เพิ่งจะลุกขึ้น เหล่าไท่จวินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นางเอ่ยว่า “ช้าก่อนท่านหมอ ข้ามีตำรับยาอยู่ ต้มน้ำและใช้ประคบขาให้จวิ้นเอ๋อร์ เห็นว่าช่วยขจัดไอเย็นได้ ท่านหมอช่วยดูให้ทีว่ามีผลเสียอะไรหรือไม่”
หมอรับตำรับยามาจากซื่อฮว่า เหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะเผยสีหน้าประหลาดใจ เขาหมุนตัวกลับไปนั่งลงและพิจารณาอย่างละเอียด เนิ่นนานจึงได้ยินหมอเอ่ยว่า “ตำรับยาดี ตำรับยาดี ข้าเป็นหมอมาหลายปี ตรวจรักษาคนไข้ที่ถูกลมหนาวสมัยวัยเยาว์จนปวดขาเวลาแก่ตัวมามาก ขบคิดอยู่หลายปีก็ยังไม่ได้ตำรับยาที่ดีเช่นนี้ ได้แต่สั่งยาบรรเทาอาการปวดให้ แต่กลับมิอาจรักษาอาการที่ต้นตอ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นตำรับยาที่ดีเช่นนี้ สวรรค์เมตตาข้าจริงๆ ไม่ทราบว่าเหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่ได้ตำรับยานี้มาจากที่ใด มอบให้ผู้น้อยได้หรือไม่ ชีวิตนี้ผู้น้อยจะซาบซึ้งใจไม่สิ้นสุด”
เหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่ฟังคำพูดหมอแล้วก็ประหลาดใจยิ่งนัก ต่างไม่เข้าใจว่าร้านยาอี๋ชุนที่หยิ่งยโสถึงเพียงนั้น แม้แต่ยามที่นายท่านใหญ่กับคุณชายรองไปยังไม่ต้อนรับ แล้วจะมอบตำรับยาล้ำค่าเช่นนี้ให้จือชิวง่ายๆ ได้อย่างไร ทั้งสองฉงนใจและส่ายหน้าให้กัน
เห็นหมอจ้องมองพวกตนอย่างกระตือรือร้น เหล่าไท่จวินจึงตอบว่า “ท่านหมอไม่รู้อะไร นี่เป็นตำรับยาที่หลงจู๊หลี่ร้านยาอี๋ชุนมอบให้สาวใช้คนหนึ่ง ได้ยินท่านหมอบอกว่าเป็นตำรับยาดีที่หายาก ช่างน่าละอายยิ่งนัก”
“มิน่าเล่า ตำรับยาดีขนาดนี้ เห็นทีคงมีแต่เซียนปรุงยาเท่านั้นที่เขียนออกมาได้ ทั้งยังมอบให้กับสาวใช้คนหนึ่ง สมกับที่ผู้คนเล่าลือกันบนท้องถนนจริงๆ ร้านยาอี๋ชุนไม่คบหาผู้สูงศักดิ์ แต่ยินดีปัดเป่าความทุกข์ให้ชาวบ้าน เซียนปรุงยาผู้นี้หลักแหล่งไม่แน่นอน น้อยคนที่จะได้พบเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้รับตำรับยาจากเขาเลย เห็นทีสาวใช้ผู้นี้จะเป็นบุคคลที่มีวาสนาคนหนึ่ง!”
ฟังวาจาทอดถอนใจของหมอแล้ว เหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่ยิ่งแปลกใจกว่าเดิม จะเรียกตัวจือชิวเข้ามาสอบถามทันที ซื่อฮว่าที่อยู่ด้านข้างจึงเอ่ยเตือนว่าจือชิวถูกสะใภ้รองไล่ออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว
เหล่าไท่จวินฟังแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ หลี่เมิ่งซีเป็นคนให้ความสำคัญกับมิตรและคุณธรรม จู่ๆ จะไล่บ่าวที่จงรักภักดีอย่างจือชิวออกจากคฤหาสน์ได้อย่างไร ทันใดนั้นเหล่าไท่จวินก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรงขึ้น นางมักรู้สึกราวกับตนพลาดอะไรบางอย่างไป เหม่อลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
หมอเห็นเหล่าไท่จวินใจลอย เขาจึงเอ่ยคำพูดด้วยความเกรงใจอีกสองคำและลุกขึ้นขอตัว
ส่งหมอกลับไปแล้ว กำชับหงจูให้ดูแลคุณชายรองให้ดี เหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่ก็เข้าไปในห้องโถง นายหญิงใหญ่และคนอื่นๆ รออยู่ที่นั่นแล้ว ทุกคนเข้ามาคารวะและนั่งลงอีกครั้ง เหล่าไท่จวินเล่าสิ่งที่หมอพูดให้ฟังอย่างง่ายๆ สุดท้ายจึงพูดกับหลี่เมิ่งซี “ซีเอ๋อร์ ช่วงนี้เจ้าพักอยู่ที่นี่อย่างสบายใจก่อนเถอะ ทุกเรื่องรอให้จวิ้นเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยหารือกัน ถึงเวลานั้นข้าต้องให้คำชี้แจงกับเจ้าแน่ ซีเอ๋อร์ต้องจำไว้ว่าตราบใดที่จวิ้นเอ๋อร์ยังไม่เขียนหนังสือหย่าให้เจ้า เจ้าก็ยังเป็นสะใภ้สกุลเซียว ควรเคร่งครัดในจรรยาสตรี เคารพกฎธรรมเนียม สองวันนี้ปรนนิบัติจวิ้นเอ๋อร์ให้ดี จวิ้นเอ๋อร์คุกเข่ามาหนึ่งวันหนึ่งคืนคงลำบากไม่น้อย เกรงว่าจะเป็นเช่นที่ซีเอ๋อร์ว่าไว้ ขาทั้งสองข้างของจวิ้นเอ๋อร์ได้รับไอเย็น สองวันนี้ซีเอ๋อร์ต้มยาตามตำรับยานั่นประคบขาให้จวิ้นเอ๋อร์แล้วกัน จะได้ไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้”
นายหญิงใหญ่กับจางซิ่วได้ยินว่าเหล่าไท่จวินยังยอมรับว่าหลี่เมิ่งซีเป็นสะใภ้สกุลเซียวต่างก็ลอบตระหนกในใจ หลี่เมิ่งซีสร้างความวุ่นวายให้สกุลเซียวถึงเพียงนี้แล้ว ไฉนจึงไม่หย่านางอีก!
กำลังจะเอ่ยปากก็เหลือบไปเห็นสายตาเย็นชาเฉียบขาดของนายท่านใหญ่เข้าพอดี นายหญิงใหญ่รีบหุบปากและก้มหน้า
แผนการฉวยโอกาสออกจากคฤหาสน์ตอนเซียวจวิ้นไม่ได้สติของหลี่เมิ่งซีถูกทำลายลงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เห็นทุกคนไม่พูดอะไร เอาแต่มองมาที่ตน หลี่เมิ่งซีจึงรู้ว่ามิอาจแก้ไขอะไรได้อีก เรื่องจะออกจากคฤหาสน์คงทำได้แค่รอให้เซียวจวิ้นฟื้นขึ้นมาเท่านั้น ประเมินสถานการณ์แล้วจึงเอ่ยว่า “สองวันนี้เมิ่งซีจะดูแลคุณชายรองอย่างเอาใจใส่ เหล่าไท่จวินโปรดวางใจเถอะเจ้าค่ะ”
เหล่าไท่จวินเห็นว่าตนพูดถึงขั้นนี้แล้ว ทว่าหลี่เมิ่งซียังดื้อดึงไม่ยอมแทนตัวว่า ‘หลานสะใภ้’ ไม่มีคำพูดแสดงความเคารพเช่นว่า ‘น้อมรับคำสั่ง’ ในใจจึงรู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่แล้วก็คิดว่านางยังมีประโยชน์ต่อสกุลเซียวอยู่บ้างจึงไม่ตำหนินางอีก หันกลับไปปลอบโยนนายหญิงใหญ่อีกครู่หนึ่ง บอกนางว่าอย่ากังวลเกินไปนัก พักผ่อนอยู่ในเรือนหยั่งซินให้ดี สุดท้ายก็ระบายโทสะที่มีต่อหลี่เมิ่งซีไปที่อี๋เหนียงทั้งหลายของเซียวจวิ้น แม้แต่สาวใช้กับบ่าวหญิงสูงวัยทั้งหลายก็โดนตำหนิไปด้วย สั่งพวกนางให้ปรนนิบัติดูแลเซียวจวิ้นให้ดี อย่าได้ลืมกฎธรรมเนียม จากนั้นจึงให้ทุกคนแยกย้ายกันไป
โปรดติดตามตอนต่อไป…