วันรุ่งขึ้น ภายในห้องครัวยังคงยุ่งวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับงานในมือตนเอง มีเพียงรองหัวหน้าพ่อครัวที่ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างเห็นได้ชัด มีหลายหนที่เขาหันกลับมามองหาเงาร่างของฉู่ซินเถียน ถึงขั้นเดินไปมาอยู่ตรงหน้านางแล้วทำท่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง มือก็คอยคลำก้อนที่ปวดบวมขึ้นมาทางด้านหลังศีรษะ แต่พอเห็นนางมีใบหน้าสงสัย เขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วจากไป เป็นเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ฉู่ซินเถียนย่อมรู้ว่ารองหัวหน้าพ่อครัวอยากจะพูดอะไร แต่นางเองก็กระจ่างชัดดีว่าการแสร้งทำตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นนี้จึงจะเป็นแผนการรับมือที่ดีที่สุด
หนนี้ เขาเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้านางอีกครั้ง ในที่สุดก็เปิดปากถามอย่างทนไม่ไหว “เมื่อคืนกลางดึก ตอนเจ้ามาที่ห้องครัวได้พบเจอผู้ใดหรือไม่”
“กลางดึก? ข้ากำลังหลับอยู่เจ้าค่ะ รองหัวหน้าพ่อครัวมองคนผิดแล้วกระมัง” นางแสดงสีหน้าว่าไม่เข้าใจ
รองหัวหน้าพ่อครัวขมวดคิ้วแน่น เขาถลึงตาใส่แววตาสงสัยคู่นั้นของนาง ที่จริงเขาก็เริ่มรู้สึกสับสนขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ เมื่อคืนเขาอยู่ในสภาพกรึ่มๆ หรือว่าเขาจะมองผิดไปจริงๆ? เป็นไปไม่ได้! หลังศีรษะของเขาที่บวมปูดขึ้นมาเป็นข้อยืนยันได้อย่างดี
“เจ้ายังจะทำงานต่อหรือไม่ ข้าบอกไม่ให้เจ้าหาเรื่องนางแล้วนี่” หัวหน้าพ่อครัวทนไม่ไหวถึงกับเดินมาต่อว่า
บรรยากาศกดดันผู้คนที่มากขึ้นนี้ทำให้รองหัวหน้าพ่อครัวต้องเดินจากไปด้วยความอัดอั้นใจ
หัวหน้าพ่อครัวหันกลับมายิ้มน้อยๆ ให้นาง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง ไม่ว่าเรื่องใดก็ล้วนยกข้าขึ้นมาพูดได้ทั้งนั้น เข้าใจหรือไม่”
นางผงกศีรษะเงียบๆ โดยไม่กล่าวอะไร
ถึงจะไม่อยากยอมรับเพียงใด แต่พอมองดูสีหน้าอันหลากหลายของผู้คนรอบด้านซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาร้าย เย้ยหยัน บ้างก็ไม่พอใจแล้ว…นางถึงกับเฝ้ารอให้ช่วงเวลากลางคืนมาถึงเร็วๆ อย่างน้อยในสถานที่เช่นเดียวกัน ภายใต้แสงตะเกียงน้ำมันเพียงดวงเดียว ยามดวงตาของคนผู้นั้นมองมาที่นางก็มักปรากฏรอยยิ้มกว้าง นั่นทำให้นางรู้สึกสบายใจนัก นาง…นับว่ามีสหายแล้วใช่หรือไม่
วันนี้กาลเวลาก็ไม่ได้เคลื่อนผ่านไปอย่างยากเย็นนัก ในสมองของนางคอยครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะทำอาหารมื้อดึกอะไรให้เขากินดี
ในที่สุด หนึ่งวันที่วุ่นวายจบลง ฉู่ซินเถียนนอนอยู่บนเตียงโดยที่นอนไม่หลับอยู่บ้าง แต่นางยังคงบังคับให้ตนเองหลับ จนกระทั่ง ‘ถึงเวลานั้น’ นางก็ตื่นขึ้นมาเอง
ฉู่ซินเถียนสวมเสื้อคลุมตัวนอกอย่างรวดเร็ว นางเปิดประตูห้องออกไปมองสำรวจซ้ายขวาเพื่อยืนยันว่าไม่มีผู้ใดแน่แล้วก่อน หลังจากนั้นจึงได้ถือตะเกียงน้ำมันและเดินออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว
คืนนี้ เมฆบนท้องฟ้าดูหนากว่าทุกวัน บริเวณทางเดินยาวจึงมืดสนิท เงาร่างสีดำสองร่างยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“นี่เป็นของที่ท่านอ๋องสั่งไว้ขอรับ ส่วนยาในตำรับยานี้ก็มีวิธีทำที่ไม่ง่าย อย่างเร็วสุดก็ต้องใช้เวลาห้าวันจึงจะส่งมาได้ขอรับ”
“ไม่เป็นไร ถึงตอนนั้นค่อยส่งยาไปที่จวนขุนนางท้องถิ่นเมืองเฉินโจว…”
เสียงของบุรุษที่พูดอยู่พลันชะงักไปกะทันหัน เขาชูมือขึ้นมา บุรุษอีกคนก็ทะยานร่างไปยังเรือลำเล็กที่อยู่ข้างตัวเรือแล้ว ก่อนจะหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว