เหล่าไท่จวินได้ยินนายหญิงใหญ่พูดถึงตำแหน่งประมุขสกุล นางก็นึกถึงหลี่เมิ่งซีขึ้นมาได้ กวาดตามองรอบหนึ่งไม่เห็นคนจึงเอ่ยถาม “ซีเอ๋อร์เล่า ไฉนป่านนี้แล้วยังไม่มาปรนนิบัติอีก”
ได้ยินท่านย่าถามถึงหลี่เมิ่งซี ร่างกายเซียวจวิ้นถึงกับสะท้าน ท่านย่ากับมารดามาแล้ว นางเป็นลูกสะใภ้กลับยังไม่มาปรนนิบัติ ย่อมเป็นการขัดคำสั่งบิดามารดา เดิมทีฐานะลูกอนุก็ขัดต่อคำสอนของบรรพบุรุษอยู่แล้ว หากมีความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งบิดามารดาอีก ไม่ว่าตนจะพยายามหรือยืนหยัดอย่างไรก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว!
เงยหน้ามองหงจู เห็นหงจูส่ายหน้าให้เขาอย่างจนใจ หัวใจพลันหนาวเยือก นี่แสดงว่าหลี่เมิ่งซีตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะเอาหนังสือหย่าให้ได้ใช่หรือไม่ ชั่วขณะหนึ่งที่เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาพยายามอยู่ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เห็นมารดามองหาหลี่เมิ่งซีไปทั่วจึงเอ่ยว่า “ท่านย่า มารดา ซีเอ๋อร์ปรนนิบัติดูแลอยู่ที่นี่โดยไม่ได้พักผ่อนมาสองวันแล้ว พอจวิ้นเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมาจึงให้นางกลับเรือนปีกตะวันออก เมื่อครู่จวิ้นเอ๋อร์ไม่ได้ให้คนไปรายงาน นางคงไม่รู้ว่าพวกท่านมา”
เหล่าไท่จวินฟังแล้วก็นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้เอ่ยอะไร นายหญิงใหญ่เห็นลูกชายรักใคร่ลูกสะใภ้เช่นนั้น ทั้งที่เขานอนซมจนลุกไม่ขึ้นก็ยังมิอาจแข็งใจให้นางมาปรนนิบัติ กลับบอกให้นางไปพักผ่อนเสียได้ นายหญิงใหญ่อดรู้สึกโกรธแค้นไม่ได้ ลืมไปว่าลูกชายเพิ่งฟื้น จิตใจไม่อาจได้รับความกระทบกระเทือน ลูกสะใภ้คนนี้เป็นนางจิ้งจอกจริงเชียว วันนี้จะต้องหย่านางให้ได้ หาไม่ช้าเร็วนางต้องสูบเลือดของลูกชายไปจนหมดตัวแน่!
“จวิ้นเอ๋อร์เลอะเลือนจริงๆ จะพูดเช่นนี้ได้อย่างไร ภาษิตว่าเรื่องทุกอย่างยึดถือความกตัญญูเป็นที่หนึ่ง สะใภ้รองอายุยังน้อย ทั้งไม่ได้ป่วยอะไร จะไม่มาแสดงความกตัญญูต่อหน้าผู้อาวุโสเพียงเพราะเหน็ดเหนื่อยได้อย่างไรเล่า วันนี้หากมีแค่ข้าก็แล้วไปเถอะ แต่นี่เหล่าไท่จวินก็อยู่ด้วย เจ้าส่งคนไปตามสะใภ้รองมาเถอะ!”
มารดาพูดมีเหตุผล ใช่ว่าเซียวจวิ้นไม่รู้ แต่เขารู้นิสัยดื้อรั้นของหลี่เมิ่งซีดี นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เดิมทีคิดจะกลบเกลื่อนด้วยคำพูดเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่ามารดากลับไม่ยอมเลิกรา ครั้นคิดว่ามารดากับหลี่เมิ่งซีเหมือนน้ำกับไฟ ในใจของเซียวจวิ้นก็เกิดความรู้สึกหมดแรง
แรงทัดทานที่มีอยู่มากมายภายในคฤหาสน์สกุลเซียว เขามั่นใจว่าขอเพียงยืนหยัดย่อมสลายมันไปได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องของซีเอ๋อร์ ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างไรก็ไม่อาจสั่นคลอนหัวใจเย็นชาดวงนั้นได้ เขาเคยทำผิดมาแล้ว ทั้งพยายามแก้ไขอยู่ตลอด ทว่าผ่านมานานขนาดนี้ นางกลับไม่เคยหันมามองดูหัวใจเขาอย่างละเอียดเลยสักครั้ง เผชิญหน้ากับหลี่เมิ่งซีที่ดื้อรั้นและเย็นชาเช่นนี้แล้ว ทำให้เขาไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะแบกรับแรงกดดันที่มาจากครอบครัวได้อีก
ฟังคำพูดนายหญิงใหญ่แล้ว หงจูก็ร้องอุทานเรียก ‘มารดา’ อยู่ในใจ นางมองเซียวจวิ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก เห็นเขาเอนพิงเตียงด้วยใบหน้าซีดเผือด ชั่วขณะหนึ่งจึงตัดสินใจไม่ได้ ขณะที่ลังเลไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร หงซิ่งก็รับคำและหันหลังเดินออกไปแล้ว
เหล่าไท่จวินเห็นหงซิ่งออกไปก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงสั่งให้สาวใช้ไปตามหมอมา จากนั้นจึงคุยกับเซียวจวิ้นเรื่องสองวันนี้ เขาเพียงแค่เอนกายอยู่บนเตียงรับคำอย่างห่อเหี่ยว
ไม่นานก็เห็นหงซิ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนกระวนกระวาย
เซียวจวิ้นเห็นแล้วหัวใจจมดิ่ง
นายหญิงใหญ่เห็นหงซิ่งเข้ามาก็ถามว่า “สะใภ้รองล่ะ นางทำอะไรอยู่ ไฉนจึงยังไม่มา”
หงซิ่งได้ยินนายหญิงใหญ่ถามก็คุกเข่าลงทันที “เรียนเหล่าไท่จวิน นายหญิงใหญ่ สะใภ้รองบอกว่า…บอกว่านางไม่สบาย ไม่สะดวกมาปรนนิบัติเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ ไม่สบาย? ใครก็ได้!”
นายหญิงใหญ่ได้ยินคำพูดหงซิ่งแล้วก็ผุดลุกขึ้นทันใด เห็นหลี่เมิ่งซีกำแหงเช่นนี้ นางโมโหแล้วจริงๆ อ้าปากร้องเรียกคนจะสั่งให้ไปจับตัวหลี่เมิ่งซีที่เรือนปีกตะวันออก