ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 5
พอคิดว่าปกติเซียวจวิ้นฝึกฝนวรยุทธ์ เช่นนั้นเขาย่อมต้องรู้จักจุดชีพจรต่างๆ ในร่างกายมนุษย์เป็นอย่างดี เมื่อครู่นางพุ่งไปที่จุดหย่งเฉวียนโดยไม่ลังเล คุณหนูที่ไม่เคยย่างกรายออกจากเรือนจะรู้จักจุดชีพจรได้อย่างไร เซียวจวิ้นจะไม่ตกใจได้หรือ เดิมทีเขาก็ไม่ชอบหน้านางอยู่แล้ว นางทำเช่นนี้มิเท่ากับรนหาที่ตายหรือไร
หลี่เมิ่งซีตกใจจนเหงื่อเย็นหลั่งเต็มตัว ทำอย่างไรดี! หัวใจดวงน้อยของนางเต้นโครมคราม พลางขบคิดอย่างรวดเร็ว
มองประเมินอยู่นาน เซียวจวิ้นเห็นหลี่เมิ่งซีกดตำแหน่งที่ไม่ไกลจากจุดหย่งเฉวียนมากนักด้วยวิธีการเดียวกันอย่างสุขุม จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นงอนิ้วโป้งบนฝ่าเท้า ปลายนิ้วกดใต้ฝ่าเท้าเอาไว้ นิ้วที่เหลือทั้งสี่อยู่บนหลังเท้า ออกแรงกดแล้วคลาย วางนิ้วมือให้ราบและขยับไปข้างหน้าเล็กน้อย กดอีกที ขยับไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงราวกับไม่ได้ตระหนักถึงสายตาคมกริบระแวดระวังของเขาเลย
เซียวจวิ้นหลับตาลงช้าๆ อีกครั้ง ลอบคิดว่าที่แท้นางก็แค่บังเอิญกดถูกจุดชีพจรใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น เมื่อครู่ตอนที่ความเจ็บแปลบแผ่มาจากจุดหย่งเฉวียน เขาคิดจริงๆ ว่าหลี่เมิ่งซีรู้จุดชีพจรในร่างกายมนุษย์ ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกว่านางลึกล้ำยากจะคาดเดา แต่พอมองอีกครั้ง เห็นนางเพียงกำหนดจุดหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและบีบนวดฝ่าเท้าเป็นบริเวณกว้างอย่างจริงจัง ถึงได้ตระหนักว่าตัวเองคิดมากเกินไป ลอบตำหนิตนเองว่าป่วยสองเดือนแล้วกลายเป็นคนหวาดระแวง เห็นต้นหญ้าเป็นข้าศึก ไปเสียหมด นางเป็นเพียงสตรีอ่อนแออายุสิบสาม ปกติไม่ย่างเท้าออกจากประตูเรือน แล้วนางจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร บิดานางก็เป็นเพียงคหบดีที่ร่ำรวยจากการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเท่านั้น จะอบรมสั่งสอนบุตรสาวออกมาได้ดีสักเพียงใดกัน
หลี่เมิ่งซีเห็นเซียวจวิ้นคลายความระแวดระวังและหลับตาลงอีกครั้ง นางจึงพรูลมหายใจยาวในใจ เสื้อผ้าตรงแผ่นหลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ฝ่ามือก็ชื้นไปด้วยเหงื่อ นางยื่นมือไปหยิบผ้าเช็ดหน้าด้านข้างมาเช็ดมือ ก่อนจะบีบนวดต่อ
นางกดฝ่าเท้าของเซียวจวิ้นแล้วบีบ บีบเสร็จแล้วดัน ดันเสร็จแล้วนวด เพียงแต่จะสัมผัสถูกจุดชีพจรจุดหนึ่งใต้ฝ่าเท้าเป็นครั้งคราวเท่านั้น จากนั้นก็ออกแรงมากขึ้น เซียวจวิ้นก็คิดว่าหลี่เมิ่งซีสัมผัสถูกจุดชีพจรโดยบังเอิญเท่านั้น การนวดเป็นวงกว้างเช่นนี้จะไม่โดนจุดชีพจรเลยได้อย่างไร ถึงอย่างไรฝ่าเท้าก็ยังชาอยู่เล็กน้อย เขาไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าเวลาที่หลี่เมิ่งซีแตะถูกจุดชีพจรจะออกแรงมากขึ้นราวกับไม่ได้ตั้งใจ แต่อันที่จริงเป็นวิธีการนวดขั้นสูง สุดท้ายหลี่เมิ่งซีจึงหมุนนิ้วเท้ากับฝ่าเท้าของเซียวจวิ้นอย่างสม่ำเสมอจากวงเล็กเป็นวงใหญ่จากเร็วเป็นช้า แล้วเปลี่ยนจากวงใหญ่เป็นวงเล็กจากช้าเป็นเร็ว หมุนวนสลับไปมา ขั้นตอนทั้งหมดไหลลื่นไม่ติดขัด คล่องแคล่วเชี่ยวชาญ
เซียวจวิ้นมีความสุขกับการบีบนวดของหลี่เมิ่งซีมาก ความรู้สึกผ่อนคลาย จั๊กจี้ และสบายตัวถ่ายทอดจากฝ่าเท้าไปยังน่อง ก่อนจะไปถึงต้นขา เซียวจวิ้นสบายตัวจนอยากจะส่งเสียงออกมา ไยเขาจึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าการนวดฝ่าเท้าจะทำให้คนรู้สึกสบายได้เช่นนี้ วันหน้าจะต้องให้หลี่อี๋เหนียงนวดให้ตนทุกวัน เขาไม่มีทางคิดแน่ว่าหลี่อี๋เหนียงจะนวดได้สบายเช่นนี้ได้หรือไม่ เพียงแต่คาดเดาเอาว่าเป็นการบีบนวดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ใครๆ ก็ทำได้
เมื่อคิดถึงหลี่อี๋เหนียง ก็ย่อมคิดถึงเรื่องที่นางถูกตบปากเมื่อเช้า เขาจึงอดรู้สึกปวดใจมิได้ ไม่รู้ว่ายามนี้นางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ด้วยเซียวจวิ้นยังไม่รู้ว่าหลี่อี๋เหนียงถูกขังอยู่ เขาจึงอยากสั่งหงอวี้ให้เอายาไปให้หลี่อี๋เหนียง ดูว่านางเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นจึงร้องเรียก “หงอวี้”
“คุณชายรอง มีอะไรหรือเจ้าคะ” หลี่เมิ่งซีกับหงอวี้ถามขึ้นพร้อมกัน
เซียวจวิ้นได้ยินเสียงของหลี่เมิ่งซีก็นึกขึ้นได้ว่านางยังอยู่ข้างกายเขา ขณะสัมผัสถึงความรู้สึกสบายที่ส่งมาจากฝ่าเท้า ให้อย่างไรก็พูดไม่ออกว่าให้หงอวี้ไปดูอาการของหลี่อี๋เหนียงและเอายาไปให้นาง ดังนั้นจึงเปลี่ยนคำพูดเป็น “รินน้ำชาให้ข้า”
“เจ้าค่ะ” หงอวี้รับคำและออกไป
ฟังจากน้ำเสียงเขาเมื่อครู่นี้คล้ายมีเรื่องเร่งด่วนอะไร ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการดื่มชาแน่ แต่พอเหลือบมองมาที่ตนกลับเปลี่ยนคำพูด มองปราดเดียวก็รู้ว่าระแวงตนอยู่ เขามีเรื่องอะไรปิดบังกันแน่นะ เมื่อครู่นี้เขาจะพูดอะไร หลี่เมิ่งซีขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าบีบนวดอย่างจริงจังอีกครั้ง
นวดเท้าเสร็จก็ลุกขึ้นห่มผ้าให้เซียวจวิ้น “คุณชายรองรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง แล้วหิวหรือไม่ ข้าภรรยาจะไปทำโจ๊กมาให้”
“นวดไปนวดมาก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วจริงๆ ทำขนมกับโจ๊กแบบเมื่อวานแล้วกัน” พูดถึงเรื่องกิน เซียวจวิ้นก็คิดถึงอาหารค่ำของเมื่อวาน รสชาติดีจริงๆ อดน้ำลายสอไม่ได้เลย
“คุณชายรองดูกระปรี้กระเปร่ากว่าตอนเช้ามาก ข้าภรรยาส่งคนไปเรียนเหล่าไท่จวินดีหรือไม่เจ้าคะ” หลี่เมิ่งซีถาม
“ส่งคนไปแจ้งข่าวเถอะ บอกเหล่าไท่จวินว่าไม่ต้องเป็นห่วงและไม่ต้องมาเยี่ยมแล้ว รอให้ข้าดีขึ้นกว่านี้จะไปคารวะท่านด้วยตนเอง ข้าไม่ได้ไปคารวะท่านย่านานแล้ว” เซียวจวิ้นลุกขึ้นนั่ง พลางรับน้ำชาจากมือหงอวี้และพูด
กินอาหารกลางวันเสร็จ เซียวจวิ้นก็หลับไปอีกครั้ง