ข้างนอกห้องครัวมีเสียงฝีเท้าดังมา แสงตะเกียงดวงหนึ่งก็พลอยขยับไหวไปด้วย
แย่แล้ว! หากถูกเจอตัวก็แย่แล้ว! นางตัวแข็งอยู่ที่เดิม มือพลันถูกคนคว้าจับ นางถูกดึงตัวไปอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน นางถลึงตาใส่คนในความมืดที่มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดแต่แรกแล้วอย่างลนลาน “ผู้ใดกัน”
“นอกจากข้าแล้วจะยังเป็นผู้ใดได้อีก” น้ำเสียงทุ้มต่ำของบุรุษที่คุ้นเคยแฝงไปด้วยอาการกลั้วหัวเราะ
นางยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก แต่ฝ่ามืออุ่นร้อนของเขากลับปิดปากนางทันที แล้วตระกองกอดนางพาเดินไปหยุดอยู่อีกมุมห้องครัว
ชั่วขณะต่อมาก็มีองครักษ์สองคนถือตะเกียงน้ำมันส่องเข้ามาข้างใน พวกเขาเพียงมองสำรวจอย่างส่งๆ ก่อนจากไป
รอบด้านตกลงสู่ความมืดอีกครั้ง ฉู่ซินเถียนผ่อนลมหายใจออกมา นางอยากจะผลักบุรุษที่กอดตนเองออกไป แต่เขากลับกอดนางแน่นขึ้นเสียอย่างนั้น พร้อมกล่าวเสียงเบา “ยังไปไม่ไกล”
“อ้อ” นางได้แต่อยู่นิ่งๆ อย่างว่าง่าย
เมื่อร่างกายอยู่ในความมืด สัมผัสทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นเฉียบคมยิ่ง นางสามารถสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอภายใต้แผ่นอกกว้าง รวมไปถึงท่อนแขนกำยำของเขาที่โอบกอดนางอยู่
เขากระจ่างมาโดยตลอดว่าถึงแม้นางจะอายุยังน้อยแต่ร่างกายกลับเจริญเติบโตได้ดีมาก กระนั้นเขาก็คิดไม่ถึงว่าความรู้สึกตอนกอดนางเอาไว้จะดีเพียงนี้ ตัวคนนุ่มนิ่มราวกับซาลาเปาเนื้อลูกเล็กที่เพิ่งนึ่งเสร็จ บนร่างเองก็มีกลิ่นแป้งจางๆ ตอนที่นางหายใจเข้าออกถี่กระชั้นด้วยความเป็นกังวล ความอวบอิ่มของเด็กสาวที่คอยกดแนบกับหน้าอกเขาเป็นระยะๆ ยิ่งเป็นรสชาติที่งดงามมาก
“ยังเดินไปไม่ไกลอีกหรือ นานมากแล้วนะ” ฉู่ซินเถียนใช้นิ้วจิ้มเขาอย่างอดไม่อยู่พลางเอ่ยถามเสียงเบา
มุมปากเขาหยักยกขึ้น ลมหายใจอุ่นร้อนอยู่ข้างหูนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ความจริงเดินไปไกลมากแล้ว แต่เหมือนเจ้าจะหลับไป ข้าถึงได้ไม่กล้าขยับ”
ฉู่ซินเถียนพลันนิ่งอึ้งไป ก่อนจะผลักเขาออกอย่างแรงด้วยความโมโห เจ้าคนหื่นกามนี่ ในสถานการณ์เช่นนี้ข้ายังจะหลับลงอีกหรือ!
ชั่วขณะต่อมา เสียงก๊องแก๊งๆ ก็ดังขึ้นกะทันหัน คล้ายเป็นเสียงหม้อหล่นลงพื้น เป็นเพราะการผลักของข้าหรือเปล่า
สวรรค์! องครักษ์สองคนนั้นจะย้อนกลับมาอีกหรือไม่ นางตกใจจนไม่กล้าขยับ
บุรุษผู้นั้นก็นิ่งเงียบ แต่เขาที่มองเห็นในความมืดได้นั้นกลับสามารถมองเห็นความหงุดหงิดและความไม่สบายใจในดวงตาคู่กลมคู่นั้นของนางได้อย่างชัดเจน เขาข่มกลั้นเสียงหัวเราะไว้โดยไม่พูดอะไร
รอบด้านนิ่งเงียบอยู่อีกครู่ใหญ่ ไม่มีผู้ใดมาอีกเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าบรรดาเวรตรวจตรายามกลางคืนเหล่านั้นเดินไปถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้ว
ดวงตาของฉู่ซินเถียนเองก็คุ้นชินกับความมืดแล้ว นางสามารถมองเห็นตำแหน่งที่บุรุษผู้นั้นอยู่ได้แล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากนางเพียงสามก้าวเท่านั้น “น่าจะไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง”
เขาผงกศีรษะ
ฉู่ซินเถียนถึงได้คลำความมืดเดินไปจนถึงหน้าเตาไฟ และนำตะเกียงน้ำมันที่นางวางไว้ข้างบนมาจุดสว่าง ทว่ากลับพบว่าหม้อและฝาหม้อที่หล่นเสียงดังก๊องแก๊งเมื่อครู่นี้อยู่ห่างจากพวกเขาไปช่วงหนึ่ง จากระยะห่างและความสูงของตำแหน่งที่บุรุษผู้นั้นยืนอยู่ในตอนนี้ ไม่มีทางสัมผัสโดนได้แน่
ดวงตานางมีโทสะผุดวาบขึ้น “เจ้าจงใจไปชนมัน!” นางเดินไปทางหม้อและฝาหม้ออย่างโมโห แล้วนั่งยองๆ เพื่อเก็บของที่อยู่บนพื้นมาจัดวางให้เรียบร้อยอีกครั้ง
เขาเองก็เดินตามมาด้วย “เจ้ากล่าวหากันเกินไปแล้ว ยามนั้นมืดเพียงนี้ ใครจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังบ้าง นอกจากนี้ ข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าเรี่ยวแรงเจ้าจะมากเพียงนี้ ข้าถูกผลักไปไกลเพียงนั้น โซเซไปตั้งหลายก้าว เป็นเพราะข้ายั้งตัวเองเอาไว้หรอกถึงได้โดนของพวกนี้เข้าให้ ก่อนจะสะดุ้งเดินกลับมาข้างหน้าอีกหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว ที่นี่มืดสนิทเช่นนี้ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าต้องเดินไปทางไหน” บนใบหน้าคมคายแสดงสีหน้าตัดพ้อที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม
ก็จริง ยามนั้นมืดเพียงนั้น อีกทั้งแรงของข้าก็ไม่น้อยจริงๆ
“ขอโทษด้วย ข้าใส่ร้ายเจ้าเกินไป” นางกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน
ขอโทษง่ายดายเพียงนี้เชียว? บุรุษผู้นั้นนิ่งอึ้งไป ก่อนยิ้มออกมา “ไม่เป็นไร พวกเราเก็บข้าวของกันเถิด พรุ่งนี้เช้ายังต้องทำงานอีก”
“ตกลง” นางผงกศีรษะ
ทั้งสองคนช่วยกันทำให้ห้องครัวกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ฉู่ซินเถียนมองดูเขาคิดอยากจะพูดอะไร ทว่าเขากลับยิ้มกล่าวขึ้นมาก่อน “คืนพรุ่งนี้เจอกัน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 20 พ.ย. 62