ฟังคำนายหญิงใหญ่แล้ว จางอี๋ไท่ที่ก้มหน้าจัดเสื้อผ้าให้นางดวงตาก็ฉายแววโกรธแค้น ก่อนที่จะสงบอารมณ์แล้วผงกศีรษะรับคำ “นายหญิงใหญ่พูดถูกเจ้าค่ะ อนุจะตักเตือนคุณชายสาม” จางอี๋ไท่พูดพลางช่วยจัดเสื้อผ้าให้ดี นางประคองนายหญิงใหญ่ออกจากห้องข้างทิศตะวันออกและเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เซียวอวิ้นรออยู่ที่นั่นแล้ว
เห็นนายหญิงใหญ่เข้ามา เซียวอวิ้นรีบก้าวขึ้นมาคำนับ “คารวะมารดา มารดาไม่สบายยังฝืนตนเองเหน็ดเหนื่อยเพื่ออวิ้นเอ๋อร์เช่นนี้ หากมารดาเป็นอะไรไป อวิ้นเอ๋อร์ย่อมกลายเป็นคนอกตัญญู”
นายหญิงใหญ่เหลือบมองเซียวอวิ้น “อย่าเอาแต่พูดจาน่าฟังเลย เจ้าเองก็ไม่เด็กแล้ว ควรทำงานทำการเสียที กลับมาครั้งนี้หากสามารถอยู่ในคฤหาสน์อย่างสำรวมได้ เจ้าก็ช่วยนายท่านใหญ่ทำงานบ้าง ไม่ก่อความวุ่นวายก็นับว่าข้าเลี้ยงเจ้ามาอย่างไม่เสียเปล่าแล้ว หากเจ้าทำได้เช่นนั้นจริง ข้าป่วยอีกสองสามครั้งก็นับว่าคุ้มค่า อวิ้นเอ๋อร์ยังเล็กนัก อย่าได้เอาอย่างพี่รองของเจ้าเป็นอันขาด ทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข ไม่รู้ข้าไปก่อกรรมทำเข็ญมาแต่ชาติปางไหน” นายหญิงใหญ่พูดพลางน้ำตาไหลริน
เซียวอวิ้นเห็นแล้วรีบเอ่ยว่า “มารดาสั่งสอนถูกต้อง อวิ้นเอ๋อร์อกตัญญูเสียแล้ว”
จื่อเยวี่ยกับจางอี๋ไท่ด้านข้างรีบปลอบประโลม นายหญิงใหญ่เห็นเป่าจูผงกศีรษะให้นางจึงหยุดน้ำตาแล้วพูด “อย่ามัวยืนอยู่เลย อวิ้นเอ๋อร์กลับมาเป็นเรื่องน่ายินดี เร็วเข้า อวิ้นเอ๋อร์มานั่งเถอะ!”
เห็นนายหญิงใหญ่ไม่ร้องไห้แล้ว ทุกคนต่างพรูลมหายใจ จางอี๋ไท่ก้าวออกไปคารวะคุณชายสาม จากนั้นช่วยกันกับจื่อเยวี่ยประคองนายหญิงใหญ่นั่งลง
เห็นเซียวอวิ้นนั่งลงแล้ว นายหญิงใหญ่จึงถาม “ได้ยินว่าตอนเช้าคุณชายสามไปอารามชิงซินมาหรือ”
“เรียนมารดา พี่รองมีเรื่องจะถามพี่สะใภ้รอง เกรงว่าหงจูจะพูดไม่รู้เรื่องจึงให้อวิ้นเอ๋อร์พาหงจูไปที่นั่นขอรับ”
นายหญิงใหญ่ฟังแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “อวิ้นเอ๋อร์เหลวไหลขึ้นทุกทีแล้ว อารามชิงซินใช่สถานที่ที่บุรุษควรไปอย่างนั้นหรือ อวิ้นเอ๋อร์เองก็มีอนุอยู่แล้ว ไปสถานที่เช่นนั้น ทั้งยังไปพบพี่สะใภ้ด้วย ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะ หากเรื่องนี้ลือออกไปผู้คนจะหาว่าบ้านเราไม่มีกฎธรรมเนียม ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงได้”
นายหญิงใหญ่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งสอนทันที เซียวอวิ้นฟังแล้วรีบเอ่ยว่า “มารดาสั่งสอนถูกต้องแล้วขอรับ อวิ้นเอ๋อร์จะจดจำไว้”
เห็นเซียวอวิ้นยอมรับผิด น้ำเสียงของนายหญิงใหญ่จึงดีขึ้นเล็กน้อย นางถามต่อว่า “ในเมื่อไปเยี่ยมมาแล้ว พี่สะใภ้รองของเจ้าอยู่ในอารามชิงซินสบายดีหรือไม่ ขาดเหลืออะไรข้าจะสั่งให้คนนำไปให้”
“พี่สะใภ้รองอยู่ที่นั่นสบายดีมากขอรับ มารดาตั้งใจส่งคนไปปรนนิบัติพี่สะใภ้รองโดยเฉพาะ น่าเสียดายที่ความตั้งใจดีของมารดาถูกข้ารับใช้พวกนั้นเหยียบย่ำเสียแล้ว พวกนางเอาอาหารเย็นชืดให้พี่สะใภ้รองลับหลังท่าน โชคดีที่ตอนอาหารส่งมาอวิ้นเอ๋อร์พบเข้าพอดี หาไม่แล้วความห่วงใยของมารดาจะต้องถูกบ่าวไม่กี่คนทำลายไปแน่”
“อะไรนะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ?! บ่าวทรยศพวกนี้ เห็นว่าสองวันนี้ข้าป่วยถึงได้กล้ารังแกเจ้านาย ใครก็ได้…”
เห็นนายหญิงใหญ่เสแสร้งเช่นนี้ เซียวอวิ้นลอบถอนใจและพูดปลอบโยน “มารดาอย่าโกรธเลย อวิ้นเอ๋อร์สั่งสอนแทนท่านไปแล้ว และให้พวกนางเตรียมอาหารให้พี่สะใภ้รองใหม่ ถึงอย่างไรก็แค่บ่าวไม่กี่คนเท่านั้น โมโหเพราะพวกนางไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ครั้งนี้ก็ให้แล้วไปเถอะ อวิ้นเอ๋อร์คิดว่าพวกนางคงไม่กล้าอีกแล้ว”
“เดิมทีข้ากลัวว่าสะใภ้รองอยู่อย่างสูงศักดิ์จนชินแล้ว จู่ๆ ต้องไปอยู่ในอารามชิงซินจะไม่สะดวก ข้าจึงตั้งใจส่งคนไปปรนนิบัติ คิดไม่ถึงว่าบ่าวสุนัขพวกนี้จะเห็นว่าข้าป่วยอยู่ มิอาจจัดการเรื่องราวได้ ถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ลับหลังข้า คนไม่รู้จะคิดว่าข้ารังแกสะใภ้รอง ถึงอย่างไรข้าก็ต้องมัดตัวคนไปขอขมาต่อหน้าเหล่าไท่จวิน ใครก็ได้…”
“ก็แค่บ่าวไม่กี่คน มารดาไม่จำเป็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ คฤหาสน์จะวุ่นวายไปหมด คนไม่รู้จะคิดว่าบ้านของพวกเราเป็นอะไรไป อีกอย่างบ่าวไม่มีตาคนไหนจะกล้านำเรื่องเล็กเช่นนี้ไปรายงานเหล่าไท่จวิน ทำให้เหล่าไท่จวินกลุ้มใจขอรับ”
ฟังคำเซียวอวิ้นแล้ว นายหญิงใหญ่ลอบโล่งอก ในที่สุดก็วางใจได้เสียที นางพูดต่อว่า “อวิ้นเอ๋อร์พูดถูก หากจะอาละวาดด้วยเรื่องเล็กเท่านี้ ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นกังวลจริงๆ ย่อมไม่น่ามองแน่ ข้าจะจดบัญชีนี้เอาไว้ก่อน รอให้ข้าหายป่วยแล้วค่อยจัดการกับบ่าวไม่มีตาพวกนี้ เรื่องนี้ทำให้อวิ้นเอ๋อร์กังวลใจแล้ว”
นายหญิงใหญ่พูดจบ เห็นเซียวอวิ้นรับคำจึงสั่งว่า “ป่านนี้คุณชายสามคงหิวแล้ว เร็วเข้า ตั้งสำรับ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป…