บุรุษที่บุกเข้ามากลับมีท่าทางที่เป็นธรรมชาติยิ่ง ดวงตาดอกท้อที่ค่อนข้างเรียวยาวกวาดมองผ่านใบหน้ากลมที่ดูอ่อนวัยของนางอย่างรวดเร็ว ผิวของนางขาวมาก ดวงตากลมโตคู่หนึ่ง จมูกรั้นขึ้นน้อยๆ ริมฝีปากอิงเถา แดงชุ่มชื้น อายุน่าจะประมาณสิบสองสิบสามปี กลิ่นอายความเป็นเด็กยังไม่จางหายไปทั้งหมด เป็นใบหน้าที่ชวนให้ผู้คนเอ็นดูใบหน้าหนึ่ง
เขายิ้ม ก่อนที่สายตาจะกลับไปจรดนิ่งอยู่บนจานอีกครั้ง “ตกลงนี่คืออะไรกันแน่”
ฉู่ซินเถียนถึงได้สติกลับมา นางกลืนน้ำลายลงคอ “เจ้าเป็นผู้ใดกัน”
“แล้วเจ้าเล่าเป็นใครกัน สิ่งนี้ดูน่ากินไม่น้อย” เขากล่าวพร้อมยื่นมือขวาไปยังจาน
นางยื่นมือออกไปปกป้องขนมปังที่อยู่บนจานโดยไม่ต้องคิด “ข้าเป็นคนทำเอง”
เขามองไปยังห้องครัวที่มืดสลัวรอบด้าน ก่อนเดินไปทางขวา ยกเก้าอี้ตัวหนึ่งเดินกลับมาวางแล้วนั่งลงตรงหน้านางเสียเลย พร้อมกับยิ้มแย้มมองนาง “ของสิ่งนี้น่าจะเป็นของที่เจ้า ‘แอบ’ ทำเสียมากกว่า ดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้กลับมีหนูตัวใหญ่อย่างเจ้าเสียได้” เขาจงใจเน้นเสียงหนักคำว่า ‘แอบ’ เป็นอย่างมาก
ใบหน้าอมชมพูของฉู่ซินเถียนแดงระเรื่อขึ้นน้อยๆ กระนั้นนางก็ยังไม่ยอมรับว่าเขาพูดได้ถูกต้อง “ข้า…ข้าเป็นแม่ครัว เดิมทีก็สามารถเข้าออกและใช้วัตถุดิบของที่นี่ได้อย่างอิสระอยู่แล้ว”
เขาแสร้งแสดงสีหน้าสงสัยออกมา “ข้าเองก็ทำงานอยู่บนเรือเช่นกัน ทำไมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าแม่ครัวสามารถเข้าออกที่นี่ได้ดึกดื่นเพียงนี้ เข้าใจแล้ว รอพรุ่งนี้เช้าข้าจะไปถามหัวหน้าดู”
นางกัดริมฝีปาก แม้เสนาบดีเฉวียนจะเป็นผู้ที่ชอบกินเพียงใด แต่พูดในอีกทางแล้ว เขาเองก็เป็นคนที่ใจแคบยิ่งนัก ต่อให้นางสามารถใช้วัตถุดิบได้ตามใจเพียงไร แต่ผู้ที่กินก็ไม่อาจเป็นนางได้อยู่ดี
“คือว่า…เจ้าอยากลองกินดูหรือไม่” นางพลันยิ้มกว้างออกมา ทั้งยังขยับเลื่อนจานกลมไปทางเขาเบาๆ
เขาเลิกคิ้วขึ้นมองนางโดยไม่กล่าววาจา
“อร่อยมากจริงๆ นะ” รอยยิ้มของข้าดูไม่กระตือรือร้นมากพอหรือ ฉู่ซินเถียนพยายามทำให้ตนเองยิ้มยิงฟันออกมา
เขายังคงไม่ขยับ เอาแต่มองนางตาไม่กะพริบ
คนผู้นี้เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ไม่ให้กิน เขาก็เอื้อมมือออกมาต้องการจะหยิบ ยามนี้ให้กินแล้ว เขากลับไม่หยิบไปเสียอย่างนั้น ฉู่ซินเถียนต่อว่าอยู่ในใจ กระนั้นบนใบหน้าก็ยังไม่ลืมคงแววตาเป็นประกายเอาไว้ และมุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างอย่างสดใส
เขาเองก็ยิ้มแล้ว แต่ยังคงไม่ขยับมือ
นางยิ้มจนเกือบจะแข็งค้างอยู่แล้ว ช่างเถอะ! ไม่กินก็ช่างแล้ว!
ฉู่ซินเถียนหยิบขนมปังชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งโยนใส่ปากตนเองเสียเลย
“นี่เป็นค่าปิดปากหรือ” เขาหยิบขนมปังชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งขึ้นมาโยนใส่ปากเลียนแบบนาง
“พรูด…แค่กๆ…” เศษขนมปังพลันติดคอจนนางสำลักไอขึ้นมา ใบหน้าอมชมพูแดงก่ำไปทั้งหน้า นางได้แต่ถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ ทว่าไม่อาจหยุดอาการไอนี้ลงได้
เขากวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นกาน้ำชาวางอยู่บนเตาอีกตัวหนึ่งจึงเดินไปหาแก้วน้ำแล้วเทน้ำกลับมาให้นาง
ฉู่ซินเถียนรับมาดื่มลงไปสามอึกเล็กๆ นางจึงหยุดไอได้เสียที
ทว่าระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ เขาก็ยังสามารถกวาดทุกอย่างในจานกลมลงกระเพาะประดุจลมคิมหันต์พัดใบไม้ร่วงอย่างไรอย่างนั้น
“ขอบคุณสำหรับอาหาร”
เขาลูบศีรษะนางอย่างเป็นกันเองโดยไม่สนใจดวงตาที่เบิกกว้างคู่นั้น ก่อนหันกายเดินออกจากห้องครัว และหายไปจากสายตาของนางทั้งอย่างนี้
รอบด้านพลันเงียบสงัดลง ฉู่ซินเถียนกะพริบตาปริบๆ มองดูจานกลมที่ว่างเปล่าตรงหน้า นี่ถือเป็นการยืนยันได้ว่าเมื่อครู่นี้มีคนโผล่มาจริงๆ ทั้งยังกินขนมปังของนางไปจนหมด มิใช่นางคิดไปเอง!
บุรุษผู้นั้นหน้าตาดีจริงๆ ทว่านางกลับไม่เคยเห็นชุดสีเข้มตลอดทั้งร่างที่เขาสวมใส่นั้นมาก่อน แม้ชุดนั้นจะไม่ได้ดูมีราคาอะไร แต่ก็ไม่ใช่ชุดที่บ่าวรับใช้ผู้ติดตามบนเรือจะสวมใส่กันแน่นอน
เป็นผู้ใดกันนะ นางทำความสะอาดเตาไปพลางครุ่นคิดไปพลาง