ฉู่ซินเถียนครุ่นคิดอย่างตั้งใจ “การมีบิดาเป็นกบฏมิใช่ความผิดของเขาเสียหน่อย มนุษย์ไม่สามารถเลือกบิดามารดาได้ นับประสาอะไรกับเขาที่ยังได้รับสืบทอดบรรดาศักดิ์ตามเดิม ได้เป็นคนที่มีทั้งเงินและอำนาจเช่นนี้ เขาก็ควรจะเป็นคนที่ดีมากๆ ผู้หนึ่งสิ”
“ดังนั้น…เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนเลว?” เขาถามกลับหลังจากสัมผัสความคิดของฉู่ซินเถียนได้
“ผู้ที่กินดื่ม เที่ยว เล่นพนันจะเป็นคนดีหรือ” นางเองก็ถามกลับไปตรงๆ เช่นกัน
เขาไหวไหล่ “บางทีเขาอาจจะทุกข์ใจอยู่ก็ได้ คนทั้งครอบครัวนอกจากเขาแล้ว คนอื่นๆ ล้วนถูกสังหารและเนรเทศ ที่ดินศักดินาทางใต้เองก็ถูกฝ่าบาทริบคืน เขาอยู่ที่เมืองหลวงก็ต้องถูกผู้อื่นคอยจับตามอง เป็นอ๋องเกียจคร้านที่ไม่มีงานทำ นอกจากใช้ชีวิตเป็นคุณชายเจ้าสำราญแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก”
“เขาสามารถบ่มเพาะสิ่งดีๆ ขึ้นมาได้ ทำเรื่องดีๆ อย่างการช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอและลำบากได้ มีเรื่องมีสาระมากมายที่เขากระทำได้ เหตุใดจะต้องทำตัวตกต่ำเป็นคนไร้ค่าเพียงนั้น” ฉู่ซินเถียนไม่เห็นด้วย
“คนไร้ค่า? เจ้าช่างกล้าพูดนัก ไม่กลัวว่าข้าจะถ่ายทอดคำพูดพวกนี้ของเจ้าออกไปหรือ” เขากอดอกพลางจ้องนางเขม็ง
ฉู่ซินเถียนกลอกตามองบนใส่เขา หยิบชามารินให้ตนเองหนึ่งถ้วย แล้วเป่าควันขาวที่ลอยออกมาจากชาผลไม้ “กินของผู้อื่น รับของผู้อื่น เจ้าไม่รู้สึกผิดหรือ เป็นคนต้องมีจิตสำนึกที่ดี มิฉะนั้นจะต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานเล่า”
เขาหรี่ตาลง ก่อนจะส่ายศีรษะพลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะ “เด็กน้อยเอ๋ย เวลาที่เจ้าพูดจาดูมีหลักการร้ายกาจน่าดู แต่เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าฝูอ๋องเป็นเจ้าสำนักไร้ทุกข์ผู้มีชื่อเสียง…”
“พรูด! แค่กๆๆ…” ฉู่ซินเถียนถลึงตาใส่เขา มือหนึ่งชี้ไปที่เขาอย่างโมโห ก่อนจะชี้ไปที่ชาในมือนาง เจตนาคือเหตุใดเขาต้องพูดเรื่องตลกเวลาที่นางกำลังดื่มหรือกินอะไรบางอย่างทุกครั้งด้วย
เขากลอกตามองบนอย่างอดไม่ไหว ก่อนยื่นมือออกไปตบหลังให้นาง “เจ้าโง่เองนี่ ยังจะมาโทษข้าอีก”
ฉู่ซินเถียนถลึงตามองกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ หลังหยุดไอได้อย่างยากเย็นแล้วนางก็ดื่มชาลงไปอีกหนึ่งอึก ทำให้คอชุ่มชื้นแล้วถึงได้กล่าว “บอกว่า ‘ได้ยินมา’ ก็หมายความว่าเป็นเรื่องโกหก ข่าวลือย่อมหยุดลงที่ผู้ทรงปัญญา”
บุรุษหนุ่มยิ้มมองนาง “ประโยคนี้ไม่เลว ท่าทางเจ้าจะเรียนรู้ด้วยตนเองมาดียิ่ง แต่เจ้าไม่เชื่อสักนิดเลยหรือว่าฝูอ๋องจะเป็นเจ้าสำนัก?”
นางผงกศีรษะอย่างแรง “ไม่ใช่แค่ข้าหรอก ทั่วทั้งเมืองหลวงที่เชื่อว่าเขาเป็นเจ้าสำนัก เกรงว่าคงมีไม่ถึงสิบคน” ฉู่ซินเถียนชูสิบนิ้วขึ้นมาอย่างจริงจัง
นัยน์ตาดำขลับหรี่ลงทันใด “ไม่ถึงสิบ? เจ้าดูถูกเขามากจริงๆ”
“ใช่แค่ข้าเสียที่ใดเล่า เป็นเพราะตัวของเขาที่ทำให้ผู้คนนึกดูถูกเอง นอกจากจะไม่ศึกษาเล่าเรียนแล้ว ยังจะหมกมุ่นในกาม คนเจ้าสำราญที่ไม่มีความคิดผู้หนึ่ง ควรหันกลับมาพิจารณาตนเองก่อนจึงจะถูก” นางบ่นยืดยาวก่อนจะดื่มชาจนหมดถ้วย นางลุกขึ้นยืนเก็บกวาดถ้วยชามบนโต๊ะแล้วนำไปล้างให้สะอาด