เห็นเซียวจวิ้นหน้าบึ้ง หลี่เมิ่งซีก็รู้ว่าเขาเข้าใจผิด เมื่อวานนางมัวแต่คิดเรื่องหงซินเจียวจึงลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ ทว่าตอนนี้ก็ไม่อาจชี้แจงอันใดได้ ยิ่งพูดยิ่งฟังดูแย่ เห็นเซียวจวิ้นตีหน้าถมึงทึงมองนางโดยไม่พูดไม่จา นางจึงได้แต่เอ่ยปากด้วยความจนใจ “ในเมื่อคุณชายรองไม่เป็นอะไรแล้ว คิดว่าเหล่าไท่จวินคงหายโกรธแล้วกระมัง ข้าภรรยาจะส่งคนไปขอร้องเหล่าไท่จวินให้ปล่อยตัวนางออกมาพักฟื้นเร็วหน่อย” พูดพลางเหลือบมองหงจูแวบหนึ่ง
หงจูเข้าใจทันที รีบพูดต่อ “บ่าวจะไปเรียนเหล่าไท่จวินเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“อืม” เห็นหลี่เมิ่งซีไม่ชี้แจงออกมาสักคำ แต่กลับจัดการทันที ราวกับทำเช่นนี้เพื่อไว้หน้าเขาเท่านั้น เซียวจวิ้นก็ยิ่งปักใจเชื่อว่านางจงใจ ในใจจึงยิ่งดูแคลนนางกว่าเดิม เขารับคำเสียงเรียบและนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น
จางอี๋เหนียงที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นทั้งสองเกิดความขัดแย้ง ในใจก็ดีใจจนเหมือนมีดอกไม้ผลิบาน ลอบคิดว่าโอกาสของตนมาถึงแล้ว
ที่แท้เมื่อวานจางอี๋เหนียงก็ได้ยินสาวใช้เสี่ยวเชี่ยนมารายงานแล้ว ในใจจึงแค้นนัก ทักทายบรรพบุรุษของสะใภ้รองผู้นี้จนครบทุกคน สะใภ้รองผู้นี้ช่างเป็นเจ้านายที่ร้ายกาจโดยแท้ เดิมทีก็เกลียดนางอยู่แล้ว เพียงเพราะคุณชายรองไปค้างคืนกับหลี่อี๋เหนียง นางก็หาวิธีผูกมัดคุณชายรองไว้ในเรือนกลางนานถึงครึ่งเดือน เวลาเจ็ดวันแต่เดิมก็ถูกนางเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัวในชั่วเวลาสั้นๆ ลำบากอี๋เหนียงทั้งหลายอย่างพวกตนยิ่งนัก ดีไม่ดีในช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ สะใภ้รองผู้นี้อาจจะไม่ให้พวกนางได้พบหน้าคุณชายรองเลยด้วยซ้ำ เฉกเช่นเมื่อวานตอนบ่าย
นางไม่เชื่อคำพูดบ้าๆ ของหมอดูหรอก ยิ่งไม่เชื่อว่าสะใภ้รองเป็นคนมีบุญ หากจะกล่าวถึงคนมีบุญ ต้องเป็นนางจางเยี่ยนต่างหากเล่า จะเป็นสะใภ้รองที่เพิ่งแต่งเข้ามาได้อย่างไร จางอี๋เหนียงปักใจเชื่อว่านี่เป็นหนทางในการแย่งชิงความรักของหลี่เมิ่งซี
คุณชายรองชอบกลิ่นหอมประหลาดมาแต่กำเนิด โดยเฉพาะกลิ่นหอมของหงซินเจียว เพื่อหงซินเจียวกระถางนี้ นางต้องทุ่มเทความคิดไปประจบเอาใจจางอี๋ไท่ไม่น้อย ตั้งแต่ได้หงซินเจียวกระถางนี้มา คุณชายรองก็มาเรือนนางบ่อยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับๆ ดูแล้วหนึ่งปีที่ผ่านมา คุณชายรองก็แทบจะไม่ได้ไปหาอี๋เหนียงใหญ่เลย ตอนนี้หลี่เมิ่งซีพูดคำเดียวก็จะแย่งเอาหงซินเจียวกระถางนี้ไป นางกลับได้แต่เคียดแค้นอยู่ในใจ
หงซินเจียวนี้มีเพียงเรือนของนางกับหลี่อี๋เหนียงเท่านั้นที่มี คิดจะปรึกษากับหลี่อี๋เหนียงเพื่อคิดหาวิธีรับมือ ตอนนี้หลี่อี๋เหนียงก็ยังถูกขังอยู่ สาวใช้ยกดอกไม้ไปนานแล้ว หากคิดจะไปร้องไห้โอดครวญกับคุณชายรองก็มีคำสั่งของนายท่านใหญ่อยู่ ประตูเรือนกลางยังเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ หวังอี๋เหนียงเองก็อยากให้หงซินเจียวในเรือนนางหายไปใจจะขาด ส่วนเฉินอี๋เหนียงก็มีท่าทางเหม่อลอยโง่งมทั้งวัน ไม่อาจช่วยนางคิดหาวิธีรับมือสะใภ้รองได้
แต่บัดนี้ในที่สุดสวรรค์ก็ให้โอกาสนาง ควรเป็นทีของนางบ้างแล้ว ขณะเค้นสมองขบคิดว่าทำอย่างไรถึงจะได้เจอคุณชายรอง วันนี้เขากลับออกมาพบพวกนางเป็นเพื่อนสะใภ้รองเอง นางครุ่นคิดอยู่ตลอดว่าจะบอกเรื่องนี้ให้คุณชายรองทราบอย่างไร ครั้นเห็นคุณชายรองโกรธสะใภ้รองก็รู้ว่าโอกาสของตนมาถึงแล้วในที่สุด
จางอี๋เหนียงกำลังเดิมพัน นางเดิมพันว่าคุณชายรองไม่รู้เรื่องที่สะใภ้รองบังคับเอาหงซินเจียวไปจากนางและหลี่อี๋เหนียง หากรู้เข้าเขาจะต้องโกรธจัดเป็นแน่ ดังนั้นจึงก้าวขึ้นไปคารวะสะใภ้รอง แล้วพูดอย่างเคารพนบนอบ “สะใภ้รอง อนุทำตามคำสั่งของท่าน ย้ายหงซินเจียวกระถางที่อยู่ในเรือนของอนุออกมาแล้ว เพียงแต่อนุคิดว่าหงซินเจียวนี้มีกลิ่นหอมหวน คุณชายรองชอบมากทีเดียว ตั้งวางไว้ในสวนดอกไม้ออกจะน่าเสียดาย มิสู้นำไปวางในห้องของสะใภ้รอง คุณชายรองย่อมได้เห็นและได้กลิ่นบ่อยๆ จะเจริญตาเจริญใจมากกว่า”
ฟังคำพูดนี้ของจางอี๋เหนียงแล้ว เซียวจวิ้นก็หันไปมองหลี่เมิ่งซี ตาหงส์ฉายแววเย็นเยียบออกมา
จางอี๋เหนียงเห็นเข้าก็ลอบคิดในใจ สำเร็จ! นางรู้สึกยินดียิ่งนัก
หลี่เมิ่งซีฟังคำพูดของจางอี๋เหนียงแล้วก็คิดในใจ นางไม่ยอมแพ้นี่ เห็นทีอี๋เหนียงพวกนี้แต่ละคนล้วนมิใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน
รู้สึกถึงประกายเย็นชาจากสายตาของเซียวจวิ้น หลี่เมิ่งซีพลันโมโหลอบสบถในใจ ข้าทำเช่นนี้มิใช่เพื่อถอนพิษให้คนปัญญาอ่อนไม่รู้จักแยกแยะอย่างเจ้ารึ เจ้าไม่สำนึกในบุญคุณก็แล้วไปเถอะ ยังจะมาชักสีหน้าใส่ข้าอีก เจ้าคนสารเลว! น่าโมโหชะมัด!