อย่างไรก็ตามมีเศษเสี้ยวหนึ่งที่ฉู่ซินเถียนสงสัยว่าเขาใช่แกล้งเก็บงำตัวตนเอาไว้หรือไม่ ที่จริงแล้วเขานั่นแหละที่เป็นเจ้าสำนักจริงๆ…ฉู่ซินเถียนพลันวิงเวียนศีรษะ เห็นเขามองนางด้วยดวงตาสว่างไสวราวกับรอคอยคำตอบอยู่ นางจึงได้แต่เปิดปากกล่าวไป “ไม่เคยมีผู้ใดเห็นเจ้าสำนักไร้ทุกข์มาก่อน หากท่านอ๋องคิดอยากสวมรอยแทนก็ย่อมทำได้เพคะ” ถึงอย่างไรก็มีไม่กี่คนหรอกที่จะเชื่อ แต่ประโยคนี้นางไม่ได้กล่าวออกไป
“เจ้าพูดจากใจจริงหรือ หากข้าคิดสวมรอยจริง หลังจากนี้ข้าก็มีเรื่องให้ทำแล้ว คิดว่าจะสร้างชื่อเสียงอย่างไรดี”
มองดูเว่ยหลันโจวยิ้มจนดวงตาโค้งขึ้น ฉู่ซินเถียนก็อดกล่าวอีกไม่ได้ “แต่ท่านอ๋องปรารถนาจะทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ เจ้าสำนักไร้ทุกข์มีศัตรูอยู่ไม่น้อย บางทีท่านอ๋องยังไม่ทันสวมรอยสำเร็จ ชีวิตก็คงไม่เหลือแล้ว”
เว่ยหลันโจวเม้มปากพลางขมวดคิ้วกล่าว “ฟังดูแล้วไม่ค่อยจะดีนัก”
จือจื่อที่มีอาการตอบสนองไวที่สุดเดินขึ้นหน้ามาประสานมือกล่าวทันที “ท่านอ๋อง ประโยคนี้ของแม่นางฉู่นับว่ากล่าวได้ถูกต้องจริงๆ ท่านอ๋องเองก็มิใช่เคยส่งคนไปสืบข่าวเจ้าสำนักไร้ทุกข์มาเป็นพิเศษหรือพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาสังหารแต่คนชั่วช้าของยุทธภพ แล้วก็สังหารขุนนางคนสำคัญของราชสำนักไปบางส่วน ถือเป็นหนามยอกอกของชาวยุทธ์กับราชสำนักนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่เคยมีผู้ใดเคยเห็นเจ้าสำนักไร้ทุกข์มาก่อน แม้จะมีคำเล่าลือออกมาว่าท่านอ๋องก็คือเจ้าสำนัก แต่ท่านอ๋องเองก็ไม่ได้ตรวจสอบจนพบว่ากลุ่มคนที่ถ่ายทอดข่าวลือเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นคนของพระพันปีกับท่านอัครเสนาบดีเนี่ยหรอกหรือ”
ฉู่ซินเถียนหันไปมองเด็กรับใช้ทั้งสามคนที่ทยอยกันออกมาพูดอย่างประหลาดใจ เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงวังหลวง? แย่แล้ว! นางยกมือขึ้นปิดหูทันควัน สวรรค์หนอ ข้าไม่อยากได้ยินความลับใดๆ อีกแล้วจริงๆ เพราะว่ายิ่งรู้มาก ก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น!
ท่าทางปิดหูเช่นนี้ของฉู่ซินเถียนทำให้เว่ยหลันโจวรู้สึกสนุกขึ้นมาทันใด นางตลกเกินไปแล้วจริงๆ
จะพูดว่าฉู่ซินเถียนโง่ก็ไม่ได้ เพราะนางมีอาการตอบสนองที่รวดเร็วยิ่ง เห็นนางไม่อยากฟังต่อเช่นนี้ เขาจะยอมให้นางสมปรารถนาได้อย่างไร อุตส่าห์วางแผนอย่างยากเย็นมาถึงตอนนี้แล้วเชียวนะ
เว่ยหลันโจวจงใจรวบรวมพลังภายในทำให้ประโยคที่เขาพูดเข้าไปอยู่ในหูของนางได้อย่างราบรื่น “ที่พระพันปีทรงปล่อยข่าวลือเช่นนี้ออกมาก็เพื่อใส่ร้ายข้า เป้าหมายก็เพื่อทำให้ฝ่าบาททรงคิดไปว่าข้ามีจุดประสงค์ร้าย ขอเพียงใส่ความสำเร็จก็กำจัดข้าทิ้งเสีย แต่คิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงข้าจะเลวร้ายเสียจนมีคนเชื่อเรื่องนี้อยู่เพียงไม่กี่คน ทำให้พระพันปีทรงชิงชังนัก”
ฉู่ซินเถียนตกใจจนกรามจะหลุดร่วงลงมาอยู่แล้ว ประหลาดเกินไปแล้ว ทั้งๆ ที่ข้าปิดหูอย่างแน่นหนา เหตุใดเสียงของฝูอ๋องกลับกระจ่างชัดเพียงนี้ นางกะพริบตาปริบๆ มองด้วยแววตาสับสนไปยังเว่ยหลันโจวที่กำลังนั่งยิ้มมองนางอยู่บนเก้าอี้
เด็กรับใช้ทั้งสามกับองครักษ์ลับทั้งสี่ต่างรู้สึกไม่เข้าใจอยู่บ้างว่านายของพวกตนกำลังคิดสิ่งใดอยู่ เดิมทีพวกเขาคิดว่าเป็นเพราะฉู่ซินเถียนได้เห็นด้านอำมหิตของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงจงใจทำให้นางสับสน ให้นางเข้าใจเหมือนกับคนภายนอกที่เห็นเขาเป็นคนไม่เอาไหนและส่งเสริมอย่างไรก็ไม่ขึ้น แต่เหตุใดท่านอ๋องถึงให้นางได้ยินความจริงเบื้องหลังเรื่องที่พระพันปีกับอัครเสนาบดีเนี่ยต่อสู้กับเขาอยู่ด้วย ท่านอ๋องไว้ใจในตัวสาวน้อยผู้นี้เพียงนี้เชียวหรือ
“ไม่อยากฟังหรือสาวน้อย เช่นนั้นก็ออกไปเถอะ” เว่ยหลันโจวโบกมือไล่นางราวกับไล่สุนัขอย่างไรอย่างนั้น
ฉู่ซินเถียนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ นางยังคงได้ยินเสียงเขาอย่างชัดเจน เพราะอะไรกัน
นางปล่อยสองมือที่ปิดหูลง คารวะให้เขาด้วยสีหน้าซับซ้อน ก่อนล่าถอยออกไป