ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 4
ตามหลักแล้ว เซียวจวิ้นถูกพิษที่ออกฤทธิ์ช้า สูดกลิ่นหอมคืนเดียวเดิมทีก็ไม่ควรเป็นอะไร แต่แย่ตรงที่พิษของเซียวจวิ้นได้เข้าสู่กระดูกแล้ว หลี่เมิ่งซีถอนพิษให้เขาได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ยังต้องใช้เวลาอีกเดือนกว่าจึงจะกำจัดพิษได้หมดสิ้น แต่เมื่อคืนเขาถูกพิษแบบเดิมเข้าไปอีก จึงเหมือนคนที่เป็นโรคลมหนาว เวลาใกล้หายกลับถูกความเย็นจนกลับมาเป็นใหม่อีกครั้ง เมื่อโรคย้อนกลับมาอาการจะรุนแรงกว่าตอนแรก นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้หมอส่ายศีรษะ เขารู้สึกว่าอาการของเซียวจวิ้นร้ายแรงยิ่งกว่าสองสามวันก่อนเสียอีก ใจคิดว่าหมดทางรอดแน่แล้ว ควรเตรียมงานรอได้ แต่ถึงอย่างไรคนยิ่งแก่ยิ่งเจ้าเล่ห์ ม้ายิ่งแก่ยิ่งไม่ซื่อ คำพูดนี้หมอหลี่จึงไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ
เหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่เห็นหมอแสดงท่าทีเช่นนี้ หัวใจก็หนาวเยือกไปกว่าครึ่ง นายท่านใหญ่ฝืนใจถามว่า “ท่านหมอ อาการของจวิ้นเอ๋อร์ ร้ายแรงหรือไม่”
“ผู้น้อยความรู้ตื้นเขิน ตรวจหาสาเหตุโรคของคุณชายไม่พบจริงๆ ชีพจรแผ่วเหมือนเมื่อสองสามวันก่อน เพียงแต่วันนี้อาการหนักกว่า ผู้น้อยไร้ความสามารถจริงๆ นายท่านเชิญผู้มีความสามารถท่านอื่นมาดูเถอะขอรับ!” พูดจบก็ไม่รอให้นายท่านใหญ่รั้งตัวไว้ เก็บของเสร็จก็รีบร้อนเดินออกไปทันที ราวกับเกรงว่าหากช้าไปจะมีภูตผีไล่ตามหลังมาเสียอย่างนั้น
เหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่เห็นท่าทางของหมอแล้ว หัวใจทั้งสองพลันจมลงสู่ก้นเหว จวิ้นเอ๋อร์หมดทางเยียวยาแล้วจริงๆ หรือ สกุลเซียวของข้าจะไม่มีลูกหลานสายตรง การสืบทอดเชื้อสายจะขาดสะบั้นนับแต่นี้ไปจริงๆ หรือ
ที่แท้ประมุขคนก่อนของสกุลเซียว เซียวเหล่าไท่เหยียมีบุตรชายสองคน นายท่านใหญ่เซียวเฉินเกิดจากเหล่าไท่จวินซั่งกวนซื่อ นายท่านรองเซียวจื้อเกิดจากอนุ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหยางโจว เป็นขุนนางลำดับหลักขั้นสาม ชีวิตนี้นายท่านใหญ่มีเซียวจวิ้นเป็นบุตรชายสายตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น แม้นายท่านรองเองก็มีบุตรชายสายตรงเช่นกัน แต่นายท่านรองหาได้เกิดจากเหล่าไท่จวินไม่ นางจึงยอมรับเซียวจวิ้นเป็นหลานสายตรงเพียงคนเดียวเท่านั้น กำหนดตำแหน่งประมุขของสกุลให้เขาตั้งแต่เกิด ด้วยเป็นหลานสายตรงที่เกิดจากบุตรชายคนโต เหล่าไท่จวินจึงประคบประหงมเซียวจวิ้นยิ่งกว่าอะไร ตอนนี้เห็นหมอเอาแต่ส่ายหน้า ทำให้นางดูแก่ชราลงไปหลายปี ราวกับขาดหลักยึดเหนี่ยวทางจิตใจไป
นั่งเหม่ออยู่ตรงนั้นเนิ่นนานกว่าที่เหล่าไท่จวินจะเรียกสาวใช้เข้ามา สั่งให้ปรนนิบัติคุณชายรองให้ดี ก่อนจะไปที่ห้องโถงหลักกับนายท่านใหญ่
ทุกคนรออยู่ในห้องโถง แม้แต่เซียวอวิ้นที่ได้ยินว่าพี่รองป่วยก็รีบรุดมา
นายหญิงใหญ่ได้ยินนายท่านใหญ่เอ่ยทวนคำพูดของหมอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ลูกชายที่อาภัพของข้า! เมื่อวานหายดีแล้วมิใช่หรือ นายท่านใหญ่รีบคิดหาวิธีเถอะ จะปล่อยจวิ้นเอ๋อร์ทิ้งไว้เช่นนี้ไม่ได้ ไปขอร้องพระชายาจิ้งเฟยอีกครั้งเถอะ!”
หลี่เมิ่งซีเองก็ร้อนใจเช่นกัน นางรู้ว่าพิษนี้หากกำเริบขึ้นอีกครั้ง อาการจะหนักกว่าเก่า แต่ก็ไม่อาจบอกต่อหน้าทุกคนได้ว่าเซียวจวิ้นถูกพิษ แต่นางก็ต้องถอนพิษให้เขา ผ้าเช็ดหน้าในมือถูกนางบิดแล้วบิดอีก อยากก้าวออกไป แต่ก็รู้สึกเป็นการไม่เหมาะสม ดวงหน้าเล็กสะกดกลั้นอารมณ์จนแดงก่ำ ร้อนใจยิ่งนัก
เหล่าไท่จวินนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงนั้น ฟังคำพูดของนายหญิงใหญ่แล้ว จึงคิดถึงเรื่องแต่งงานเสริมมงคลขึ้นมาได้ สายตาเลื่อนไปยังหลี่เมิ่งซี เห็นอีกฝ่ายทำท่าร้อนใจเหมือนมีอะไรจะพูดจึงเอ่ยถาม “ซีเอ๋อร์ เป็นอะไรไป เจ้ามีอะไรหรือไม่”
หลี่เมิ่งซีก้าวเร็วๆ ขึ้นมา แล้วคุกเข่าลงกับพื้น “หลานไม่กล้าพูดเจ้าค่ะ เหล่าไท่จวินโปรดลงโทษด้วย คำพูดเหล่านี้หากหลานพูดออกไปเกรงว่าจะไม่งาม ไม่พูดก็เกรงว่าจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพของคุณชายรอง”
“พูดมา เรื่องอะไร!” เหล่าไท่จวินพอได้ยินว่าเกี่ยวกับสุขภาพของเซียวจวิ้นก็ผุดลุกขึ้นทันใด ท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมา ทุกคนต่างหันมามองอย่างพร้อมเพรียง
“หลาน หลาน…” หลี่เมิ่งซีอึกๆ อักๆ พูดไม่ออก
“เรื่องอะไรก็เจ้าพูดออกมาเถอะ ข้าไม่ตำหนิเจ้าหรอก!” เหล่าไท่จวินเห็นหลี่เมิ่งซีพูดไม่ออกก็ร้อนใจเข้าจริงๆ จึงขึ้นเสียงสูง
“เรื่องใดจะสำคัญไปกว่าร่างกายของจวิ้นเอ๋อร์ ลูกสะใภ้รีบพูดมาเถอะ!” นายท่านใหญ่ร้อนใจตามไปด้วยและออกคำสั่ง
“ก่อนหลานจะออกเรือน มารดาที่บ้านเดิมได้ยินมาว่าคุณชายรองป่วยจึงเคยให้หมอมาดูดวงชะตาของหลาน หมอดูบอกว่าคุณชายรองเปี่ยมด้วยบุญบารมี เรื่องร้ายต้องกลับกลายเป็นดีแน่ บอกมารดาว่าไม่ต้องกังวล เพียงแต่…เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร!” เหล่าไท่จวินกับนายท่านใหญ่ถามพร้อมกัน
“เพียงแต่ระหว่างการแต่งงานเสริมมงคล คุณชายรอง…คุณชายรองต้องพักอยู่ในเรือนกลางเป็นเวลาครึ่งเดือนเต็มเจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งซีพูดจบก็แนบศีรษะไปกับพื้น ใบหน้าของนางแดงปลั่ง
เวลาครึ่งเดือน น่าจะเพียงพอให้นางตรวจสอบและแก้ไขเรื่องทุกอย่างได้แล้วกระมัง
ยามนี้ทุกคนเห็นหลี่เมิ่งซีหน้าแดง ต่างก็ล้วนคิดว่านางเขินอาย ไหนเลยจะรู้ว่านางกำลังกลั้นหัวเราะและตื่นเต้น จังหวะที่เหล่าไท่จวินร้องเรียกนางนั้น ความคิดพลันบังเกิด ในที่สุดก็ทำให้นางคิดอุบายเหนือชั้นออกมาได้ หลี่เมิ่งซีลอบชมตนเองว่าช่างมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ จึงกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
ตามหลักแล้ว คำพูดนี้หากอยู่ในยุคปัจจุบันย่อมไม่มีใครเชื่อ แต่ความบังเอิญอยู่ที่ตอนหลี่เมิ่งซีเอ่ยคำพูดนี้ เซียวจวิ้นเป็นโรคที่รักษาไม่ได้จริงๆ อีกทั้งแม้แต่หมอหลวงยังจนปัญญา เขาป่วยด้วยอาการประหลาด ที่สำคัญที่สุดคือหลังแต่งงานเสริมมงคลแล้ว โรคของเซียวจวิ้นกลับหายดีอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อคืนบังเอิญด้วยเซียวจวิ้นไม่ได้อยู่ในเรือนของหลี่เมิ่งซี เขาจึงล้มป่วยอีกครั้งอย่างไร้สาเหตุ ครั้งนี้หมอไม่ได้จ่ายยาด้วยซ้ำก็จากไปแล้ว ตามหลักสกุลเซียวเป็นสกุลสูงศักดิ์ในต้าฉี แค่กระทืบเท้าเล็กน้อย เมืองผิงหยางก็สั่นสะเทือน แค่กระแอมไอ เมืองผิงหยางก็เป็นหวัด คนทั่วไปใครจะกล้าเสียมารยาทเช่นนี้ ทว่ากลับหมอทำเช่นนี้ บอกได้เพียงว่าเขาจนปัญญาแล้วจริงๆ เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้คนในห้องรวมถึงเหล่าไท่จวินและนายท่านใหญ่ต่างก็เชื่อคำพูดเหลวไหลของหลี่เมิ่งซี นี่เรียกว่าไท่กงตกปลา ผู้สมัครใจติดเบ็ดเอง
“เหลวไหล! ในเมื่อหมอดูเคยบอกไว้ว่าจวิ้นเอ๋อร์ต้องอยู่ในเรือนกลางครึ่งเดือน แล้วเหตุใดเมื่อคืนเจ้ายังปล่อยให้จวิ้นเอ๋อร์ไปที่เรือนหลี่อี๋เหนียงอีก นางคนแพศยา คิดจะฆ่าจวิ้นเอ๋อร์ให้ตายหรือไร!”
คนที่ไม่เชื่อคำพูดนี้ก็มีเหมือนกัน คนผู้นั้นก็คือนายหญิงใหญ่ชุยซื่อ นางคิดว่าเป็นเพราะหลี่เมิ่งซีมัดใจของจวิ้นเอ๋อร์เอาไว้ไม่ได้จึงได้ใช้อุบายนี้ อาศัยประโยชน์จากอาการป่วยของจวิ้นเอ๋อร์และความรักหลานของเหล่าไท่จวิน ใช้เรื่องราวลึกลับนี้มาผูกจวิ้นเอ๋อร์ให้อยู่ที่เรือนตน ในใจคิดว่า ตอนนี้จวิ้นเอ๋อร์เป็นตายยังไม่รู้ เจ้าเป็นภรรยาของเขา ไม่คิดว่าจะช่วยเขาอย่างไร ยังจะมาแก่งแย่งชิงดีในเวลานี้อีกหรือ นางรู้สึกชิงชังหลี่เมิ่งซีมากกว่าเดิม แต่นางก็ไม่อาจอธิบายอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวหายของจวิ้นเอ๋อร์ได้เช่นกัน จึงได้แต่คาดคั้นหลี่เมิ่งซีไปเช่นนี้ หวังให้นางหาเหตุผลมาชี้แจงไม่ได้ คำโกหกย่อมจะถูกเปิดโปงออกมาเอง