บทที่ 5
แม้แต่เหล่าไท่จวินที่ได้ฟังคำพูดนี้แล้วยังอดหนาวสะท้านไม่ได้ ความไร้มารยาทครั้งแล้วครั้งเล่าของหลี่เมิ่งซีบีบให้เหล่าไท่จวินที่สุขุมคลุ้มคลั่งแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าเซียวจวิ้นเพิ่งฟื้นจะลงทัณฑ์หลี่เมิ่งซีต่อหน้าทุกคนให้ได้ เมื่อครู่ตอนนายหญิงใหญ่พูดนางก็ไม่ได้ห้าม เดิมทีนางตั้งใจให้เป็นเช่นนี้เหมือนกัน หมายข่มความยโสของหลี่เมิ่งซีลงเสีย ยามนี้เห็นเซียวจวิ้นเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าวันนี้หากแตะต้องหลี่เมิ่งซีจริงๆ นางคงต้องสูญเสียหลานชายคนนี้ไปแน่
ตอนนี้เหล่าไท่จวินสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ตรึกตรองครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “จวิ้นเอ๋อร์อย่าเสียมารยาทกับมารดา ยังไม่ขอขมามารดาเจ้าอีกหรือ”
เหล่าไท่จวินพูดจบก็เห็นเซียวจวิ้นทำราวกับไม่ได้ยินยังคงนั่งดื้อรั้นอยู่ที่เดิม ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย แต่กลับไม่มีทีท่าจะขอขมา นางจึงพูดต่อ “มารดาเจ้าพูดไม่ผิด ตราบใดที่ซีเอ๋อร์ยังไม่ถูกหย่า นางก็ยังเป็นสะใภ้สกุลเซียวของข้า ขนบธรรมเนียมของนักปราชญ์จะไม่เคารพได้อย่างไร เห็นแก่ที่ซีเอ๋อร์มีบุญคุณต่อสกุลเซียว ครั้งนี้จึงไม่เอาความ ในเมื่อจวิ้นเอ๋อร์ตัดสินใจหย่าภรรยาแล้ว ซีเอ๋อร์อยู่ในเรือนปีกตะวันออกต่อไปย่อมไม่เหมาะ นับแต่วันนี้ไปให้นางไปอยู่ที่อารามชิงซิน”
“ท่านย่า…”
“จวิ้นเอ๋อร์อย่าเพิ่งร้อนใจ ฟังย่าพูดให้จบก่อน ย่ารู้ความในใจของเจ้าดี ให้ซีเอ๋อร์ไปอยู่อารามชิงซินเป็นแค่การจัดการชั่วคราวเท่านั้น รอให้แผลของจวิ้นเอ๋อร์หายดีก่อน แล้วเจ้าเขียนหนังสือหย่าได้แล้ว ย่าย่อมปล่อยนางเป็นอิสระ!”
“เหล่าไท่จวินจะใจอ่อนไม่ได้นะเจ้าคะ นางดูหมิ่นผู้อาวุโสต่อหน้าทุกคน จะละเว้นนางง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร ภาษิตว่าไม่มีกฎเกณฑ์ย่อมไม่เป็นระเบียบ เรื่องนี้หากแพร่ออกไป วันหน้าลูกสะใภ้จะควบคุมข้ารับใช้ได้อย่างไร!”
ฟังนายหญิงใหญ่พูดแล้ว เหล่าไท่จวินลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ไฉนลูกสะใภ้ผู้นี้จึงเลอะเลือนเช่นนี้เล่า ตอนนี้ยังมองสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ จวิ้นเอ๋อร์เป็นเช่นนี้แล้ว เหตุใดนางจึงยังไม่ยอมถอยให้อีก ต้องบีบให้จวิ้นเอ๋อร์ตายจริงๆ หรือ นางถึงจะพอใจ!
เหล่าไท่จวินไม่สนใจนายหญิงใหญ่ เพียงพูดกับเซียวจวิ้น “จวิ้นเอ๋อร์ยังไม่รีบขอขมามารดาเจ้าอีก!”
เห็นท่านย่าละเว้นหลี่เมิ่งซีแล้ว เซียวจวิ้นจึงขยับตัว รู้สึกสองขาของตนอ่อนแรง ขยับเท่าไรก็ขยับไม่ได้เสียที เขาจึงนั่งอยู่ที่เดิมและพูดเสียงเย็น “ลูกอกตัญญู ทำให้มารดาโกรธ ขอมารดาโปรดอภัยด้วย”
“จวิ้นเอ๋อร์…”
ระหว่างที่พูด บ่าวหญิงสูงวัยสองคนที่รับคำสั่งให้ออกไปตามคนก็เข้ามารายงานว่าพาสะใภ้รองมาแล้ว ยามนี้รออยู่ที่นอกประตู
เหล่าไท่จวินฟังแล้วเอ่ยว่า “ให้เข้ามา”
ไม่นานก็เห็นหลี่เมิ่งซีที่ต้องให้จือซย่าประคองเดินเข้ามาช้าๆ ทันทีที่เข้าประตูมา สายตาของทุกคนในห้องก็พุ่งไปรวมที่นาง แต่ภายใต้สายตาของทุกคน นางยังเป็นเฉกเช่นยามปกติ ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนบ่อน้ำเก่าที่ไร้คลื่น ก้าวช้าๆ ไปข้างหน้า ราวกับมองไม่เห็นนายหญิงใหญ่อย่างไรอย่างนั้น เพียงย่อกายให้เหล่าไท่จวินน้อยๆ แล้วเอ่ยถามเสียงค่อย “ไม่ทราบว่าเหล่าไท่จวินเรียกตัวเมิ่งซีมาพบให้ได้เช่นนี้ มีอะไรจะสั่งหรือเจ้าคะ”
นายหญิงใหญ่เห็นหลี่เมิ่งซีไม่เพียงไม่คารวะนาง ทั้งยังแกล้งโง่แกล้งเซ่อราวกับสกุลเซียวไม่กล้าแตะต้องแม้แต่ขนเส้นเดียวของนางอย่างนั้นแหละถึงได้หยิ่งผยองเช่นนี้ ในใจนายหญิงใหญ่โมโหยิ่งนัก อ้าปากจะต่อว่ากลับเห็นสายตาห้ามปรามของเหล่าไท่จวินเข้าเสียก่อน นายหญิงใหญ่จึงกัดฟันกลืนคำพูดที่มาถึงปากแล้วกลับลงไป ใบหน้าซีดขาวบึ้งตึง นั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดจา
ไม่เชื่อหรอกว่าหลี่เมิ่งซีจะไม่รู้ว่าตนโกรธ เห็นสีหน้าเรียบเฉยของนางแล้ว โทสะในใจของเหล่าไท่จวินพลันถาโถมเช่นกัน ทว่านอกจากความโกรธแล้วยังลอบเลื่อมใสในความสุขุมไม่หวั่นไหวแม้ยามเผชิญหน้ากับอันตรายของนาง เหมือนเห็นเงาของตนเองสมัยสาวๆ มองหาในคฤหาสน์สกุลเซียวแห่งนี้ก็ไม่มีคนที่สองอีกแล้ว นับเป็นผู้ช่วยที่ดีของจวิ้นเอ๋อร์จริงๆ น่าเสียดายยิ่งนัก