“นั่นก็เป็นของที่ฝูอ๋องประทานให้เจ้า” เขากล่าว
ฉู่ซินเถียนปิดความยินดีเอาไว้ไม่มิด นางโพล่งปากกล่าว “ดีจริง เอ่อ…” นางมองดูเสนาบดีเฉวียนที่จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาอย่างกระอักกระอ่วน แม้แต่โฉมงามข้างกายเขาก็ก้มหน้าหัวเราะด้วย
ทั้งสาวใช้ที่ถอยกลับไปอยู่ด้านข้าง และบ่าวชายสองคนที่ยืนรอปรนนิบัติอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อสายตาของทั้งสามคนมองสบกันแล้วก็ผละจากไปอย่างรวดเร็ว ยามที่ฝูอ๋องประทานเงินก้อนนี้ให้ พวกเขาเองก็อยู่ด้วย ทั้งที่ฝูอ๋องโยนถุงเงินหนักอึ้งมาให้แท้ๆ อย่างน้อยก็น่าจะมีหลายสิบตำลึง ทว่าตอนนี้กลับเหลือแค่เศษเงินถุงเล็กๆ เท่านั้น แน่นอนว่าเรื่องนี้พวกเขาไม่มีความกล้าจะพูดออกมา
เสนาบดีเฉวียนมองดูฉู่ซินเถียนที่อยู่ในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนเขารู้ว่าเด็กสาวผู้นี้เป็นคนรักเงินมากเพียงใด แล้วก็กระจ่างดีว่านางคิดอยากไถ่ตัวมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามหากไม่พูดถึงเรื่องที่ตอนนี้เขาชมชอบฝีมือการทำอาหารของนาง เขาเชื่อว่าอีกไม่เกินสองปีรูปโฉมของนางย่อมไม่มีทางแพ้อนุโฉมงามที่อยู่ข้างกายเขาในยามนี้ ถึงตอนนั้นก็ให้นางกลายมาเป็นคนของเขา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อยู่ในการคำนวณของเขาแล้ว
ที่ผ่านมาเขาจึงผ่อนปรนให้ฉู่ซินเถียนเสมอมา เขายิ้มมองนาง “ฝูอ๋องชื่นชอบอาหารว่างของเจ้ามาก และชีวิตบนเรือก็ไม่มีความรื่นเริงอะไรมากมาย เขาเพลิดเพลินมาเดือนหนึ่งแล้ว ยามนี้จึงไม่มีความรู้สึกแปลกใหม่อะไรอีก ทุกวันล้วนนอนถึงตอนบ่าย ตื่นขึ้นมาก็ล้วนได้กินอาหารทะเลเลิศรสจนรู้สึกเบื่อมากแล้ว เขาชอบของแปลกใหม่ เจ้าเองก็สิ้นเปลืองแรงกายใจเพิ่มสักหน่อย วันหน้ารางวัลที่ได้จะต้องมีมากขึ้นแน่นอน”
“เจ้าค่ะ” ฉู่ซินเถียนผงกศีรษะตอบรับอย่างมีความสุข
อนุโฉมงามที่อยู่ด้านข้างเห็นความสนใจของเสนาบดีเฉวียนอยู่บนร่างของฉู่ซินเถียนทั้งหมด นางจึงเอนซบไปในอ้อมกอดเขาอย่างออดอ้อน กล่าวด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ “ใต้เท้า ท่านลืมเรื่องของข้า ไปแล้วหรือเจ้าคะ”
เขาก้มหน้าจุมพิตบนหน้าผากนาง ก่อนเงยหน้ามองฉู่ซินเถียนผู้ขาวกระจ่างบริสุทธิ์อีกครั้ง “ที่เรียกเจ้ามายังมีอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อน ปิ่งกัน* รสเปรี้ยวๆ หวานๆ กินคู่น้ำชาที่เจ้าทำมา นางชอบมาก กระตือรือร้นอยากจะศึกษาจากเจ้า”
ฉู่ซินเถียนคิดแล้วผงกศีรษะ “นั่นคือปิ่งกันโรยน้ำตาลรสมะนาว ทำไม่ยากเจ้าค่ะ แต่การควบคุมไฟค่อนข้างยาก”
ฉู่ซินเถียนอธิบายเรื่องการใช้ไข่ น้ำตาล น้ำมัน แป้ง และวัตถุดิบต่างๆ มาผสมกันทำเป็นก้อนแป้ง แล้วแบ่งแป้งออกเป็นก้อนเล็กๆ กดจนแบนแล้วนำไปอบ หลังทำเสร็จก็นำไปวางไว้ให้เย็นจากนั้นจึงบอกถึงขั้นตอนการผสมผงน้ำตาลกับน้ำมะนาวว่าต้องผสมอย่างไร แล้วเอามาโรยบนปิ่งกันอีกทีหนึ่ง…ฉู่ซินเถียนอธิบายอย่างละเอียดยิ่ง แต่เมื่อเห็นแววตากระสับกระส่ายหงุดหงิดของอนุโฉมงามผู้นั้น นางก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายเพียงแค่พูดออกมาอย่างนั้นเอง นึกอยากประจบประแจงเสนาบดีเฉวียนเท่านั้น
“ฟังดูไม่ยากเท่าไร แต่ว่าไฟ?” อนุโฉมงามกัดริมฝีปากแดงแล้วมองไปยังฉู่ซินเถียน
“เรื่องนี้ต้องอาศัยประสบการณ์เท่านั้นจริงๆ เจ้าค่ะ อธิบายได้ยากนัก” ฉู่ซินเถียนพูดตรงไปตรงมายิ่ง ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็ไม่มีเตาอบ ไม่อาจคาดเดาความร้อนได้ หากไฟของเตาแรงเกินไปหรือร้อนไม่พอ ปิ่งกันที่อบออกมาก็อาจจะไหม้หรืออาจไม่สุก กินไม่ได้อีก
“เรื่องนี้…” อนุโฉมงามมองไปที่เสนาบดีเฉวียนอย่างออดอ้อนอีกครั้งพลางกะพริบตาปริบๆ
เสนาบดีเฉวียนหัวเราะเสียงดังออกมา “เอาเถอะ งานหยาบกระด้างเช่นนั้นไยต้องให้เจ้าทำเองด้วย อยากกินก็บอกให้สาวใช้แซ่ฉู่ไปทำก็พอแล้ว เจ้าคอยปรนนิบัติข้าดีๆ ก็พอ”
“ข้าเองก็อยากเจ้าค่ะ แต่ที่ผ่านมาใต้เท้าล้วนมอบเวลาส่วนใหญ่ให้กับฝูอ๋อง มีบางทีที่ใต้เท้าจะเก็บตัวอยู่คนเดียวในห้อง ต้องการให้ข้านั่งอยู่ในห้องโถงแทนใต้เท้าเพื่ออยู่เป็นเพื่อนฝูอ๋อง ที่นั่นข้ากลับเห็นฝูอ๋องโอบกอดสาวน้อยสองคนไม่ปล่อย ข้าเห็นแล้วไม่ใช่แค่เบื่อหน่าย ยังรู้สึกคิดถึงใต้เท้าอีกด้วย ใต้เท้าจะให้ข้าปรนนิบัติท่านตอนไหนเจ้าคะ” นางยู่ปากแดง ดวงตาคู่งามมองเขาอย่างตัดพ้อ