“ท่านน้า สองวันนี้พี่ชายไม่ยอมพบซิ่วเอ๋อร์เลย ซิ่วเอ๋อร์เข้าใจว่าพี่ชายอารมณ์ไม่ดีจึงไม่อยากพบใคร เดิมทีก็ไม่อยากรบกวนพี่ชาย เพียงแต่ซิ่วเอ๋อร์ได้ยินสาวใช้ในเรือนเซียวเซียงบอกว่าตั้งแต่พี่ชายฟื้นขึ้นมาเมื่อวันก่อนก็ยังไม่กินข้าวไม่ดื่มน้ำเลย ตอนนี้ ตอนนี้…ซิ่วเอ๋อร์ไม่ได้พบพี่ชายจึงมิอาจเกลี้ยกล่อมเขาได้ แต่ซิ่วเอ๋อร์เป็นห่วงจริงๆ ว่าพี่ชายจะเป็นอะไรไป จึงอยากเชิญท่านน้าไปโน้มน้าวพี่ชายหน่อย ให้เขากินอะไรลงไปบ้าง อย่าได้คิดไม่ตกเช่นนี้”
“อะไรนะ! สองวันแล้วจวิ้นเอ๋อร์ยังไม่กินอะไรเลย? เมื่อครู่นี้บอกว่าเขาสบายดีมิใช่หรือ!” นายหญิงใหญ่พูดพลางหันไปมองจื่อเยวี่ย
จื่อเยวี่ยได้ยินแล้วหน้าซีดขาวทันใด นางคุกเข่าลงแล้วตอบว่า “ขอนายหญิงใหญ่โปรดอภัยด้วย บ่าวโกหกเจ้าค่ะ วันก่อนตอนนายหญิงใหญ่หมดสติ เหล่าไท่จวินเรียกตัวบ่าวไปพบและสอบถามอาการของท่าน ตั้งใจกำชับบ่าวว่ากลัวท่านรู้อาการของคุณชายรองแล้วจะเป็นกังวล ดังนั้นจึงให้บ่าวปิดบังไว้ บอกให้ท่านพักผ่อนให้ดี ท่านจะได้รีบกลับมาจัดการเรื่องภายในเรือนได้โดยเร็ว บ่าวเห็นว่าคฤหาสน์แห่งนี้ถูกคุณชายรองกับสะใภ้รองก่อเรื่องจนวุ่นวายไปหมดแล้ว หากท่านเป็นอะไรไปอีกฟ้าคงถล่มลงมาแน่ บ่าวจึงฟังคำสั่งของเหล่าไท่จวิน ปิดท่านมาตลอดเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้จวิ้นเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง” นายหญิงใหญ่ฟังแล้วไหนเลยจะมีแก่ใจเอาผิดจื่อเยวี่ยที่ปิดบังอีก นางเอ่ยถามอย่างร้อนใจ
จื่อเยวี่ยเห็นแล้วไม่กล้าปิดบังอีก รีบโขกศีรษะตอบ “เมื่อเช้าหงจูส่งคนมาบอกว่าตั้งแต่สะใภ้รองไปอารามชิงซิน คุณชายรองก็ไม่กินไม่ดื่มอะไรเลย ไม่ว่าจะโน้มน้าวอย่างไรคุณชายรองก็ไม่ยอมกินไม่ยอมดื่ม ภายหลังแม้แต่ยาก็ไม่กินด้วย เมื่อวานอี๋เหนียงทั้งหลายคุกเข่าอยู่นอกประตูตลอดบ่าย คุณชายรองก็ไม่ยอมพบใครทั้งนั้น เช้าวันนี้คุณชายรองเอาแต่นอน เวลาที่ตื่นก็น้อยลง เวลานอนกลับมากขึ้น ตื่นแล้วก็ไม่พูดไม่จาเอาแต่นอนนิ่งเหม่อมองเพดาน บ่าวเองก็เป็นกังวล แต่ได้ยินหงจูบอกว่ารายงานเหล่าไท่จวินแล้วเจ้าค่ะ…”
นายหญิงใหญ่ได้ยินว่าเซียวจวิ้นเวลาตื่นน้อย เวลานอนมาก ไม่รอให้จื่อเยวี่ยพูดจบ นางก็ตกใจจนใบหน้าซีดขาว เอ่ยปากขัดคำพูดนาง “จวิ้นเอ๋อร์เป็นถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังจะปิดบัง เจ้า เจ้า…”
ชี้หน้าจื่อเยวี่ยด้วยนิ้วสั่นเทา นายหญิงใหญ่พูดอะไรไม่ออกอีก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว หากเขาเป็นอะไรไปจริงย่อมเท่ากับเอาชีวิตของนางไปด้วย
จางซิ่วเห็นแล้วรีบปลอบโยน “ท่านน้า ท่านอย่าตำหนิจื่อเยวี่ยเลย จื่อเยวี่ยเองก็ทำตามคำสั่งของเหล่าไท่จวิน นางปรารถนาดีต่อท่านนะเจ้าคะ”
นานครู่ใหญ่นายหญิงใหญ่จึงสงบสติอารมณ์ได้ “ยังจะคุกเข่าอยู่ทำไม รีบลุกขึ้นเตรียมตัวเถอะ ไปที่เรือนเซียวเซียง!”
กล่าวได้ว่าบรรยากาศในเรือนเซียวเซียงนั้นหม่นหมองยิ่งนัก อี๋เหนียงทั้งสามของเซียวจวิ้นกับหงจูและคนอื่นๆ รออยู่ในห้องโถง วันนี้เซียวจวิ้นตื่นมาแค่ครั้งเดียวและหลับไปอีก แม้แต่ชุ่ยอี๋เหนียงที่ปกติชอบทำตัวเป็นจุดเด่นเวลานี้ยังหดหู่ ท่าทางห่อเหี่ยวราวมะเขือต้องน้ำค้างแข็ง รู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่มลงมา สองตาจ้องบานประตูห้องทิศตะวันออกเขม็ง หมอกับเหล่าไท่จวินอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเหล่าไท่จวินเชิญหมอมาแล้วจะช่วยชีวิตคุณชายรองได้หรือไม่
หมอตรวจชีพจรให้คุณชายรองเสร็จแล้วก็วางมือคุณชายรองกลับลงบนเตียง กำลังจะพูดก็ได้ยินเหล่าไท่จวินถามว่า “หมอจาง ชีพจรของจวิ้นเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง มีอันตรายหรือไม่”
“เหล่าไท่จวิน ข้าตรวจพบว่าชีพจรของคุณชายรองจมและเต้นอ่อนแรง อวัยวะภายในอ่อนแอ หากยังไม่บำรุงรักษา เกรงว่า…” หมอพูดพลางส่ายหน้า พึมพำกับตนเอง “ประหลาดนัก สองวันก่อนตอนข้ามาตรวจ คุณชายรองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากมิใช่หรือ ค่อยๆ บำรุงร่างกายก็ดีขึ้นได้แล้ว นี่แค่ไม่กี่วันเท่านั้นกลับทรุดลงอย่างรวดเร็ว สองวันนี้คุณชายรองกินยาอะไรลงไปหรือไม่”