นอกจากหลี่อี๋เหนียงแล้ว อี๋เหนียงคนอื่นๆ ล้วนรออยู่ข้างนอก นางสั่งตั้งสำรับ แล้วให้อี๋เหนียงทั้งหลายปรนนิบัติกินอาหาร
“เช้าวันนี้พอเข้าไปในห้องของหลี่อี๋เหนียงก็มีกลิ่นหอมประหลาดโชยมาปะทะจมูก หอมมากทีเดียว เหมือนเคยได้กลิ่นจากที่ใดมาก่อน แต่ข้าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นหอมของอะไร” คิดถึงอำพันทะเลในห้องของหลี่อี๋เหนียงแล้ว หลี่เมิ่งซีกินอาหารพลางเอ่ยถามด้วยท่าทีราวกับไม่มีอะไร
“สะใภ้รองไม่รู้อะไร นั่นคืออำพันทะเลเจ้าค่ะ” หวังอี๋เหนียงคีบกับข้าวให้หลี่เมิ่งซีพลางพูด
“อ้อ ข้านึกออกแล้ว คืนวันแต่งงาน ในห้องหอก็จุดอำพันทะเลเช่นกัน ตอนนั้นได้ยินหงจูบอกว่าเป็นของที่พระชายาจิ้งเฟยในวังประทานให้ ข้านี่ความจำแย่นัก รู้สึกเพียงกลิ่นนี้หอม เหมือนว่าเคยได้กลิ่นที่ใดมาก่อน แต่พริบตาเดียวก็นึกไม่ออกเสียแล้ว” หลี่เมิ่งซีตบหน้าผากตนเอง
คนที่มาจากสกุลใหญ่แต่ละคนล้วนเฉลียวฉลาด หวังอี๋เหนียงได้ยินหลี่เมิ่งซีพูดเช่นนี้ ไหนเลยจะคิดตามไม่ได้ นายหญิงคนใหม่ผู้นี้มีหรือจะไม่รู้ว่าเครื่องหอมที่จุดอยู่ในห้องของหลี่อี๋เหนียงคืออะไร นางกำลังรอจังหวะกระมัง ของที่ทางวังหลวงประทานให้คุณชายรอง มีอย่างใดบ้างที่ฐานะอย่างอี๋เหนียงคู่ควรที่จะใช้
แม้ปกติหลี่อี๋เหนียงซึ่งเป็นคนโปรดจะไม่เคยทำดีกับหวังอี๋เหนียง แต่วันนี้เห็นนางถูกลงโทษอย่างหนัก ในใจหวังอี๋เหนียงก็อดสงสารไม่ได้ หลี่อี๋เหนียงยั่วยวนคุณชายรองให้ไปอยู่กับนางตั้งแต่คืนแรกที่สะใภ้รองแต่งเข้ามา แม้เป็นการหักหน้าสะใภ้รองก็จริง แต่เหล่าไท่จวินได้ลงโทษไปแล้ว ตอนนี้เห็นหลี่เมิ่งซียังจะจับผิดหลี่อี๋เหนียง ทำทีราวกับต้องการจะตีสุนัขตกน้ำ จึงลอบคิดในใจว่าสะใภ้รองผู้นี้ออกจะเจ้าคิดเจ้าแค้นและชั่วร้ายเกินไปหน่อย
ถึงอย่างไรหวังอี๋เหนียงก็เป็นคนจิตใจดี คิดถึงเหตุการณ์เช้าวันนี้ตอนอยู่ต่อหน้าเหล่าไท่จวิน คิดว่าสะใภ้รองใช้อุบายรั้งตัวคุณชายรองให้อยู่ที่เรือนกลางถึงครึ่งเดือนแล้ว ยามเผชิญหน้ากับนายหญิงเช่นนี้ หวังอี๋เหนียงที่เป็นอี๋เหนียงเหมือนกันย่อมอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกกระต่ายตายจิ้งจอกอาลัย นางจึงก้าวออกไปชี้แจงแทนหลี่อี๋เหนียง
“สะใภ้รองยังไม่รู้อะไร อำพันทะเลเป็นของประทานจากวังหลวง ตามหลักแล้วอี๋เหนียงไม่มีโอกาสได้ใช้ แต่คุณชายรองชอบกลิ่นหอมชนิดต่างๆ จนเป็นนิสัย โดยเฉพาะกลิ่นอำพันทะเล ตั้งแต่ทางวังหลวงประทานอำพันทะเลมาให้ เรือนแห่งนี้ก็มีข้อกำหนดที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรว่าคุณชายรองค้างที่ใดให้จุดอำพันทะเลที่นั่นตอนกลางคืนเจ้าค่ะ”
“อ้อ!” หลี่เมิ่งซีเข้าใจแล้วว่าใช้อำพันทะเลกับหงซินเจียวในช่วงเวลาเดียวกัน ทำไมจึงมีแต่เซียวจวิ้นเท่านั้นที่ถูกพิษ แต่หลี่อี๋เหนียงกลับไม่เป็นอะไร เซียวจวิ้นใช้เครื่องหอมต่อเนื่องทุกวัน สะสมมานานจนพิษเข้าสู่กระดูก หลี่อี๋เหนียงใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้น แม้จะถูกพิษเหมือนกัน แต่เป็นการถูกพิษเพียงเล็กน้อย ภายนอกยังคงดูไม่ออก นางไม่ใจดีพอจนถึงขั้นถอนพิษให้หลี่อี๋เหนียง ถึงอย่างไรถูกพิษแค่นี้ก็ไม่ได้ทำให้คนตาย เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมตัดหลี่อี๋เหนียงออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยไปได้ แล้วผู้วางยาพิษจะเป็นใครเล่า
หลี่เมิ่งซีขมวดคิ้วมุ่น กินอาหารไปพลางครุ่นคิดไปพลาง จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น นางเห็นแววดูแคลนในสายตาของจางอี๋เหนียงอย่างชัดเจน หลี่เมิ่งซีก้มหน้าอีกครั้ง กินอาหารเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อี๋เหนียงที่ไม่เจียมตัวพวกนี้ วันหน้าค่อยๆ จัดการแล้วกัน
หลี่เมิ่งซีกินอาหารโดยมีเหล่าอี๋เหนียงปรนนิบัติ บ้วนปากเสร็จก็โบกมือให้สาวใช้ยกอาหารออกไป บอกตามตรงนางไม่ชินสักนิดกับการมีอี๋เหนียงคอยปรนนิบัติเช่นนี้ แต่นี่เป็นธรรมเนียม นางเข้าใจดีว่าในคฤหาสน์หลังใหญ่เช่นนี้ จะทำตัวเป็นคนดีส่งเดชไม่ได้ เซียวจวิ้นไม่ชอบนาง วันนี้หากนางไม่ตั้งกฎเกณฑ์นี้ขึ้นมา พรุ่งนี้อี๋เหนียงเหล่านี้จะต้องปีนขึ้นมาถ่ายบนหัวนางแน่
ดังนั้นแม้การกินอาหารภายใต้สายตาของอี๋เหนียงทั้งหลายจะทำให้นางรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว แต่ภายนอกยังคงต้องกินอาหารมื้อนี้ไปอย่างสุขุม ใจคิดว่ารอไว้วันหน้ากำราบอี๋เหนียงเหล่านี้ได้เมื่อใด นางจะต้องยกเลิกธรรมเนียมนี้ไปเสีย!
(ตอนต่อไปพบกันวันที่ 21 มีนาคม)