนตัวไปบนผืนน้ำอย่างช้าๆ
ฝูอ๋องกับเสนาบดีเฉวียนที่อยู่บนเรือโหลวฉวน ลำนี้ได้รับพระราชโองการจากจักรพรรดิให้ออกเดินทางในฐานะทูต ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้เบ่งบาน เส้นทางน้ำครั้งนี้จะต้องผ่านตั้งแต่ลำคลองของเมืองหลวงลงสู่แม่น้ำและออกไปยังผืนสมุทรกว้างใหญ่ จุดหมายปลายทางก็คือแคว้นหนีตันซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของแคว้นฉงหนิง ซึ่งคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน แต่ดูจากสถานการณ์ในปัจจุบันแล้วเป็นไปได้มากว่าจะต้องเสียเวลานานกว่านั้น
เจ้านายคนที่หนึ่งอย่างเสนาบดีเฉวียนกำลังดื่มด่ำกับการเดินทางอย่างยิ่ง เขาตัดสินใจเลือกเดินทางในเส้นทางน้ำที่ค่อนข้างสบายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทั้งยังนำอนุ บ่าวรับใช้ รวมไปถึงคนครัวที่ตนเองชื่นชอบมาด้วยทั้งหมด ใช้การเดินทางไปทำงานให้เป็นการท่องเที่ยว
เจ้านายคนที่สองอย่างฝูอ๋องเว่ยหลันโจวก็เป็นเจ้านายที่รักสนุกมั่วโลกีย์เช่นเดียวกัน ในฐานะลูกพี่ลูกน้องของจักรพรรดิหนุ่ม ในการเดินทางครั้งนี้แม้เขาจะประดับสถานะเป็นรองหัวหน้าคณะราชทูตพิเศษเอาไว้ แต่ทุกคนภายในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดเชื่อว่าบุคคลที่มีชื่อเสียงเลวร้ายเช่นเขาจะสามารถกระทำเรื่องจริงจังอะไรออกมาได้ เขาเองก็ร้องขอต่อจักรพรรดิหนุ่มอย่างไม่เหนือความคาดหมายของทุกคนว่าเรือลำนี้จะต้องใหญ่โตและสะดวกสบาย ต้องมีอาหารเลิศรส มีความรื่นเริง ถึงขั้นหากอาศัยอยู่บนเรือจนเบื่อหน่ายแล้ว ก็สามารถขอเทียบฝั่งขึ้นไปเที่ยวเล่นสักหลายวันได้
โดยรวมคือเขามีข้อเรียกร้องมากมาย จักรพรรดิเองก็เอ่ยปากอนุญาตแล้ว ขุนนางทุกคนในราชสำนักต่างไม่คาดหวังอะไรมากมายกับฝูอ๋อง ขอเพียงเสนาบดีเฉวียนสามารถจัดการเรื่องทางการทูตครั้งนี้ได้เป็นอย่างดีก็พอ
แคว้นฉงหนิงเป็นแคว้นขนาดใหญ่ เรือที่คณะทูตเดินทางมาลำนี้ถือเป็นตัวแทนหน้าตาของแคว้น เมื่อรวมเข้ากับข้อเรียกร้องของฝูอ๋อง ความหรูหราโอ่อ่าบนเรือจึงนับได้ว่าไม่เป็นรองผู้ใด ชั้นบนสุดมีห้องโถง ห้องนอน ห้องประชุม ชั้นกลางมีห้องรื่นเริงเพื่อการพักผ่อน ห้องชา ห้องเดินหมาก ห้องครัว ส่วนชั้นล่างสุดมีไว้สำหรับเป็นที่พักอาศัยของบ่าวรับใช้รวมไปถึงห้องเก็บความเย็นเอาไว้จัดเก็บสุราและอาหาร
เรือออกเดินทางมาได้เกือบครึ่งเดือนแล้ว
ยามนี้ ภายในห้องครัวซึ่งครอบครองพื้นที่ของชั้นกลางไปไม่น้อย มือเล็กข้างหนึ่งวางตะเกียงน้ำมันลงบนฝั่งขวาบนของเตาที่ก่อขึ้นจากอิฐ แสงจากตะเกียงนี้ถือเป็นที่มาของแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้
บนเตาวางหม้อเหล็กใบใหญ่เอาไว้ มีเงาร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ด้านหน้าเตา สายตามองไปยังใต้เตาอย่างตั้งใจ นางใช้ไม้เขี่ยไฟทำความสะอาดคราบเขม่าบริเวณหัวเตาอยู่ทุกวัน เพื่อที่จะได้ปรับความแรงของไฟได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งการเรียงลำดับของฟืนใหม่ที่อยู่ใต้เตาก็ถือเป็นจุดสำคัญ
เมื่อเห็นเปลวเพลิงค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมา นางถึงได้ผ่อนลมหายใจยาว
การเป็นคนยุคโบราณถือว่าลำบากมากจริงๆ โดยเฉพาะสำหรับคนทำขนมตะวันตกที่ถนัดทำขนมหวานฝรั่งเศส หรือนางที่ถนัดทำขนมแบบจีนผสมตะวันตกแล้ว การไม่มีเตาอบที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ก็คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด นางจึงได้แต่อาศัยการเพิ่มลดฟืนมาควบคุมความร้อนแทน
นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังตู้ไม้ที่อยู่ข้างๆ ภายในนั้นวางซีอิ๊วปรุงรสและผงแป้งชนิดต่างๆ เอาไว้ไม่น้อย
นางหยิบแป้งออกมาชามหนึ่ง ใส่น้ำลงไปช้าๆ หลังคนเบาๆ จนกลายเป็นก้อนแป้งแล้วก็หยิบเครื่องเทศขวดหนึ่งในนั้นออกมาใส่ลงไป แล้วบีบนวดอีกสักพัก
เครื่องเทศเหล่านี้ถือเป็นผลงานชั้นเลิศของนาง ตอนวันหยุดนางเคยออกไปตามหาเมล็ดพวกนี้มาจากตลาดในเมือง แล้วนำมาลองปลูกในพื้นที่เล็กๆ ด้านหลังเรือนบ่าวของจวนเสนาบดี เลียนแบบความกระตือรือร้นของเสินหนง ที่ลองชิมสมุนไพรนับร้อยชนิด ในที่สุดนางก็ตามหาเครื่องเทศที่คล้ายคลึงกับยุคปัจจุบันได้อย่างยากเย็น ทำให้เนื้อแป้งมีรสชาติมากกว่าเดิมได้