เซียวจวิ้นลืมตา เขารู้สึกหิวเล็กน้อย ร่างกายก็ไม่หนักอึ้งหรือด้านชาเหมือนทุกวัน ซึ่งไม่ได้รู้สึกอย่างนี้มานานแล้ว เขาแกว่งแขน แม้จะยังอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่ก็ผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย หายดีแล้วหรือ หรือว่าโรคของข้าหายดีแล้วจริงๆ ในใจพลันตื่นเต้นยินดี พอพลิกตัวก็เห็นคนตัวเล็กหลับสนิทอยู่ข้างกาย ดวงหน้าขนาดเท่าฝ่ามือ ตาโตฟันขาว คิ้วตากระจ่างหมดจด ผิวกายเนียนลื่นประหนึ่งนวลไข ริมฝีปากแดงเม้มนิดๆ งามผุดผาดเป็นพิเศษ เขายื่นมือไปเกี่ยวปอยผมตรงหน้าผากนางขึ้นมา ลูบไล้ดวงหน้านางอย่างแผ่วเบา
“จั๊กจี้…” หลี่เมิ่งซีปัดมือเขาออกโดยสัญชาตญาณ ก่อนจะลืมตาอย่างเกียจคร้าน ดวงตาพร่าเลือนดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เซียวจวิ้นเหม่อมองโดยไม่รู้ตัว
ครั้นมองเห็นใบหน้าขนาดใหญ่ของเซียวจวิ้น ในที่สุดหลี่เมิ่งซีก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ที่ใด พลางผุดลุกขึ้นทันที
“คุณชายรองตื่นแล้วหรือเจ้าคะ รู้สึกไม่สบายตรงที่ใดหรือไม่ ภรรยาจะปรนนิบัติคุณชายรองสวมเสื้อผ้า”
“เรียกหงอวี้เข้ามาเถอะ ข้ารู้สึกหิวแล้ว”
หลี่เมิ่งซีลงจากเตียง สวมเสื้อชั้นนอกและเปิดประตู เรียกหงอวี้ หงจูเข้ามาปรนนิบัติเซียวจวิ้น ทั้งยังสั่งให้สาวใช้ไปห้องครัวสั่งทำโจ๊กเปล่า
“คุณชายรองฟื้นแล้ว อยากกินอาหารแล้วด้วย!” หงจู หงอวี้ได้ยินว่าคุณชายรองหิวก็รีบผลักประตูเข้ามาในห้อง เห็นเซียวจวิ้นนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าไม่ซีดขาวเช่นทุกครั้ง แต่กลับมีเลือดฝาดน้อยๆ จึงต่างตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“คุณชายรองหายดีแล้วจริงๆ! คุณชายรองกับสะใภ้รองเปี่ยมด้วยบุญบารมี การเสริมมงคลใช้ได้ผลจริงๆ ด้วย” หงอวี้พูดอย่างตื่นเต้น
“บ่าวจะส่งคนไปเรียนเหล่าไท่จวินเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หงจูเดินออกจากประตูไปอย่างตื่นเต้น
“ผ้าพรหมจารีของสะใภ้รอง!” หงอวี้ปรนนิบัติเซียวจวิ้นสวมเสื้อผ้าเสร็จ ตอนพับผ้าห่มเห็นบนผ้าสีขาวบริสุทธิ์มีจุดสีแดง ดูเหมือนดอกเหมยที่ผลิบานจึงอุทานออกมา
คนในคฤหาสน์สกุลเซียวรวมถึงหงอวี้ต่างไม่คิดว่าคุณชายรองคนเมื่อวานที่ป่วยหนักจะสามารถเข้าหอกับสะใภ้รองได้ เดิมหลี่เมิ่งซีก็เป็นเพียงคนที่นำมาเสริมมงคลเท่านั้น แต่เห็นวันนี้คุณชายรองสดชื่นกระปรี้กระเปร่า หงอวี้ก็เริ่มสงสัยว่าบางทีคุณชายรองอาจป่วยจากสิ่งอัปมงคล หลังจากมีสะใภ้รองมาเสริมมงคลให้จึงหายดี มองผ้าพรหมจารีในมือแล้วหงอวี้ก็ครุ่นคิด เมื่อคืนคุณชายรองกับสะใภ้รองเข้าหอกันจริงๆ หรือ
ตอนหงอวี้อุทานออกมา หลี่เมิ่งซีประหม่าจนหัวใจแทบกระดอนออกมา นางเชื่อว่าเซียวจวิ้นไม่มีทางเปิดโปงออกมาเวลานี้ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน แต่นางยังคงเหมือนหัวขโมยที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา นางรู้สึกลนลานไปชั่วขณะ จิตใจว้าวุ่น จ้องพื้นอย่างร้อนตัวราวกับบนพื้นมีดอกไม้งอกออกมาอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าค่อยๆ แดงเรื่อ
เซียวจวิ้นจ้องดอกเหมยดอกเล็กในมือหงอวี้แล้วพลันหนาวเยือก เขาทำหรือไม่ทำในใจย่อมรู้ดี เหตุใดหลี่เมิ่งซีจึงสร้างผ้าพรหมจารีขึ้นมาระหว่างที่เขาหมดสติ นางคิดจะปกปิดอะไร คิดถึงข่าวลือเกี่ยวกับบุตรสาวสายตรงสกุลหลี่ที่ว่ากันว่าเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ทั้งไม่รักษาธรรมเนียมของสตรีแล้ว ดูท่าว่าจะจริง นางจะต้องสูญเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเป็นแน่!
เขาจ้องหลี่เมิ่งซีเขม็ง ส่วนลึกของดวงตาฉายความรังเกียจเย็นชา ความอ่อนโยนหวานชื่นที่บังเกิดขึ้นหลังตื่นนอนพลันหายไปไม่เหลือ
หลี่เมิ่งซีแค่กลัวว่าเรื่องที่ตนเป็นลูกอนุแต่งงานแทนจะถูกเปิดเผยและถูกไล่ออกจากคฤหาสน์ นางแค่อยากปกป้องชีวิตน้อยๆ ของตนเองถึงได้คิดอุบายนี้ขึ้นมา แต่กลับลืมนึกถึงความแตกต่างของคนยุคปัจจุบันกับคนยุคโบราณ จิตวิญญาณของนางเป็นคนยุคปัจจุบัน มาจากยุคที่ชายหญิงเท่าเทียมกัน ยุคที่หนุ่มสาวต่างไม่ร้องขอความเป็นนิรันดร์ชั่วฟ้าดินสลาย ขอเพียงเคยได้ครอบครองก็พอ ทว่านางลืมไปว่าตนเองอยู่ในยุคโบราณ คนบนเตียงที่นางเพิ่งช่วยชีวิต กราบไหว้ฟ้าดินกับนาง และเป็นสามีที่จะกุมชะตาชีวิตของนางนับแต่นี้ไปก็เป็นคนยุคโบราณ ยุคสมัยที่การอดตายเป็นเรื่องเล็ก การสูญเสียพรหมจารีเป็นเรื่องใหญ่ หากถูกสามีสงสัยว่าเสียความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานย่อมเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ดวงตาของหลี่เมิ่งซีเอาแต่รบรากับดอกไม้ที่จะงอกออกมาจากพื้น จึงไม่ทันสังเกตเห็นแววรังเกียจเดียดฉันท์ที่ฉายออกมาจากส่วนลึกของดวงตาเซียวจวิ้น
หงอวี้เห็นสะใภ้รองก้มหน้าไม่พูดจา ใบหน้าแดงเรื่อ ส่วนคุณชายรองมองสะใภ้รองเงียบๆ เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป นางจึงไม่สังเกตเห็นความเย็นชาในดวงตาของคุณชายรอง คิดว่าสองคนคนหนึ่งเขินอาย อีกคนจ้องมองเงียบๆ เปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึก เป็นการยอมรับเรื่องนี้ นางจึงพับเก็บผ้าพรหมจารีอย่างระวัง เตรียมนำไปรายงานและให้เหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่ตรวจสอบ บุตรชายสายตรงสกุลเซียว ประมุขคฤหาสน์ในอนาคตแต่งภรรยาและเข้าหอกับภรรยาแล้ว นี่เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่มากทีเดียว!