ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 4 บทที่ 4
เซียวจวิ้นเห็นดังนั้นใบหน้าพลันเผือดสี ทว่าก็ยังคงคุกเข่าอยู่บนเตียง เขารู้สึกเพียงหัวสมองมีแต่เสียงดังอื้ออึง เหมือนปุยหลิวท่ามกลางสายลมที่กำลังจะปลิดปลิว ฝืนใช้มือยันพื้นเตียงไว้จึงไม่ล้มลง ปากกลับเปล่งเสียงไม่ออกแม้แต่น้อย ทั้งที่รู้ดีว่าการพูดแทนหลี่เมิ่งซีต่อหน้ามารดาเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด แต่ในใจยังแอบคาดหวัง…หวังว่ามารดาจะเห็นแก่สัมพันธ์แม่ลูก เห็นแก่ที่เขาบาดเจ็บไปทั้งตัวและเพิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังคงอ่อนแอ คงไม่สร้างความลำบากใจให้เขาในตอนนี้ แต่พอเห็นมารดาบีบคั้นเขาด้วยความตาย หัวใจของเซียวจวิ้นก็หนาวเยือก
นายหญิงใหญ่โขกศีรษะตนเองจนวิงเวียนตาลาย นั่งพักอยู่นานในที่สุดจึงสงบสติอารมณ์ได้ นางรู้สึกเจ็บบริเวณศีรษะที่ปูดขึ้นมา ทว่าอยู่ต่อหน้าสาวใช้และบ่าวหญิงสูงวัยมากมายจึงไม่กล้านวดคลึง นั่งฝืนทนอยู่ตรงนั้น ลอบตำหนิสาวใช้สองคนว่าปกติมือไม้ว่องไว พอถึงเวลาสำคัญกลับแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ปล่อยให้นางชนตู้และเจ็บตัวเช่นนี้ เห็นบุตรชายไม่พูดอะไร นางจึงไม่อาละวาดต่อ เอาแต่นั่งมองเหล่าไท่จวิน
หากเป่าจู จื่อเยวี่ยรู้ว่านายหญิงใหญ่ตำหนิพวกตนจะต้องร้องว่าถูกปรักปรำแน่นอน เดิมทีพวกนางตกใจกับการกระทำของสะใภ้รองและคุณชายรองอยู่แล้ว ย่อมคิดไม่ถึงว่านายหญิงใหญ่จะพุ่งออกไปโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเช่นนี้ ยังดีที่พวกนางมือไม้ว่องไว ศีรษะของนายหญิงใหญ่ไม่ถูกกระแทกจนตายก็นับว่าดวงแข็งแล้วจริงๆ
เหล่าไท่จวินเห็นใบหน้าซีดเผือดของเซียวจวิ้นแล้วก็บังเกิดความสงสาร แต่วันนี้ต่อหน้าสาวใช้ทั้งเรือน หลี่เมิ่งซีกลับกล้าไม่เห็นผู้อาวุโสเช่นนางอยู่ในสายตา นับแต่จวิ้นเอ๋อร์หมดสติไป นางก็อดทนครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าหลี่เมิ่งซีกลับบีบคั้นนางทุกฝีก้าว เป็นถึงสกุลสูงศักดิ์จะปล่อยให้บุตรสาวพ่อค้าคนหนึ่งเหิมเกริมเช่นนี้ได้อย่างไร เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางอดทนจนเหลืออดแล้วจริงๆ ตัดสินใจหนึ่งไม่ทำสองไม่เลิกรา วันนี้หากไม่ถลกหนังหลี่เมิ่งซีออกมาสักหนึ่งชั้น เกรงว่าอีกฝ่ายคงจดจำบรรพบุรุษของตนเองไม่ได้แล้ว!
“พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ อย่าคุกเข่าขวางหูขวางตาอยู่ตรงนี้เลย จวิ้นเอ๋อร์ถูกผีล่อลวงจิตใจแล้วจริงๆ ทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนี้ได้อย่างไร ซีเอ๋อร์ไม่เคารพบิดามารดา จวิ้นเอ๋อร์ไม่รู้จักตักเตือน กลับพูดจาปกป้องนางอีก นี่ใช่สิ่งที่บุรุษพึงกระทำเสียที่ไหน อีกทั้งพวกเรายังเป็นสกุลสูงศักดิ์ ซีเอ๋อร์โอหังเพราะถือตนว่าเป็นที่รักใคร่ ไร้มารยาทกับผู้อาวุโส วันนี้หากไม่ลงโทษก็ยากจะทำให้ทุกคนยอมรับได้จริงๆ ใครก็ได้ไปพาตัวสะใภ้รองมา เตรียมกฎบ้าน!”
นายหญิงใหญ่พอได้ยินว่าเหล่าไท่จวินที่ปกติปกป้องหลี่เมิ่งซีมาเสมอกำลังโมโหและจะลงโทษนางด้วยกฎบ้านแล้วดวงตาก็เปล่งประกาย บุตรชายไม่ยอมเป็นประมุขสกุลเพราะหลี่เมิ่งซี ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นหนามทิ่มตำใจตนมาตลอด นายหญิงใหญ่ย่อมบังเกิดความคิดที่จะกำจัดหลี่เมิ่งซีมานานแล้ว ในความเห็นตนต่อให้หลี่เมิ่งซีถูกหย่า แต่ตราบใดนางยังมีชีวิตอยู่ก็ยังยั่วยวนให้บุตรชายตนทำตัวนอกลู่นอกทางอยู่ดี มีเพียงนางตายแล้วเท่านั้น จวิ้นเอ๋อร์ถึงจะสำรวม
เห็นท่าทางของบุตรชายวันนี้แล้ว เซียวจวิ้นไม่ยอมหย่าหลี่เมิ่งซีแน่นอน แม้จะยอมเขียนหนังสือหย่าในตอนท้ายเพราะว่าแรงกดดัน แต่เขาก็ต้องเกลียดนางซึ่งเป็นมารดาแน่ เห็นเหล่าไท่จวินจะลงโทษด้วยกฎบ้านเช่นนี้ จึงนับเป็นโอกาสดีที่หายากจริงๆ มิสู้จัดการให้เด็ดขาดไปเสียเลย ตัดความคิดอันเพ้อฝันของบุตรชายเสีย! คิดเช่นนี้แล้วจึงหันไปส่งสายตากับเป่าจูด้านข้าง
เป่าจูหรือจะไม่เข้าใจ กวาดตามองรอบด้านรอบหนึ่ง ก่อนจะอาศัยจังหวะที่คนไม่สังเกต แอบตามบ่าวหญิงสูงวัยที่รับคำสั่งออกไป
เตรียมกฎบ้าน! เซียวจวิ้นได้ยินสามคำนี้แล้ว หัวใจพลันสั่นสะท้าน ตรงหน้าปรากฏภาพร่างกายอันบอบบางของหลี่เมิ่งซี หากถูกลงโทษด้วยกฎบ้านจริง นางจะไหวหรือ เงยหน้าเห็นประกายแปลกประหลาดในดวงตาของมารดา เขาก็สะดุ้งในใจ ความคิดน่ากลัวอย่างหนึ่งผุดขึ้นมา มารดาคงไม่คิดจะลอบฆ่าซีเอ๋อร์กระมัง ครั้นเห็นเป่าจูเดินออกไป แผ่นหลังก็มีเหงื่อผุดซึมออกมาชั้นหนึ่ง
เห็นเหล่าไท่จวินสีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาได้ยากก็รู้ว่านางโมโหแล้วจริงๆ เขากัดฟันฝืนข่มความหวาดหวั่นไม่สบายใจเอาไว้ ใช้มือซ้ายที่ไม่บาดเจ็บประคองตัว ก่อนจะโขกศีรษะให้เหล่าไท่จวินและพูดเสียงเรียบ “เป็นเพราะจวิ้นเอ๋อร์อกตัญญู ถูกผีล่อลวงจิตใจจึงพูดผิดไป หากมารดากับท่านย่าโกรธ คนที่ถูกลงโทษด้วยกฎบ้านก็ควรเป็นจวิ้นเอ๋อร์ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับซีเอ๋อร์แต่อย่างใด ด้วยฐานะของซีเอ๋อร์ตอนนี้ไม่เหมาะจะออกมาพบท่านย่ากับมารดาจริงๆ ยิ่งไม่สมควรรับการลงโทษด้วยกฎบ้านของสกุลเซียวเรา ถึงอย่างไรซีเอ๋อร์ก็เป็นผู้มีพระคุณของสกุลเซียว ขอท่านย่าโปรดแยกแยะถูกผิด ไตร่ตรองก่อนลงมือด้วยขอรับ”
“จวิ้นเอ๋อร์อย่าพูดจาเหลวไหล นางเป็นสะใภ้ของสกุลเซียวเรา จวิ้นเอ๋อร์ลืมหลักกตัญญูต่อบรรพบุรุษ ลืมธรรมเนียมมารยาทของนักปราชญ์ไปหมดแล้วหรือ!” นายหญิงใหญ่ฟังคำพูดบุตรชายแล้ว รู้ว่าเขาจะโต้แย้งแทนหลี่เมิ่งซี อีกฝ่ายเป็นศัตรูในใจนางมานานแล้ว ยามนี้จึงไม่สนใจว่าบุตรชายที่คุกเข่าอยู่บนเตียงจะมีร่างกายอ่อนแอราวใบไม้แห้งที่ต้องลมในฤดูใบไม้ร่วง โงนเงนเหมือนจะล้มลง มิใช่เวลาที่ดีในการสร้างความลำบากใจให้กับเขา แต่นางเลือกที่จะโต้กลับคำพูดของบุตรชายในทันที
“ท่านย่า มารดา ฐานะลูกอนุของซีเอ๋อร์ขัดต่อคำสอนของบรรพบุรุษ ถูกกำหนดแน่นอนแล้วว่าไม่อาจเป็นภรรยาเอกของจวิ้นเอ๋อร์ได้ เมื่อครู่ตอนฟื้นขึ้นมา ลูกตกลงกับนางได้แล้ว แค่รอให้แผลที่มือของจวิ้นเอ๋อร์หายดีเท่านั้นก็จะเขียนหนังสือหย่า และปล่อยนางออกจากคฤหาสน์ไป ดังนั้นซีเอ๋อร์จึงไม่ได้ถือว่าตนเองเป็นสะใภ้สกุลเซียวอีกแล้ว ย่อมไม่สะดวกจะมาปรนนิบัติ”
“จวิ้นเอ๋อร์อย่าพูดเหลวไหล แม้สกุลเซียวของข้าจะตกลงหย่านาง แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้มอบหนังสือหย่าให้นาง นางก็ยังคงเป็นสะใภ้สกุลเซียวของข้า ควรรักษากฎธรรมเนียมของสกุลเซียว ปฏิบัติตามหลักกตัญญูอย่างเคร่งครัด!”
คำพูดของเซียวจวิ้นเป็นการถอยก้าวใหญ่ ใช้การหย่าภรรยาเป็นเงื่อนไข ขอให้ท่านย่าละเว้นหลี่เมิ่งซีด้วย สำหรับเซียวจวิ้นนี่เป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว น่าเสียดายที่นายหญิงใหญ่ไม่ยอมปล่อยโอกาสอันหาได้ยากยิ่งนี้ไป ไม่รอให้เหล่าไท่จวินเอ่ยปากก็ปฏิเสธคำพูดของบุตรชายทันที
หากจะกล่าวว่าก่อนหน้านี้เซียวจวิ้นยังคิดถึงมารดาอยู่บ้าง ยามนี้เมื่อฟังคำพูดนี้แล้ว เขาก็รู้สึกผิดหวังกับมารดาที่ไม่แยกแยะถูกผิดผู้นี้โดยสิ้นเชิง ครอบครัวเช่นนี้ มารดาเช่นนี้ หลี่เมิ่งซีที่ไร้เยื่อใยเช่นนี้ ทำให้เซียวจวิ้นรู้สึกสิ้นหวังเหลือเกิน
ยามนี้เขาสุขุมผิดปกติ มือซ้ายประคองตัวไว้ไม่ไหวอีกต่อไป ร่างกายซวนเซก่อนจะนั่งลงบนเตียง หงจูก้าวขึ้นไปประคอง แต่กลับถูกเขาปัดออก ก่อนที่เขาจะเอาแต่จ้องนายหญิงใหญ่เงียบๆ
เป็นครั้งแรกที่นายหญิงใหญ่เห็นบุตรชายมองตนด้วยสายตาเช่นนี้ นางรู้สึกประหม่า แต่แล้วก็คิดถึงความประพฤตินอกลู่นอกทางของบุตรชาย รู้สึกว่าควรอบรมสั่งสอนเขาอย่างจริงจังได้แล้ว นางจึงจ้องตากับบุตรชายตรงๆ สองแม่ลูกเผชิญหน้ากันเช่นนี้ ความกดดันที่มองไม่เห็นค่อยๆ แผ่ออกมา สาวใช้และบ่าวหญิงสูงวัยแต่ละคนตกใจจนเงียบกริบ เสื้อผ้าแนบติดกับร่างกาย
เนิ่นนานเสียงของเซียวจวิ้นเหมือนลอยมาจากถ้ำอันว่างเปล่าที่อยู่ไกลโพ้น ซึ่งแฝงความเยียบเย็นเข้าไปถึงในกระดูก เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “มารดาจะบีบให้จวิ้นเอ๋อร์ตายอย่างนั้นหรือ”
โปรดติดตามตอนต่อไป…