ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 1 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 1

เวลานี้หงจูก็ยกน้ำเข้ามา ปรนนิบัติเซียวจวิ้นกับหลี่เมิ่งซีล้างหน้า จากนั้นหวีผมให้หลี่เมิ่งซี ช่วยเตรียมชุดทางการสีแดงเอาไว้ให้

หลี่เมิ่งซีมองดวงหน้างดงามของคนในคันฉ่องอย่างเหม่อลอย สตรีก็เหมือนกับดอกไม้ เพียงแต่หลังจากนี้ไปจะไหวเอนเพื่อใคร แล้วจะมีผู้ใดมารักตนเองอย่างจริงใจ

มองมวยผมทรงหญิงแต่งงานแล้วที่หงจูเกล้าให้ พลันตระหนักว่านางได้กลายเป็นภรรยาของผู้อื่นในวัยที่เปรียบดังความฝันไปเสียแล้ว ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อายุสิบสามเป็นช่วงวัยเด็กที่สดใส สามารถออดอ้อนเอาแต่ใจในอ้อมอกพ่อแม่ได้อย่างเต็มที่ ทว่าอยู่ที่นี่ นางได้กลายเป็นภรรยาของผู้อื่นไปเสียแล้ว ใช้ชีวิตตามลำพังคนเดียวในคฤหาสน์หลังใหญ่ท่ามกลางพายุฝน นับแต่นี้ไปนางจะถูกพัดพาไปอยู่แห่งหนใด คิดแล้วหัวใจพลันบังเกิดความเศร้าสลด

หงจูเห็นหลี่เมิ่งซีนั่งเหม่อจึงรีบประคองนางขึ้นมา เอ่ยว่า “สะใภ้รองรีบเปลี่ยนชุดเถอะเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวยังต้องไปยกน้ำชาคารวะเหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่อีก”

ระหว่างพูด หงอวี้ก็ยกถาดใบหนึ่งเข้ามา ในถาดมีโจ๊กเปล่าชามหนึ่ง เครื่องเคียงสองอย่าง

“เรียนคุณชายรอง สะใภ้รอง สาวใช้ที่ไปส่งข่าวให้เหล่าไท่จวินทราบกลับมาแล้ว เหล่าไท่จวินมีคำสั่งว่า สะใภ้รองยังไม่ต้องรีบไปยกน้ำชาที่เรือนหลัก ให้ปรนนิบัติคุณชายรองให้ดีก่อน ประเดี๋ยวเหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่จะมาเยี่ยมคุณชายรองเจ้าค่ะ” พูดพลางวางถาดลงบนโต๊ะ แล้วสั่งสาวใช้ให้ย้ายโต๊ะไปหน้าเตียงเซียวจวิ้น ก่อนจะจัดชามตะเกียบ

“ร่างกายของคุณชายรองเพิ่งหายดี อย่าลงจากเตียงเลย นั่งกินบนเตียงแล้วกัน” หลี่เมิ่งซีรับโจ๊กจากหงจู “คุณชายรองเพิ่งหายจากการป่วยหนักมา ไม่เหมาะจะกินอาหารที่มันเกินไป กินโจ๊กเปล่าก่อนนะเจ้าคะ” พูดพลางนั่งลงบนขอบเตียง ใช้ช้อนตักโจ๊กยื่นไปที่ปากเซียวจวิ้น

“วางลงเถอะ ข้ากินเอง” เซียวจวิ้นไม่กินโจ๊กที่หลี่เมิ่งซีป้อนให้ เขาเพียงพูดเสียงเย็น

“เจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งซีประหม่า แต่สีหน้ายังคงสุขุม นางเพียงรับคำอย่างนอบน้อม วางโจ๊กลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา หงอวี้เห็นแล้วอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบเข้ามาปรนนิบัติ ในห้องพลันเงียบงัน ได้ยินเพียงเสียงกินโจ๊กของเซียวจวิ้น

หงจูปรนนิบัติหลี่เมิ่งซีสวมชุดสีแดงจัด นางนั่งอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ มองหงอวี้ปรนนิบัติเซียวจวิ้นเงียบๆ

เซียวจวิ้นกินโจ๊กไปสองชามและสั่งให้ยกออกไป

รอจนเซียวจวิ้นบ้วนปากเสร็จ โต๊ะถูกยกออกไป หงอวี้จึงหยิบหมอนมาหนุนหลังเซียวจวิ้น ให้เขาเอนพิง ทั้งยังหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมขา ก่อนจะถอยออกไป สั่งให้สาวใช้ไปเตรียมขนม ประเดี๋ยวเหล่าไท่จวินจะมา

เวลานี้เอง สาวใช้เข้ามารายงานว่าเหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่มาถึงแล้ว เพียงครู่เดียวก็เห็นเหล่าสาวใช้และบ่าวหญิงสูงวัยห้อมล้อมสตรีสูงวัยผู้มีจอนผมสีเงินเดินเข้ามา

“หลานรักของข้าหายดีแล้วจริงๆ หรือ!” เหล่าไท่จวินไม่สนใจสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นและหลี่เมิ่งซีที่ลุกขึ้นคารวะ รีบตรงไปนั่งบนเก้าอี้กลมข้างเตียงโดยมีสาวใช้หน้าตาสะสวยสองคนคอยประคอง นางกุมมือเซียวจวิ้นแน่นและร้องเรียกด้วยความรักใคร่เอ็นดู

“ท่านย่า จวิ้นเอ๋อร์ดีขึ้นมากแล้ว รู้สึกกระปรี้กระเปร่ากว่าเดิมมาก ร่างกายก็เบาขึ้น เพียงแต่มือเท้ายังชาอยู่เล็กน้อย คิดว่าอีกสองวันน่าจะหายดีขอรับ”

“ด้วยบุญบารมีของเหล่าไท่จวิน จวิ้นเอ๋อร์หายดีแล้วจริงๆ หรือ”

หลี่เมิ่งซีแอบมองประเมินผู้พูด เห็นว่าอีกฝ่ายอายุประมาณสี่สิบ มือข้างหนึ่งถูกประคองโดยคนที่แต่งตัวแบบอี๋เหนียง มือข้างหนึ่งถือผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา ศีรษะเกล้ามวยผมอย่างสตรีสูงศักดิ์ สวมสีแดงจัด ตาหงส์รียาว คิ้วโค้งยาวเรียวจรดจอนผม ริมฝีปากบางเม้มเข้าด้วยกันนิดๆ แม้ไม่โกรธก็ดูน่าเกรงขาม เป็นเจ้านายอีกคนที่รับมือไม่ง่ายนัก หลี่เมิ่งซีมองแล้วคิดว่า นี่แหละแม่สามีของข้า ในใจอดบังเกิดความหนาวเยือกไม่ได้

“มารดา จวิ้นเอ๋อร์ดีขึ้นมากแล้วขอรับ จวิ้นเอ๋อร์อกตัญญู ทำให้มารดาเป็นห่วง”

“เหล่าไท่จวินเปี่ยมด้วยบุญบารมี การเสริมมงคลครั้งนี้ดียิ่งนัก เช้าวันนี้คุณชายรองตื่นมาก็รู้สึกหิว กินโจ๊กไปสองชามแล้วเจ้าค่ะ” หงอวี้ที่คุกเข่าอยู่ตอบเสียงใส

เหล่าไท่จวินถึงได้ตระหนักว่าหงจู หงอวี้ กับเหล่าสาวใช้รุ่นเล็กอีกหลายคนยังคุกเข่าอยู่กับพื้น หลี่เมิ่งซีก็ย่อกายนิ่งอยู่ตรงนั้น

“ลุกขึ้นเถอะ ตอนเช้าจวิ้นเอ๋อร์กินยาหรือยัง” เหล่าไท่จวินพินิจมองหลี่เมิ่งซีพลางถาม

หงจู หงอวี้รีบลุกขึ้นและสั่งพวกสาวใช้ยกขนมน้ำชาเข้ามา

หลี่เมิ่งซียืดตัวขึ้น นางก้าวไปข้างหน้าพลางย่อกายและเอ่ยตอบ “เรียนเหล่าไท่จวิน เนื่องจากคุณชายรองเพิ่งกินอาหารเสร็จ ไม่เหมาะจะกินยาทันที หลานคิดว่ารอให้เหล่าไท่จวินมาก่อน ให้หมอตรวจดูอาการแล้วค่อยกินยาเจ้าค่ะ”

ช่างเป็นเด็กสาวที่งดงามคนหนึ่ง รูปร่างอ้อนแอ้น ดวงหน้ามีขนาดเพียงฝ่ามือ ตาโตกระจ่างสุขุม อากัปกิริยาสุภาพสง่าผ่าเผย สะท้อนลักษณะของบุตรีสกุลใหญ่ออกมาทุกกระเบียด เหล่าไท่จวินเห็นแล้วใจบังเกิดความชื่นชอบขึ้นหลายส่วน แต่แล้วก็คิดถึงคำเล่าลือตามท้องถนนที่ว่าสตรีผู้นี้เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ นางจึงลอบคิดในใจว่า น่าเสียดาย

“ดีๆ ยังคงเป็นหลานสะใภ้ที่รอบคอบ ตามหมอมา” เหล่าไท่จวินผงกศีรษะพลางสั่ง

ได้ยินหลี่เมิ่งซีตอบ นายหญิงใหญ่ชุยซื่อจึงหันมามอง ลูกสะใภ้คนนี้นับเป็นโฉมงามคนหนึ่ง แม้ร่างกายและใบหน้าจะดูบอบบางยิ่งนัก แต่กลับแฝงเสน่ห์โดยธรรมชาติ เมื่อโตเต็มที่แล้วจะต้องเป็นนางจิ้งจอกช่างยั่วคนหนึ่งแน่ คิดถึงชื่อเสียงของสตรีผู้นี้แล้ว ทั้งคิดถึงหลานสาวผู้อาภัพของตนเอง ครั้นได้ยินคำชมของเหล่าไท่จวินเมื่อครู่นี้ ดวงตานางก็ฉายความรังเกียจ

ที่แท้บ้านเดิมของชุยซื่อมีพี่น้องสายตรงสองคน พี่สาวแต่งงานเป็นภรรยาเอกของผู้ตรวจการจางจ้ง มีบุตรชายสองคนบุตรสาวหนึ่งคน บุตรสาวมีนามว่าจางซิ่ว อายุสิบห้า เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ปากหวานเป็นพิเศษ ปะเหลาะเอาใจชุยซื่อจนนางแทบอยากให้อีกฝ่ายมาเป็นลูกสาวแท้ๆ ของตนเอง จึงหมายจะให้หลานสาวผู้นี้แต่งเป็นภรรยาของเซียวจวิ้น ส่วนจางซิ่วก็เติบโตกับญาติผู้พี่มาตั้งแต่เล็ก กล่าวได้ว่าเล่นด้วยกันอย่างสนิทสนม จนใจที่สมัยมีชีวิตอยู่เหล่าไท่เหยียหมั้นหมายบุตรสาวสายตรงสกุลหลี่ไว้ให้เซียวจวิ้นแล้ว ชุยซื่อได้ยินบ่อยครั้งว่าชื่อเสียงของสตรีผู้นี้ไม่ดีจึงยิ่งไม่ชอบลูกสะใภ้คนนี้ นางมักเสนอกับเหล่าไท่จวินอยู่บ่อยครั้งให้ปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้เสีย เหล่าไท่จวินกลับเห็นว่านี่เป็นความปรารถนาของสามีสมัยเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ด้วยไม่อยากฝ่าฝืนจึงรั้งรอมาจนถึงบัดนี้

ชุยซื่อรับอนุให้เซียวจวิ้นหลายคน บุรุษที่มีการหมั้นหมายแล้ว ทั้งที่ยังไม่แต่งภรรยาแต่กลับแต่งอนุเข้ามาก่อน ในต้าฉีถือเป็นการตบหน้าภรรยา ชุยซื่อทำเช่นนี้เพราะหวังบีบสกุลหลี่ให้ปฏิเสธการแต่งงานนี้ไป แต่เดิมสกุลหลี่อยากกอดขาสกุลเซียวไว้ให้แน่นอยู่แล้ว ไหนเลยจะห่วงเรื่องหน้าตามากมายเพียงนั้น การแต่งงานจึงยืดเยื้อมาเรื่อยๆ เช่นนี้

จวบจนเซียวจวิ้นป่วยหนัก หมอหลวงพูดตรงๆ ว่าให้สกุลเซียวจัดเตรียมงานศพได้เลย พี่สาวของชุยซื่อรู้เข้าก็รีบจัดการหมั้นหมายจางซิ่วกับคนอื่น ชุยซื่อแม้จะไม่พอใจการกระทำของพี่สาว แต่ก็เกรงว่าหากบุตรชายตายไปจริงๆ จะเป็นการทำร้ายหลานสาวที่ต้องเป็นม่าย นางจึงดับความหวังนี้ไปและเห็นด้วยกับการแต่งบุตรสาวสายตรงของสกุลหลี่เข้าบ้าน ใช้ภรรยาเอกเสริมมงคล แต่วันนี้เห็นบุตรชายหายดีแล้ว นางกลับนึกชิงชังหลี่เมิ่งซี รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่คู่ควรกับบุตรชายตนแม้แต่น้อย แต่ที่นางไม่รู้ก็คือหากไม่ได้หลี่เมิ่งซี บางทีบุตรชายของนางอาจตายไปแล้วจริงๆ ทั้งยังลืมไปว่าพี่สาวของนางไม่ยอมให้จางซิ่วมาเสริมมงคล

Comments

comments

Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com