ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดหญิงเทพสมุนไพร เล่ม 1 ตอนที่ 5
หลี่เมิ่งซีไม่มีอะไรทำจึงคิดถึงเรื่องหงซินเจียวขึ้นมา หงซินเจียวที่อยู่ในห้องหอเมื่อวาน นางสั่งให้คนย้ายไปที่สวนดอกไม้ด้านหลังแล้ว แต่ในห้องของหลี่อี๋เหนียงยังมีหงซินเจียวอยู่ ในเมื่อผู้วางยาพิษไม่ใช่หลี่อี๋เหนียง เช่นนั้นย่อมเป็นไปได้ว่าผู้วางยาพิษจะมอบหงซินเจียวให้อนุทั้งหลายของเซียวจวิ้น ที่เรือนหลังมีหงซินเจียวกี่ต้นกันแน่ สมควรไปดูสักหน่อยแล้ว
หลี่เมิ่งซีให้หงจูประคอง นางพาสาวใช้รุ่นเล็กสองคนมาด้วย เดินไปตรงกลางของลานเรือน แต่งเข้าคฤหาสน์สกุลเซียวสองวันแล้ว นางมัวแต่ยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติเซียวจวิ้น จึงยังไม่ได้สำรวจเรือนหลังนี้อย่างละเอียดเสียที นี่จะเป็นสถานที่ที่นางอาศัยอยู่ระยะยาวนับจากนี้ไป ต้องสำรวจสภาพแวดล้อมให้ชัดเจนเสียก่อน
กวาดตามองเรือนทั้งหลังแล้ว หลังจากเข้าประตูใหญ่มา ด้านซ้ายจะเป็นห้องข้างประตู ผ่านห้องข้างประตูมาเลี้ยวซ้ายเป็นห้องหนังสือในของเซียวจวิ้น หันไปทางทิศเหนือ ทิศเหนือของเรือนชั้นนอกมีประตูโค้ง ตรงประตูโค้งจะมีประตูหลัก ทอดสู่ลานกลางซึ่งก็คือเรือนที่นางอาศัยอยู่ กลางลานเป็นบ่อเลี้ยงปลา รอบๆ เป็นกระถางดอกไม้ มีดอกทับทิม ดอกยี่โถ และดอกไม้สีสันต่างๆ แย่งกันผลิบานอวดความงาม ส่งกลิ่นหอมเข้มข้นออกมาเป็นระลอก ด้านซ้ายขวามีเรือนปีกข้างฝั่งละสามห้อง เรือนกลางตรงหน้าก็มีสามห้องเหมือนกัน สองฝั่งซ้ายขวามีห้องเล็กด้านข้าง หลี่เมิ่งซีเพิ่งสังเกตเห็นว่าด้านบนของเรือนกลางมีแผ่นป้ายขนาดใหญ่แขวนอยู่ เขียนว่า ‘เรือนเซียวเซียง’
เรือนหลังนี้ชื่อเรือนเซียวเซียง? หลี่เมิ่งซีอึ้งไป ก่อนจะถือโอกาสถาม “ข้างหลังเป็นป่าไผ่หรือ”
หงจูมองสะใภ้รองและตอบ “ไม่มีเจ้าค่ะ ไยสะใภ้รองจึงคิดถึงต้นไผ่เล่าเจ้าคะ ตอนเหนืออากาศแห้งแล้ง ไม่เหมือนกับตอนใต้ ไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นไผ่หรอกเจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งซียิ้ม ให้หงจูประคองเดินไปยังประตูห้องเล็กฝั่งขวา
นางเห็นคำว่า ‘เรือนเซียวเซียง’ แล้วก็คิดถึงวรรณกรรมเรื่อง ‘ความฝันในหอแดง’ ที่เคยอ่านเมื่อชาติก่อน สถานที่ที่หลินไต้อวี้อาศัยอยู่ได้ชื่อว่า ‘หอเซียวเซียง’ เพราะมีป่าไผ่สีเขียวอยู่ แต่เซียวจวิ้นแซ่เซียว หากเขาจะตั้งชื่อเรือนตนเองว่า ‘เรือนเซียวเซียง’ ก็เป็นเรื่องปกติ ไฉนนางจึงคิดเชื่อมโยงไปถึงหลินไต้อวี้เสียได้ นางยังไม่อยากกลายเป็นบุคคลอาภัพเช่นนั้น หลี่เมิ่งซีส่ายหน้า ลอบหัวเราะในความฟุ้งซ่านของตัวเอง
ห้องเล็กฝั่งขวามีลานขนาดเล็ก มีประตูบานหนึ่งเชื่อมต่อกับเรือนชั้นใน หลี่เมิ่งซีให้หงจูประคองก้าวเข้าไปในลาน ภายในเป็นสวนดอกไม้ที่มีต้นไม้ใบหญ้า ประดับตกแต่งด้วยภูเขาจำลองและไม้กระถาง ชวนให้หลี่เมิ่งซีรู้สึกถึงป่าไม้อันเงียบสงบ ร่มรื่นด้วยแมกไม้และบุปผา หงซินเจียวที่ถูกย้ายออกมาจากห้องนอนของเซียวจวิ้นถูกตั้งอยู่บนชั้นวางอย่างเดียวดายแล้ว นางเดินเข้าไปช้าๆ ยืนอยู่ตรงหน้าชื่นชมหงซินเจียวอย่างละเอียด
ในใจชื่นชมความเป็นเลิศของพืชชนิดนี้ ไม่มีดอกแต่กลับงามเฉิดฉัน ผลิความงดงามออกมา แผ่กลิ่นหอมประหลาดที่คงอยู่เนิ่นนาน คิดแล้วจึงท่องกลอนบทหนึ่ง “กำแพงหญ้าเขียวล้อมลานตะไคร่ แสงแดดทอใบกล้วยงอม้วน”
“บทกลอนของสะใภ้รองไพเราะยิ่งนักเจ้าค่ะ” หงจูไม่พลาดโอกาสในการประจบผู้เป็นนาย
“เหตุใดดอกไม้บนชั้นวางจึงน้อยเช่นนี้”
“สะใภ้รองไม่รู้อะไร พอย่างเข้าฤดูร้อนดอกไม้นับร้อยบานสะพรั่ง เนื่องจากคุณชายรองชอบ ดอกไม้ส่วนใหญ่จึงถูกย้ายไปที่เรือนหน้าเจ้าค่ะ”
“น่าเสียดาย ดอกไม้ชนิดนี้งดงามถึงเพียงนี้ กลับต้องอยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง หากได้อยู่ท่ามกลางมวลหมู่บุปผาจะดีสักเพียงใด” หลี่เมิ่งซีจับจ้องหงซินเจียวที่งดงามล้ำเลิศ ใบหน้าฉายความเสียดายและความรู้สึกทอดถอนใจไม่สิ้นสุดออกมา
หงจูเห็นสีหน้าของหลี่เมิ่งซีแล้วอดพูดไม่ได้ “สะใภ้รอง หงซินเจียวนี้ยังมีอยู่ในเรือนของหลี่อี๋เหนียงกับจางอี๋เหนียงอีกสองกระถางเจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งซีหันไปมองหงจูทันที หงจูลอบโมโหตนเองที่ปากมาก ใช้มือปิดปากไว้
หลี่เมิ่งซีหันกลับมา ถามคล้ายไม่ใส่ใจ “ในเรือนของอี๋เหนียงทั้งสองมีหงซินเจียวได้เช่นไร ข้าได้ยินมาว่าหงซินเจียวเป็นพืชประหลาดจากแคว้นหนาน หาได้ยากในต้าฉี”
“หงซินเจียวหายากจริงๆ เจ้าค่ะ ฤดูหนาวปีก่อนพี่ชายของจางอี๋ไท่กลับจากแคว้นหนานมาเยี่ยมญาติและนำมาด้วย มีทั้งหมดสามกระถาง ตอนนั้นมอบให้เหล่าไท่จวินกับนายหญิงใหญ่คนละกระถาง จางอี๋ไท่เก็บไว้หนึ่งกระถาง เนื่องจากคุณชายรองชอบกลิ่นหอมแปลกๆ มาแต่กำเนิด กระถางที่อยู่กับเหล่าไท่จวินจึงถูกมอบให้คุณชายรอง ภายหลังเนื่องจากต้านทานการรบเร้าของหลี่อี๋เหนียงไม่ได้ คุณชายรองจึงขอกระถางที่อยู่กับนายหญิงใหญ่มาด้วย ตั้งอยู่ในเรือนของหลี่อี๋เหนียง จางอี๋ไท่เมื่อได้ยินว่าคุณชายรองชอบดอกไม้ชนิดนี้เป็นพิเศษ อีกทั้งปกติรักใคร่จางอี๋เหนียงกับหลี่อี๋เหนียงเป็นที่สุด จึงมอบกระถางที่อยู่ในเรือนของตนให้จางอี๋เหนียงเจ้าค่ะ” หงจูตอบ
“จางอี๋ไท่?” หลี่เมิ่งซีมองหงจูด้วยสายตาตั้งคำถาม
“สะใภ้รองเพิ่งเข้ามาอาจยังไม่คุ้นเคย จางอี๋ไท่เป็นอี๋ไท่คนที่สองของนายท่านใหญ่ มารดาบังเกิดเกล้าของคุณชายสาม สะใภ้รองไม่รู้อะไร ในบรรดาอี๋ไท่ทั้งสามนี้ จางอี๋ไท่เป็นคนที่ได้รับความรักใคร่เอ็นดูมากที่สุด ไม่เพียงรูปโฉมงดงาม นิสัยยังสุภาพด้วย ปกติพูดน้อย ทั้งยังดีกับอี๋เหนียงทั้งหลายของคุณชายรองมาก ไม่เหมือนนายหญิงใหญ่กับอี๋ไท่คนอื่นๆ ที่วางตัวหยิ่งยโส คนในเรือนของเราปกติก็ชอบจางอี๋ไท่มากที่สุดเจ้าค่ะ” หงจูเห็นสะใภ้รองเหมือนจะไม่รู้ฐานะของจางอี๋ไท่จึงรีบแนะนำ
หลี่เมิ่งซีฟังแล้ว ตรงหน้าก็ผุดแววร้ายกาจในดวงตาของจางอี๋ไท่ตอนนางยกน้ำชาเมื่อวาน สตรีนิสัยสุภาพผู้หนึ่งจะมีสายตาเช่นนั้นได้อย่างไร นางจงใจคบหากับอี๋เหนียงและข้ารับใช้ของเซียวจวิ้นเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเจตนาแอบแฝงกระมัง!
“คุณชายสามอายุเท่าไรแล้ว”
“คุณชายสามปีนี้อายุสิบหกเจ้าค่ะ เนื่องจากนายท่านใหญ่ชอบจางอี๋ไท่ ปกติจึงไม่ค่อยบังคับอันใดกับคุณชายสาม คุณชายสามติดเล่นมาตั้งแต่เด็ก เกลียดการอ่านตำราเป็นที่สุด เข้าสอบเซียงซื่อ ถึงสองครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เป็นแม้กระทั่งจวี่เหริน”
หลี่เมิ่งซีขบคิดอย่างรวดเร็ว หรือว่าคนที่ลอบทำร้ายเซียวจวิ้นจะเป็นจางอี๋ไท่ แต่นางทำไปเพื่อสิ่งใดเล่า
ใช่แล้ว ตอนนั้นจางอี๋ไท่ไม่ได้มอบหงซินเจียวให้เซียวจวิ้นโดยตรง หรือนี่จะเป็นเพียงความบังเอิญ