เว่ยหลันโจวคล้ายมองเห็นคำถามมากมายในดวงตาของฉู่ซินเถียน เขาจึงเปิดปากเอ่ยอย่างเอื่อยเฉื่อย “ส่วนที่เรือเสียหายไม่ได้มีผลกระทบต่อการเดินเรือ ส่วนคนที่ฆ่าไป เดิมทีนอนฟุบอยู่ตรงไหนก็ยังคงอยู่ตรงนั้น” เมื่อเห็นนางมองเขาด้วยแววตาหวาดกลัว เขาก็ฉีกยิ้มออกมา “แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ทุกอย่างยังคงเหมือนเก่า เรือลำนี้กับข้าจะต้องไปถึงแคว้นหนีตันได้อย่างปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน เพียงแต่ระหว่างทางจะต้องหยุดแวะในสถานที่แห่งหนึ่งเป็นพิเศษเท่านั้น”
เว่ยหลันโจวมือค้ำศีรษะ ร่างกายนอนตะแคง สาบเสื้อด้านหน้าเผยอออกน้อยๆ เปิดเผยกล้ามหน้าอกอันกำยำและเนียนลื่น ทั้งตัวคนยังแผ่กลิ่นอายเกียจคร้านที่ดูงามสง่าออกมา ทว่าความเกียจคร้านนี้กลับทำให้ผู้คนตึงเครียด รู้สึกว่าเขาเป็นเสือดำที่เตรียมล่าเหยื่อตัวหนึ่งเสียมากกว่า มองคล้ายผ่อนคลาย แต่ก็ดูพร้อมจะกระโจนเข้ามาสังหารได้ทุกเมื่อ!
ฉู่ซินเถียนข่มกลั้นความคิดบุ่มบ่ามที่อยากจะกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งหนีออกไปทางประตูเอาไว้ คนผู้นี้ไม่ดูเป็นกันเองเหมือนยามที่มาแย่งของกินนางกลางดึกสักนิดเดียว ยามนั้นเขาดูไม่มีความน่าเกรงขามเลยสักนิด เมื่อนึกไปถึงว่าก่อนที่นางจะหมดสติได้เห็นแววตาที่ชวนให้นางตัวสั่นของเขาแล้ว ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเขาจงใจเสแสร้งปลอมเป็นอีกคนต่อหน้านาง
ความคิดหนึ่งพลันสว่างวาบเข้ามาในสมอง ใช่แล้ว ข้ายังไม่ตาย ถึงขั้นไม่มีบาดแผลสักนิด ยามนั้น… นางมองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันไว้หรือ”
“ยังนับว่าไม่โง่เขลาเสียทีเดียว” รอยยิ้มมุมปากของเว่ยหลันโจวมีเสน่ห์ชวนมองนัก
แต่เว่ยหลันโจวก็ยังคงสั่งให้ลูกน้องของเขาสังหารทุกคนบนเรือนี่ “ขอบคุณท่านอ๋องที่ไว้ชีวิตหม่อมฉัน แต่เหตุใดท่านต้องสังหารทุกคนบนเรืออย่างโหดเหี้ยมเพียงนั้นด้วย ท่าน…ท่านอ๋อง เช่นนี้ไม่ถูกต้อง ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิตนะเพคะ”
ที่จริงนางอยากจะตะโกนเสียงดังเพื่อประณามความอำมหิตเลือดเย็นของเขา แต่เสียงที่ออกจากปากนางกลับสั่นระริกมีแต่ความขลาดกลัว
“การเมตตาต่อพวกเขาก็ถือเป็นการเปิดทางให้เขาลงมืออำมหิตต่อข้าได้ ไม่ใช่พวกเขาตายก็เป็นข้าที่ต้องตาย หากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะทำเช่นไร” เว่ยหลันโจวเอ่ยถามกลับ
ข้าไม่รู้ แต่ว่า… นางกัดริมฝีปาก เอ่ยเสียงดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “มีความแค้นย่อมมีต้นเหตุ มีหนี้สินย่อมมีเจ้าหนี้* ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่บนเรือจะหมายปองชีวิตของท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นก็พูดได้เพียงว่าพวกเขาติดตามเจ้านายผิดคนแล้ว” เว่ยหลันโจวลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงอย่างนุ่มนวล “อย่างเด็กรับใช้ทั้งสามคนของข้าก็ไม่ได้มีชีวิตที่อยู่ดีหรอกหรือ เจ้าคงไม่รู้สินะว่าคนที่ขึ้นมาบนเรือลำนี้ นอกจากเด็กรับใช้สามคนนั้นแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็นคนที่เสนาบดีเฉวียนกับคนในวังส่งมา ส่วนเจ้า… หลังจากนี้ข้าควรจัดการกับเจ้าอย่างไรดี”
มองดูใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มของเขาโน้มเข้ามาใกล้ตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ฉู่ซินเถียนก็เอนร่างไปข้างหลังทีละนิดๆ อย่างไร้ทางหลบเลี่ยง สุดท้ายทั้งตัวคนก็ถูกบังคับให้ต้องนอนราบลงบนเตียง
ร่างกายฉู่ซินเถียนเกร็งตลอดทั้งตัว หัวใจเต้นรัวเร็วอย่างบ้าคลั่ง นางได้แต่มองดูเขาขยับขึ้นมาบนเตียงอย่างได้คืบจะเอาศอก ก่อนจะตะแคงนอนลงที่ข้างตัวนางอย่างน่ารังเกียจ ทั้งยังใช้มือค้ำศีรษะมองมาที่นาง
ฉู่ซินเถียนอยากจะลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง ทว่าเขากลับยื่นมือออกมาห้ามนางในทันที พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้ปฏิเสธ “นอนดีๆ! ข้าอยากนอนพักหน่อย ยุ่งวุ่นวายมาทั้งคืนแล้ว”