หลี่เมิ่งซีรู้อยู่แล้วว่าเซียวอวิ้นออกจากคฤหาสน์ไปครึ่งปีโดยไม่ได้อะไรเลย เขาวนเวียนอยู่ที่สาขาของร้านยาอี๋ชุนกับสวนไป่เฉ่า นางรู้การเคลื่อนไหวของเขาดี มองเซียวอวิ้นที่มีนิสัยรักอิสระและเอาแต่ใจตนเองเที่ยวตามหานางไปทั่วแล้ว ในใจจึงรู้สึกขบขัน เดิมทีคิดจะหยอกล้อเขาสักหน่อย เพิ่งจะถามออกไป คิดไม่ถึงว่าเซียวอวิ้นจะวกกลับเข้าเรื่องของนางกับเซียวจวิ้นเสียแล้ว จึงไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรดี
พอนั่งลงแล้ว เงยหน้ามองเซียวอวิ้น อยากถามว่าเขากลับมาตั้งแต่เมื่อไร พลันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เซียวอวิ้นบอกว่าสิบกว่าวันก่อนเซียวจวิ้นให้คนส่งจดหมายถึงเขา บอกว่าที่บ้านเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ฐานะลูกอนุของนางเพิ่งถูกเปิดเผยเมื่อสี่ห้าวันที่แล้วนี้เองมิใช่หรือ คิดถึงคำพูดที่เซียวจวิ้นฝากเซียวซย่ามาบอกนางว่า ‘ไม่ต้องหวาดกลัวอะไรทั้งนั้น เรื่องใหญ่เพียงใดก็มีเขาคอยรับหน้าอยู่’ หัวใจก็ไหวสะท้าน เซียวจวิ้นคาดเดาเหตุการณ์ในวันนี้ได้ตั้งแต่แรกแล้ว หรือว่าเขารู้นานแล้วว่านางเป็นลูกอนุ
คิดเช่นนี้ มือที่จับถ้วยชาสั่นเล็กน้อย นางยกถ้วยขึ้นจิบชาคำหนึ่ง วางถ้วยลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยถาม “คุณชายสามมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ”
เห็นหลี่เมิ่งซีถามถึง เซียวอวิ้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ยามเผชิญหน้ากับหลี่เมิ่งซี เขากลับพูดความห่วงกังวลของตนเองไม่ออก ระหว่างลังเลอยู่นั้น หงจูก็เอ่ยว่า “เรียนสะใภ้รอง คุณชายรองสั่งบ่าวแต่เช้าให้มาดูว่าท่านอยู่ที่นี่คุ้นเคยบ้างหรือไม่ ขาดเหลืออะไรก็ให้บ่าวส่งมาให้เจ้าค่ะ คิดไม่ถึงว่าบ่าวมาหนหนึ่งแล้ว บ่าวหญิงที่เฝ้าประตูจะไม่ให้เข้ามา ขณะไม่รู้จะทำอย่างไรดี บังเอิญพบคุณชายสามที่ไปเยี่ยมคุณชายรองเข้า บ่าวจึงขอร้องให้คุณชายสามพาบ่าวมาที่นี่ เดิมทีบ่าวหญิงที่เฝ้าประตูก็ขัดขวางไม่ให้เข้า แต่คุณชายสามพาบ่าวบุกเข้ามา สะใภ้รองอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่เจ้าคะ”
ฟังหงจูเล่าแล้ว หลี่เมิ่งซีจึงมองเซียวอวิ้นอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะตอบว่า “ทำให้คุณชายสามเป็นกังวลแล้ว ข้าเป็นคนเรียบง่าย ชอบความสงบของที่นี่เหมือนกัน ใช่แล้ว วันนี้อาการของคุณชายรองดีขึ้นบ้างหรือไม่”
“คุณชายรอง…”
“อ้อ ข้าเพิ่งไปเยี่ยมพี่รองมา อาการพี่รองดีขึ้นมากแล้ว พี่สะใภ้รองไม่ต้องกังวล” เซียวอวิ้นเห็นหงจูอึกอักจึงเป็นฝ่ายตอบแทน
หงจูมองคุณชายสามอย่างประหลาดใจ เห็นคุณชายสามมีสีหน้าผ่อนคลาย พอรู้ว่านางมองเขาอยู่ก็ตวัดสายตาเย็นชาใส่นาง หงจูจึงหุบปากอย่างรู้กาลเทศะ
“ยาสมานแผลที่ข้าทิ้งไว้ให้ หงจูอย่าลืมใส่ให้คุณชายรองตามเวลาด้วย” แผลที่มือของเซียวจวิ้นจะล่าช้าไม่ได้เด็ดขาด เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการพ้นจากความทุกข์โดยเร็วของนาง อารามชิงซินแห่งนี้รีบออกไปได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี
หงจูรีบรับคำ
เซียวอวิ้นเห็นว่าเวลานี้แล้วพี่รองกับพี่สะใภ้รองยังเป็นห่วงกันและกันก็อดลอบทอดถอนใจมิได้ คู่รักที่เหมาะสมกันเช่นนี้ ทั้งที่มีใจให้กันแต่กลับยากจะครองคู่ เขารู้สึกสลดใจ น้ำเสียงทุ้มหนักขณะร้องเรียก “พี่สะใภ้รอง…”
“วันหน้าคุณชายสามเรียกข้าว่าพี่สาวเถอะ!” หลี่เมิ่งซีพูดจบ รู้สึกว่าบรรยากาศพลันหนักอึ้ง เงยหน้ามองไปเห็นเซียวอวิ้นนั่งหน้าแดงอยู่ตรงนั้น นางก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ตนเองถูกหย่าแล้ว ที่ยังไม่ไปก็เพราะรอหนังสือหย่าอยู่เท่านั้น ยามนี้ทุกคนในคฤหาสน์สกุลเซียวต่างก็รู้ดี ให้เขาเรียกนางว่าพี่สาวก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ ไฉนจึงทำหน้าลำบากใจเช่นนั้นเล่า!
เหลือบมองเซียวอวิ้นแวบหนึ่ง นึกแล้วก็อยากจะตบหน้าผากตนเอง ให้ตายเถอะ ดูเหมือนเซียวอวิ้นจะอายุมากกว่านางหลายปี ให้เขาเรียกตนว่าพี่สาวออกจะลำบากใจไปหน่อยจริงๆ
แต่จู่ๆ จะให้นางเปลี่ยนสถานะจากผู้ใหญ่ไปเป็นเด็ก นางก็ไม่พอใจเช่นกัน อีกอย่างหากให้เขาเรียกนางว่าน้องสาวจริงๆ ออกจะพิลึกเกินไปหน่อย คิดเช่นนี้แล้ว หลี่เมิ่งซีจึงนั่งเงียบอยู่ที่เดิม
เงียบไปนานเซียวอวิ้นจึงเอ่ยว่า “ไม่ว่าเวลาใดพี่สะใภ้รองก็อย่าสิ้นหวังเล่า เรื่องในใต้หล้านี้ยากจะคาดเดา อนาคตใครจะรู้ว่าเป็นอย่างไร พี่สะใภ้รองแค่จำไว้ว่าในใจของพี่รองมีพี่สะใภ้รองอยู่ก็พอ”
จะเป็นลม นางสิ้นหวังตั้งแต่เมื่อไร มองเซียวอวิ้นที่ ‘หวังดี’ ตรงหน้าแล้ว หลี่เมิ่งซีก็พูดไม่ออกอย่างสิ้นเชิง
ระหว่างที่เงียบอยู่นั้นก็เห็นจือซย่ากับจือตงผลักประตูเดินเข้ามาด้วยความโมโห จือซย่าเข้าประตูมาก็เปิดปากพูด “สะใภ้รอง เห็นทีนายหญิงใหญ่คิดจะให้พวกเราตายอยู่ที่นี่…”
พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ถึงได้เห็นคุณชายสามกับหงจูอยู่ในห้อง นางสะดุ้งโหยงรีบหุบปากทันใดและมองสะใภ้รอง
หลี่เมิ่งซีพูดคุยกับเซียวอวิ้นอยู่ที่นี่ตั้งนาน แต่ไม่ยอมพูดถึงความลำบากของตนเองก็เพราะต้องการรอสาวใช้ทั้งสองกลับมาก่อน ดูว่าพวกนางจัดการได้หรือไม่ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเซียวอวิ้นหรือเปล่าและจะขอความช่วยเหลืออย่างไร ยามนี้เห็นท่าทีของพวกนางทั้งสองแล้วหัวใจพลันจมดิ่ง เห็นทีสถานการณ์จะเลวร้ายมาก!