เขานิ่งอึ้งไปก่อนจะยิ้มออกมา “ที่แท้ก็ไม่ใช่ความมุ่งมาดที่ยิ่งใหญ่อะไร”
“ข้าแค่ตัวคนเดียว ต่อให้ชีวิตพบเจอความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ไม่มีผู้ที่ให้แบ่งปันได้” นางสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่อยากให้ตนเองฟังดูน่าสงสารและอ่อนแอเท่าไรนัก แต่…ทำไมจู่ๆ ข้าถึงได้ง่วงนักนะ
บุรุษหนุ่มจับจ้องนางอย่างเห็นใจ “สาวน้อย…”
ฉู่ซินเถียนยกมือขึ้นปิดปากหาวอีกครั้ง ก่อนส่ายศีรษะให้เขา “ไม่เป็นไรหรอก ถึงอย่างไรตัวคนเดียวก็สบายดี ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรรึ ที่ผ่านมาข้าไม่เคยถาม เจ้าเองก็ไม่เคยพูดขึ้นมาก่อน”
เขาเผยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ “สำคัญด้วยหรือ”
“เจ้าไม่ได้พูดว่าพวกเรานับเป็นสหายกันหรอกหรือ” ไม่ไหวแล้ว! เปลือกตานางหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
เขาสังเกตเห็นว่าดวงตานางใกล้จะปิดลงแล้ว “สาวน้อย?”
“ขออภัย ไว้ค่อยคุยกันหนหน้าเถอะ ข้าอยากนอนมากแล้วจริงๆ ขอตัวกลับห้องก่อน” ฉู่ซินเถียนพยายามฝืนกับอาการง่วงงุน นางโบกมือให้เขา มือหนึ่งถือตะเกียงน้ำมันพลางเดินหาวถี่ๆ กลับไปยังห้องนอน หลังเป่าไฟในตะเกียงน้ำมันดับแล้ว นางก็แทบจะอยู่ในสภาพหลับตาขณะถอดเสื้อคลุมตัวนอกและถุงเท้า ก่อนคว่ำร่างลงกับเตียงแล้วหลับไปทันที
ราตรีนี้ ฉู่ซินเถียนหลับสนิทอย่างยิ่ง คลับคล้ายคลับคลาเหมือนมีเสียงมีดดาบดังเคร้งคร้าง เสียงผู้คนวุ่นวาย เสียงกรีดร้องรวมไปถึงเสียงร้องไห้โหยหวน
ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นเสียงอะไรกันแน่ที่ดังปลุกฉู่ซินเถียนให้ตื่นขึ้นมา นางสะลึมสะลือสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืด รู้สึกว่าศีรษะตนเองมึนงงยิ่งนัก ร่างกายยิ่งหนักอึ้ง นางดึงผ้าห่มออกคิดอยากลงจากเตียง ทว่ากลับพบว่าทั้งมือและเท้าล้วนอ่อนเปลี้ยไร้กำลัง นางได้แต่ตะเกียกตะกายฝืนลุกขึ้นมานั่ง สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปไม่น้อยกว่าจะสวมเสื้อคลุมตัวนอก และใส่รองเท้าปักจนเสร็จ นางค่อยๆ คลำทางในความมืดแล้วเดินออกจากห้องไป
ยิ่งฉู่ซินเถียนเดินตรงไปข้างหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ เสียงเอะอะโวยวายผสานกับเสียงคมดาบปะทะกันที่ดังอยู่ข้างนอกก็เหมือนจะยิ่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ยามที่นางลากร่างกายอันหนักอึ้งเดินไปถึงดาดฟ้าเรือที่มีแสงไฟส่องสว่าง นางถึงค่อยพบว่าบนดาดฟ้าล้วนเต็มไปด้วยคนตาย มีบางจุดบนเรือที่ยังติดไฟอยู่ มีบางคนกำลังหนีอย่างลนลาน แล้วก็ยังมีคนชุดดำปิดบังใบหน้าอีกจำนวนไม่น้อยที่กำลังถือดาบไล่ฆ่า แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ…องครักษ์ผู้ติดตามบนเรือกับคนชุดดำที่ปิดบังใบหน้ากำลังเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด สถานการณ์ในยามนี้นับว่าวุ่นวายเป็นอย่างมาก!
ไม่ใช่ฝันไปใช่หรือไม่! ฉู่ซินเถียนออกแรงหยิกตนเอง ความรู้สึกเจ็บทำให้สมองที่สับสนของนางกระจ่างชัดขึ้นแล้ว นางทั้งเครียดและกระวนกระวาย ทำอย่างไรดี กลับไปซ่อนที่ห้องพักตามเดิมดีหรือไม่
ท่ามกลางการเข่นฆ่านองเลือดนี้ เงาร่างที่ยืนตระหง่านร่างหนึ่งพลันดึงดูดสายตาของฉู่ซินเถียนเข้า นางตาถลนเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ในขณะเดียวกัน เสนาบดีเฉวียนที่มีสภาพดูไม่ได้ก็ถูกคนชุดดำสองคนลากมาอยู่บนดาดฟ้านี้แล้ว
เสนาบดีเฉวียนที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงถลึงตาใส่เว่ยหลันโจวที่ยืนอยู่บนหัวเรืออย่างไม่อยากจะเชื่อ “คนชุดดำพวกนี้เป็นคนของท่านอ๋องอย่างนั้นหรือ!”
“ใช่แล้ว เสนาบดีเฉวียน บังเอิญจริงๆ ทั้งหมดล้วนเป็นคนของข้าเอง” เว่ยหลันโจวเลิกคิ้วพลางยิ้มแย้มกล่าว
เสนาบดีเฉวียนกลั้นลมหายใจ เขาพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
ท่านอ๋อง?! ฉู่ซินเถียนเบิกตามองบุรุษที่มาแย่งกินอาหารมื้อดึกยังห้องครัวทุกคืนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ข้าตาฝาดไปแล้วหรือ นางออกแรงขยี้ตาอย่างอดไม่ได้ ก่อนตั้งใจมองเขาอีกที
ไม่ผิด! เป็นเขา! ทว่าดวงตาดอกท้อเรียวยาวคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยประกายเย็นชาที่สามารถแช่แข็งผู้คนได้ ไม่เหมือนบุรุษชุดดำที่นางรู้จักสักนิด ทั้งๆ ที่ใบหน้าคมคายใบหน้านั้นเป็นเขาชัดๆ แต่ความรู้สึกที่มอบให้ผู้คนกลับไม่เหมือนเดิม…