ฟังคำพูดเป่าจูแล้วนายหญิงใหญ่พรูลมหายใจยาว นางเอนกายกลับลงไป ครุ่นคิดอยู่นานจึงเผยรอยยิ้มเย็น พูดอย่างโหดเหี้ยม “ดี เช่นนี้ยิ่งดี สองวันนี้ข้ายังคิดอยู่ว่าถ้าสะใภ้รองตายอยู่ในอารามชิงซิน ต่อให้จัดการเรียบร้อยเพียงใดก็หนีไม่พ้นถูกเหล่าไท่จวินสงสัย จำต้องเปลืองวาจาอีกไม่น้อย ทั้งยังต้องมีบ่าวตายอีกหลายคน คุณชายสามทำเช่นนี้ช่วยเหลือเราได้พอดี อาหารพวกเราไม่ได้เป็นคนทำ กินแล้วตายจะโทษพวกเราไม่ได้ เป่าจู ไปสั่งข้ารับใช้ในอารามชิงซินให้วางยาถ่ายในน้ำที่สะใภ้รองกินดื่ม พอสะใภ้รองป่วยก็ให้คนเฝ้าประตูเฝ้าไว้ให้ดี ห้ามให้ข่าวหลุดออกไปแม้แต่น้อย ถ้าหวังอี๋เหนียงไปอีก ให้คนตรวจสอบและตามเข้าไปด้วย แม้แต่กระดาษชิ้นเดียวก็ห้ามนำเข้าไป ยิ่งไม่อนุญาตให้พวกนางพูดคุยกัน” นายหญิงใหญ่พูดจบ ดวงตาทอประกายอำมหิต
เป่าจูเห็นแล้วอดตัวสั่นไม่ได้ นางรีบผงกศีรษะรับคำแล้วหมุนตัวเดินออกไป
เป่าจูเพิ่งออกไป สาวใช้ก็มารายงานว่าแม่นางซิ่วมา
นายหญิงใหญ่ฟังแล้วเอ่ยว่า “รีบเชิญเข้ามา”
ไม่นานจางซิ่วก็ให้ปิงซินประคองเดินเข้ามา ไม่พบกันหลายวันจางซิ่วดูอิดโรยไปมาก จนกระทั่งตอนนี้นางยังไม่เชื่อว่าคนที่พี่ชายชอบคือพี่สะใภ้ เรื่องนี้ราวกับความฝันอย่างไรอย่างนั้น
เดินช้าๆ ไปหน้าเตียงท่านน้าและคารวะ จื่อเยวี่ยยกเก้าอี้กลมมาให้ จางซิ่วนั่งลงแล้ว นายหญิงใหญ่จึงเห็นว่าสองตาของนางบวมแดง ลอบถอนใจว่าล้วนเป็นเพราะจวิ้นเอ๋อร์ ไม่รอให้จางซิ่วพูดอะไร นายหญิงใหญ่ก็ปลอบโยน “ซิ่วเอ๋อร์ลำบากแล้ว เรื่องทุกอย่างต้องปล่อยวางเสียบ้าง ซิ่วเอ๋อร์อ่อนโยนใจกว้าง นานวันเข้าจวิ้นเอ๋อร์จะต้องเห็นความดีของเจ้าแน่ บุรุษล้วนเป็นเช่นนี้ ชอบของแปลกใหม่และตื่นเต้น แต่นานวันเข้าก็จะเบื่อไปเอง ในอดีตน้าเขยเจ้ากับจางอี๋ไท่ก็รักกันจะเป็นจะตาย ตอนนี้มิใช่เฉยชากันไปหรอกหรือ”
“ท่านน้าพูดถูก ซิ่วเอ๋อร์ก็ไม่เชื่อว่าพี่ชายจะเปลี่ยนใจ พี่ชายแค่หลงพี่สะใภ้ไปชั่วขณะเท่านั้น พอรู้สึกเบื่อแล้วย่อมเปลี่ยนใจเอง เพียงแต่ซิ่วเอ๋อร์คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ทั้งที่ไม่เห็นว่าพี่ชายจะรู้สึกอะไรกับพี่สะใภ้ แต่พี่ชายกลับจะสละตำแหน่งประมุขสกุลเพื่อนาง! ภาษิตว่าหญิงงามเป็นต้นเหตุแห่งหายนะนั้นไม่ผิดเลยจริงๆ พี่สะใภ้ก็ช่างใจดำโดยแท้ ปล่อยให้พี่ชายทำให้คฤหาสน์ทั้งหลังไม่สงบสุขเพราะนาง กลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ ไม่กตัญญู ไม่มีเมตตา และไม่มีคุณธรรมก็เพราะนาง” จางซิ่วพูดจบ ดวงตาฉายความเคียดแค้นลึกๆ
ฟังคำพูดสุดท้ายของจางซิ่วแล้ว นายหญิงใหญ่ก็แค้นจนกัดฟัน นางพูดอย่างโหดเหี้ยม “รอให้เขารู้สึกเบื่ออย่างนั้นหรือ เกรงว่าสะใภ้รองจะไม่มีคำว่า ‘หลังจากนี้’ อีกแล้วล่ะ!”
ได้ยินดังนั้นจางซิ่วพลันตระหนก ก่อนจะดีใจแทบบ้า นางใช้มือกดหน้าอกข่มความตื่นเต้นในใจไว้ แล้วแสร้งพูดด้วยท่าทางที่น่าสงสาร “ท่านน้าอย่าพูดเช่นนี้เลย หากพี่สะใภ้เป็นอะไรไปจริง เกรงว่าพี่ชาย…” จางซิ่วพูดถึงตรงนี้ก็สะอื้น
นายหญิงใหญ่มองจางซิ่วแล้วถอนหายใจ “ซิ่วเอ๋อร์ดีทุกอย่าง เพียงแต่ใจอ่อนเกินไป มีแต่ความปรารถนาดีให้จวิ้นเอ๋อร์ ภาษิตว่าโรคร้ายแรงย่อมต้องรักษาด้วยยาฤทธิ์แรง เก็บนางจิ้งจอกนั่นไว้ถึงอย่างไรก็เป็นหายนะ จวิ้นเอ๋อร์แค่ยังคิดไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น เวลาผ่านไปนานเข้า เขาจะต้องเข้าใจความทุ่มเทของข้าแน่ เรื่องนี้ซิ่วเอ๋อร์รู้ไว้ในใจก็พอ วันหน้าหากมีโอกาสเจ้าก็คอยเตือนสติจวิ้นเอ๋อร์ให้มากหน่อย จวิ้นเอ๋อร์จะต้องกลับตัวกลับใจได้แน่นอน”
“ซิ่วเอ๋อร์จะทำตามคำสั่งของท่านน้าเจ้าค่ะ” พูดถึงขั้นนี้ จางซิ่วรู้ดีว่าท่านน้าได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะกำจัดหลี่เมิ่งซี นอกจากตื่นเต้นแล้วนางก็ไม่กล้าพูดมากอีก เพียงรีบผงกศีรษะรับคำ ก่อนจะนึกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ได้ ขอบตานางแดงเรื่อขณะเอ่ยว่า “ท่านน้า ซิ่วเอ๋อร์มาวันนี้เพราะอยากขอร้องให้ท่านน้าไป…”
จางซิ่วพูดถึงตรงนี้ก็สะอื้นไห้ รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดดวงตา นายหญิงใหญ่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นางรีบถามว่า “ซิ่วเอ๋อร์มีอะไรก็พูดมาเถอะ น้าจะจัดการให้เจ้าเอง”