บุรุษหนุ่มนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ขยับ ก่อนหลับตาลงน้อยๆ เพื่อปิดบังคลื่นอารมณ์ในแววตา ครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองดูนางที่หันหลังให้ตนเองอยู่ เขายื่นมือออกไปหยิบถ้วยสะอาดบนโต๊ะมาอีกสองถ้วยแล้วรินน้ำชาลงไป ก่อนจะหยิบขวดใบหนึ่งออกมาจากชายเสื้อ โดยไม่ลืมใช้แขนเสื้อบดบัง ลอบใส่ผงสีขาวไร้สีไร้กลิ่นลงไปในถ้วยชาใบหนึ่ง
ตอนที่ฉู่ซินเถียนล้างถ้วยชามเสร็จแล้วหันกายกลับมาอีกครั้ง นางก็มองอย่างประหลาดใจไปยังบุรุษที่ปกติจะสะบัดก้นจากไปทุกครั้งหลังกินเสร็จ ทว่าหนนี้เขากลับเอนร่างพิงกับกรอบหน้าต่าง สายตามองออกไปข้างนอก
เดิมฉู่ซินเถียนคิดจะเปิดปาก แต่เมื่อเห็นเขามีใบหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย นางจึงเก็บกาน้ำชาไปวางที่อ่างก่อน หลังทำความสะอาดชาผลไม้ไร้กลิ่นและใบชาเรียบร้อย นางถึงได้เดินไปอยู่ที่ข้างกายเขาอีกครั้ง
เขามองนาง ก่อนจะยื่นถ้วยชาอีกถ้วยที่วางอยู่บนขอบหน้าต่างมาให้
ฉู่ซินเถียนรับมา สายตามองเขาที่ถือถ้วยชาอยู่ในมือเช่นเดียวกัน “เจ้าชอบดื่มสิ่งนี้หรือ ข้าตั้งใจต้มให้จางลงหน่อย เกรงว่าจะรบกวนการนอนหลับ แต่หากดื่มไปสองถ้วย เกรงว่าจะมากเกินไป” กล่าวจบนางก็วางถ้วยลงข้างๆ
“คืนนี้ข้าคิดอยากอยู่อีกสักพัก เจ้าถือไว้ดื่มเถอะ ถึงอย่างไรก็ต้องได้ดื่ม” เขาดื่มถ้วยชาในมือตนเองก่อน แล้วยิ้มมองนาง
“ช่างเถอะ วันนี้มีเรื่องค่อนข้างมาก ได้อยู่เงียบๆ สักพักก็ดีเหมือนกัน” ฉู่ซินเถียนก็ดื่มลงไปอึกหนึ่งเช่นกัน
ท้องฟ้ามืดมิด ทั้งสองคนยืนไหล่ชิดไหล่อยู่เบื้องหน้าบานหน้าต่าง ดวงตาสองคู่จ้องมองไปยังแสงจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนระลอกคลื่น
เรือลำนี้แล่นไปข้างหน้าอย่างไม่แยกแยะเช้าค่ำโดยมีบ่าวรับใช้สลับเวรกันมาควบคุม ด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนการนอนหลับของฝูอ๋องกับเสนาบดีเฉวียน ความเร็วที่แล่นในยามราตรีจึงช้าลง ดังนั้นทิวทัศน์ภายนอกหน้าต่างจึงเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้ายิ่ง มีบ้างที่จะได้เห็นแสงไฟจากหมู่บ้านริมขอบฝั่ง ห่างออกไปคล้ายยังมีเรือลำอื่นที่แล่นอยู่ แสงตะเกียงกะพริบเป็นจุดเล็กๆ
การเดินเรือครั้งนี้มาถึงแม่น้ำแล้ว อยู่ในเขตเมืองที่มีผู้อาศัยอยู่ริมน้ำค่อนข้างบางตา ริมสองฝั่งส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงและหุบเขา ควันไฟจากบ้านเรือนมีไม่มาก หากไม่ใช่เพราะแสงจันทร์ทอส่อง รอบด้านก็ล้วนมืดสนิท
ฉู่ซินเถียนมองอยู่สักพัก ชาในมือเองก็ดื่มหมดแล้ว บุรุษที่อยู่ข้างกายยังไม่พูดอะไร แต่นางอยากนอนแล้ว ตอนเช้านางยังต้องตื่นขึ้นมาทำงานอีก
ฉู่ซินเถียนกลั้นหาวเอาไว้ นางไม่อยากรบกวนอาการครุ่นคิดของเขา จึงขยับฝีเท้าอย่างแผ่วเบา คิดอยากจากไปอย่างเงียบๆ
“พวกเราเองก็นับเป็นสหายกัน เจ้าลองบอกมาว่าวันหน้าเจ้าคิดอยากจะทำอะไร” เขากล่าวถามขึ้นมากะทันหัน พอถามคำถามนี้แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจกับตนเองอีกครั้ง
ฉู่ซินเถียนหันกลับไปมองเขา เห็นดวงตาสว่างไสวที่มองมาดูจริงจังเป็นพิเศษ หากนางไม่ตอบก็ดูเสียมารยาท เมื่อเห็นถ้วยชาในมือเขาว่างเปล่าแล้วเช่นกัน นางจึงรับถ้วยชาในมือเขามา ก่อนจะเดินไปยังอ่างแล้วล้างให้สะอาด
เขายืนอยู่ด้านข้าง รอคอยคำตอบของนาง
“ข้าอยากกลับมาเป็นอิสระก่อน แล้วค่อยหาหมู่บ้านเล็กๆ งดงามแห่งหนึ่ง เปิดร้านขายขนมที่สามารถดำรงชีพได้ ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างสงบก็พอแล้ว” กล่าวจบนางก็หาวออกมาอย่างทนไม่ไหว ก่อนรีบร้อนยกมือขึ้นปิดปาก