ยังดีที่ทั้งสองฝ่ายเคลียร์กันได้ เขาถึงไม่ได้ไปนอนตบยุงอยู่ในคุก แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆ มากมายจนทำให้เขาและเธอรักกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ยังไงก็เถอะ! ต่อให้พิชญะจะมีอดีตที่ไม่ค่อยบริสุทธิ์ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสั่งสอนน้องชายตัวเองไม่ได้นี่นา
“แต่ฉันก็เห็นด้วยกับไอ้พิชญ์มันนะ” ปฏิพรรธณ์พูดขึ้นบ้าง
คราวนี้ปฏิภาณเถียงไม่ออกเพราะพี่ชายคนนี้เป็นคนดีศรีสยาม แถมยังรักเดียวใจเดียว มีความรักที่มั่นคงต่อขวัญชีวาทั้งๆ ที่ต้องเฝ้ามองเธอนานนับสิบปี แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนใจไปหาผู้หญิงอื่น
“แล้วจะให้ผมทำยังไงวะ ผมก็บอกไปแล้วว่าแล้วแต่ผู้ใหญ่จะให้ทำยังไง มันไม่ใช่ว่าผมจะปฏิเสธหรือไม่รับผิดชอบสักหน่อย” ปฏิภาณอธิบายความรู้สึกของเขา “สงสารน้องเขาผมก็สงสารอยู่หรอก แต่ถ้าแต่งงานกันไปแล้วมันอยู่กันไม่ยืด…ก็ไม่ใช่ไหมเหรอที่จะเสียหายกว่าใคร”
“ที่นายพีคพูดก็ถูก” ปฏิรัฐเห็นด้วย แต่ก็เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เขาจึงพูดต่ออย่างใจเย็น “แต่ทำไมนายถึงคิดว่าจะอยู่กันไม่ยืดทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยล่ะ”
“จะไปอยู่กันยืดได้ยังไง ผมกับไหมยังไม่เคยคบกันเลย”
“ยังไม่ได้คบก็ไม่ได้หมายความว่าคบกันไปแล้วจะไม่รอดนะ”
“แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคบกันไปแล้วมันจะรอดด้วย…ใช่มั้ยล่ะพี่พรีม” ปฏิภาณย้อนถามปฏิรัฐกลับไป “ผมคบกับภามาตั้งสองปียังเลิกกันได้เลย”
คราวนี้พี่ชายทั้งสี่คนมองหน้ากันเพราะรู้ว่าน้องคนเล็กอาจกำลังเสียใจ
“เร็วจนงงไปเลยนะ” พิชญะพูดเสียงอ่อนลง
“เมื่อคืนนี้เลย สดๆ ร้อนๆ เพราะเลิกกับภานี่แหละผมก็เลยดื่มจนเมาหนัก แล้วมันก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายตามมา”
ปฏิภาณถอนหายใจอีกรอบ ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องอรรัมภาจะไม่น่าปวดหัวเท่าเรื่องของเหมือนไหมแล้ว ชายหนุ่มยอมรับว่าเขายังเจ็บใจและแค้นใจที่อดีตคนรักหักหลัง
แต่น่าแปลก…ที่เขากลับไม่เจ็บปวดเพราะถูกบอกเลิกสักเท่าไหร่
“แล้วทำไมถึงเลิกกัน อาทิตย์ที่แล้วนายเพิ่งบอกว่าภาอยากแต่งงานกับนายไง”
“นั่นมันอาทิตย์ที่แล้วไงพี่พรรธณ์ หึ! ภาคงรอผมไม่ไหวแล้วมั้ง เธอก็เลยบอกเลิกผมเพื่อจะไปคบกับคนอื่น” ปฏิภาณเหยียดยิ้มหยันด้วยก่อนจะระบายความแค้นใจ “ที่จริงก่อนจะเลิกกัน เธอก็แอบคุยกับคนอื่นมาก่อนแล้ว พอมั่นใจว่าจะไปกับคนนั้นรอดแน่ๆ ถึงได้มาบอกเลิกผม ที่หาเรื่องทะเลาะกับผมบ่อยๆ ก็เพื่อจะได้มีข้ออ้างในการเลิกกัน แล้วตัวเองก็จะดูไม่ผิดที่นอกใจผมไง ผู้หญิงสมัยนี้…แม่ง”
“อย่าไปเหมารวมขนาดนั้น ผู้หญิงดีๆ สมัยนี้ก็มีถมเถไป” ปฏิรัฐแย้ง แต่เขาก็พอรู้ว่าปฏิภาณไม่ได้มองผู้หญิงทุกคนในแง่ร้าย เพียงแต่ระบายความแค้นใจที่มีต่ออรรัมภาเท่านั้น
“ถ้าเลิกกันแล้วก็ไม่มีอะไรต้องลังเลอีก แต่งงานกับเหมือนไหมซะ!”
เพลิงพลสรุปหลังจากนิ่งฟังน้องชายอยู่นาน ปกติพวกเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะเอาผู้หญิงมานินทา แต่ปฏิภาณคงเจ็บใจมากที่ถูกหักหลังถึงได้ระบายให้พวกเขาฟังซึ่งเพลิงพลก็เข้าใจว่าเป็นใครเจอแบบนี้ก็ต้องแค้นใจทั้งนั้น มันหมดยุคหมดสมัยแล้วที่พอผู้หญิงทำร้ายผู้ชายแล้วจะลอยนวลไปเฉยๆ
ถ้าเป็นเขาล่ะก็…เรื่องไม่จบง่ายๆ แน่
“นายกับภาอาจเข้ากันไม่ได้ถึงได้เลิกกัน แต่กับไหม…บางทีอาจไปกันได้สวยก็ได้นะ” ปฏิรัฐแนะนำอย่างผู้มีประสบการณ์ “บางทีคบกันสั้นๆ อาจจะไปกันยืดกว่าคบนานๆ ก็ได้”
“ผู้มีประสบการณ์ตรงเขาแนะนำก็ฟังไว้” ปฏิพรรธณ์ว่า
ความรักของปฏิรัฐกับคณานางค์ก็เป็นอีกเรื่องที่พวกเขาชื่นชม เพราะแม้จะคบหากันก่อนแต่งงานไม่นาน แต่ระหว่างทางก่อนที่จะลงเอยกันก็พิสูจน์แล้วว่าทั้งสองคนรักกันมากแค่ไหน
“ปกติแกกับไหมก็เข้ากันได้ดีออกไม่ใช่เหรอ”
พิชญะเห็นด้วย เขาอาจไม่ได้เจอปฏิภาณอยู่กับเหมือนไหมบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่แวะไปเยี่ยมน้องชายที่บริษัทก็เห็นว่าทั้งสองคนดูมี ‘เคมี’ ที่เข้ากันได้ดี
อย่าหาว่าอวยเลย แต่เขาคิดว่าปฏิภาณกับเหมือนไหมดูเข้ากันได้ดีกว่าอรรัมภาเสียอีก
“ถ้าตามประสาพี่น้องและเพื่อนร่วมงานล่ะก็ใช่”
ปฏิภาณยอมรับ ที่ผ่านมาแม้ว่าเขากับเหมือนแพรจะเคยมีอดีตที่ไม่สวยงามนัก สิ่งที่เธอเคยทำไว้ยังทำให้เขารู้สึกแย่ แต่เขากับเหมือนไหมกลับมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างไม่น่าเชื่อ
เขาวางเธอในฐานะน้องรหัสที่น่ารักจึงให้ความเอ็นดูเธอในฐานะน้องสาวเสมอมา
“แล้วทำไมไม่เคยคิดจะพัฒนาให้ไกลกว่านั้นล่ะ ไหนๆ แกก็โสดแล้ว แถมตอนนี้ยังมาเกิดเรื่องแบบนี้อีก…ก็ถือโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์ไปด้วยเลยสิ” เพลิงพลยุยง
“จะว่าไปน้องไหมก็น่ารักดีนะเว้ย หน้าตาแบบนี้สเป็กแกเลยไม่ใช่หรือไง”
พิชญะผลักไหล่ปฏิภาณเบาๆ คำพูดนั้นทำให้ความคิดของชายหนุ่มหวนไปนึกถึงภาพของเหมือนไหมจากเหตุการณ์เมื่อเช้านี้…ปฏิภาณรู้มานานแล้วว่าเหมือนไหมเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง แต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเพราะวางสถานะเธอเป็นเพียงน้องสาวมาโดยตลอด