ทั้งสามคนต่างอดนิ่งอึ้งไปไม่ได้ พระพันปีมีนิสัยเลือดเย็นเห็นแก่อำนาจ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่นางจะปลดปล่อยความต้องการออกมา แต่หากมีแรงช่วยเหลือจากภายนอก ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เมื่อครึ่งปีก่อนหน้า ท่านอ๋องสั่งการให้หูตาในวังใส่ยาที่สามารถกระตุ้นความต้องการของสตรีลงไปในอาหารของพระพันปีจำนวนน้อยๆ ยาชนิดนี้เป็นยาปลุกกำหนัดที่ท่านอ๋องเป็นผู้ศึกษาด้วยตนเอง จากปริมาณที่พระพันปีเสวย สะสมไปประมาณสิบวันก็จะทำให้พระนางมีความปรารถนาสูงขึ้น และด้วยปริมาณยาที่เสวยเข้าไปมีอยู่น้อยนิด ต่อให้มีหมอหลวงคอยจับชีพจรอยู่ทุกวันก็ไม่อาจพบเจอความผิดปกติใดๆ ได้
แผนการนี้ของท่านอ๋องเป็นเพียงการใช้วิธีของผู้อื่นมาย้อนคืนสนองตนเอง ในเมื่อภายในจวนของท่านอ๋องมักจะมีโฉมงามนำยาจำพวกนี้มาให้ท่านอ๋องกินอยู่เสมอ ทำให้ท่านอ๋องจมสู่ห้วงแห่งความกำหนัดทุกคืนวัน กระนั้นต่อให้ท่านอ๋องจะมองแผนการนี้ออก แต่ผู้เป็นนายก็ยังต้องไม่ร่วมแสดงต่อไป
แต่จู่ๆ ท่านอ๋องกลับมีคำสั่งให้คนของพวกเขาหยุดยา แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่พวกเขาก็ทำตามคำสั่งมาเสมอ จึงประสานมือกล่าวรับคำ
หลังเว่ยหลันโจวจัดการเรื่องราวเหล่านี้เสร็จ เขาก็งีบหลับสั้นๆ ไปชั่วครู่หนึ่ง สวีซั่นก็ส่งคนมาสอบถามว่าต้องการกินอาหารเย็นหรือไม่
ยามนี้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เว่ยหลันโจวผงกศีรษะ ทว่ากลับให้จือจื่อไปบอกให้ฉู่ซินเถียนยกน้ำอุ่นอ่างหนึ่งเข้ามาปรนนิบัติ
ห้องของฉู่ซินเถียนอยู่ห่างจากห้องของเว่ยหลันโจวไปเพียงสามห้องเท่านั้น ยามที่นางเห็นเสื้อผ้าของตนเอง ขวดยาที่เว่ยหลันโจวมอบให้ กระทั่งถุงเงินที่นางอดทนเก็บรวบรวมไว้ ล้วนแต่วางอยู่ในห้องอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ
ก่อนจะนึกได้ว่าเขาสามารถส่งคนไปสังหารเสนาบดีเฉวียนและคนทั้งเรือได้อย่างไร้สุ้มเสียง แค่จัดการสิ่งของเหล่านี้ก็ไม่นับเป็นอะไรได้แล้ว
เมื่อครู่ก่อนที่จือจื่อจะมาเรียกนั้น ฉู่ซินเถียนก็เหนื่อยจนหลับไปสักพักหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้ยามที่นางเดินถืออ่างทองแดงเข้ามาในห้อง สีหน้าจึงสดใสขึ้น เพียงแต่ไม่ทันจัดทรงผมให้ดีจึงยังดูยุ่งเหยิงอยู่บ้าง
ภายใต้คำแนะนำของเหลียนจื่อ ฉู่ซินเถียนจึงเริ่มจากปรนนิบัติเว่ยหลันโจวล้างหน้า ต่อด้วยเขย่งปลายเท้าสวมเสื้อคลุมตัวนอกสีฟ้าอ่อนให้กับเขาที่สวมเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น แต่ในยามที่เขาสั่งให้นางหวีผมที่ยาวไปถึงกลางหลังของเขานั้น นางก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาทันที ด้วยไม่รู้ว่าจะเกล้ามวยผมให้บุรุษสมัยโบราณเช่นไร
ภายใต้แววตาลำบากใจของเว่ยหลันโจว เหลียนจื่อก็เดินเข้ามา เด็กชายใช้วิธีการสอนด้วยปาก หนึ่งคำสั่งต่อหนึ่งการเคลื่อนไหว ฉู่ซินเถียนถือหวีไม้สีดำค่อยๆ หวีเรือนผมยาวสีดำขลับของเขาไปทีละปอยๆ จากนั้นจึงใช้เกี้ยวหยกครอบผมอีกที บุรุษหน้าตาโดดเด่นก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
เว่ยหลันโจวมองฉู่ซินเถียนอย่างพึงพอใจ “ไม่เลว มือไม้คล่องแคล่วใช้ได้”
ฉู่ซินเถียนได้แต่ผงกศีรษะ ในใจเตือนตนเองว่า…เขาเป็นนาย ข้าเป็นบ่าว
“เอ่อ…ท่านอ๋องทำอะไรเพคะ ผมของข้า…” นางเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร มือใหญ่ขยับอยู่บนศีรษะนางไม่กี่ครั้ง ผมเปียที่นางถักรวบขึ้นไปก็ถูกปล่อยลงมา อีกทั้งยังสยายออกในชั่วพริบตาราวกับเส้นไหมอย่างไรอย่างนั้น
เว่ยหลันโจวยื่นมือออกไปหยิบหวีมาช่วยนางหวีเส้นผมที่อ่อนนุ่มดุจใยไหม จากนั้นก็ตวัดมือขึ้นแล้วหมุนอีกที ไม่เกินสองสามครั้งก็ดึงตัวนางมานั่งลงหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งแล้ว “เรือนผมของสาวใช้ข้าไม่ควรเป็นเหมือนรังนก”
ฉู่ซินเถียนมองดูตนเองในกระจก ภาพตรงหน้ายังคงเป็นทรงผมที่นางคุ้นเคย ซึ่งสะดวกต่อการทำงานในห้องครัว กระนั้นนางก็ต้องฝึกมัดรวบนานหลายปีกว่าจะทำได้รวดเร็ว เหตุใดบุรุษที่มีฐานะสูงส่งผู้นี้จึงเกล้ามวยผมสตรีได้เล่า
ฉู่ซินเถียนจับจ้องเว่ยหลันโจวที่มีใบหน้ายิ้มแย้มด้วยแววตาฉงน นางมองบุรุษผู้นี้ไม่ออกจริงๆ ในขณะที่พวกจือจื่อยังคงมีสีหน้าเป็นปกติยิ่ง
“ท่านอ๋องมีสตรีมากมาย ทั้งยังมีอารมณ์สุนทรีย์ถึงกับช่วยสตรีเกล้าผมได้ แต่หม่อมฉันมีเกียรติอันใด…โอ๊ย!”
เว่ยหลันโจวไม่รอให้นางพูดจนจบก็ตีท้ายทอยนางไปหนึ่งหน ก่อนทิ้งไว้หนึ่งประโยค “โง่งม!” แล้วขยับเท้าเดินออกจากห้องไป
เฮอจื่อกับจือจื่อกลั้นหัวเราะพลางเร่งรีบติดตามไปทันที เหลียนจื่อเดินอยู่รั้งท้าย ยามที่เดินผ่านนางก็กล่าวเสียงเบาว่า “นอกจากสมองของเจ้าจะไม่ดีแล้ว แม้แต่สายตาเองก็ไม่ดียิ่ง ยังไม่รีบตามท่านอ๋องไปอีก”
“ผู้ใดสมองกับสายตาไม่ดีกัน คนอะไรอารมณ์แปรปรวน ช่างปรนนิบัติยากยิ่งนัก!” ฉู่ซินเถียนยกมือลูบท้ายทอยพลางบ่นงึมงำ แต่ก็ยังไล่ตามเว่ยหลันโจวไปอย่างว่าง่าย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 ธ.ค. 62