นางอยากคว้าตัวสารเลวที่ถูกคนปองร้ายแล้วยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวเข้ามากระทืบให้แบน แบนแล้วก็ปั้นเป็นก้อนกลม แล้วเตะออกไปให้เหมือนลูกบอลเสียเหลือเกิน!
หลี่เมิ่งซีสงบสติอารมณ์ สบตากับเซียวจวิ้นและเอ่ยอย่างสุขุมเยือกเย็น “เมื่อวานข้าภรรยาเดินผ่านสวนดอกไม้ ใจลอบอุทานว่าดอกไม้ชนิดนี้ช่างงดงามเฉิดฉัน ยิ่งชื่นชอบกลิ่นหอมประหลาดที่คงอยู่นาน น่าเสียดายที่มีเพียงต้นเดียว ได้ยินสาวใช้บอกว่าที่เรือนของจางอี๋เหนียงกับหลี่อี๋เหนียงยังมีอีกสองกระถาง ดังนั้นจึงคิดว่าหากสามารถย้ายมาอยู่ด้วยกันได้ กลายเป็นหมู่มวลบุปผา สามารถไปชื่นชมได้บ่อยๆ จะดีสักเพียงใด ด้วยเหตุนี้จึงสั่งให้อี๋เหนียงทั้งสองย้ายหงซินเจียวเข้าไปในเรือนด้านหลัง เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนย่อมสามารถชื่นชมได้”
เซียวจวิ้นฟังคำพูดนี้แล้วคิดในใจ หมู่มวลบุปผาอะไรกัน เห็นชัดเจนว่ากลัวอี๋เหนียงจะใช้ดอกไม้ล่อเขาไปหามากกว่า เป็นการแย่งของรักของผู้อื่นชัดๆ คิดถึงเสียงเล่าลือของชาวบ้านร้านตลาดที่ว่าบุตรสาวสายตรงสกุลหลี่ร้ายกาจเอาแต่ใจ เห็นทีจะไม่ผิดจริงๆ เขาเกือบถูกความอ่อนโยนเสแสร้งของนางหลอกลวงจนตกหลุมพรางนางเสียแล้ว คิดถึงตรงนี้เซียวจวิ้นก็ตบโต๊ะ ทำให้บรรดาสาวใช้กับบ่าวหญิงทั้งหลายตกใจคุกเข่า
เซียวจวิ้นหันกลับไป แต่เขาไม่ได้มองหลี่เมิ่งซีอีก เพียงมองจางอี๋เหนียงและเอ่ยว่า “กลิ่นหอมประหลาดของหงซินเจียวไม่มีสิ่งใดเทียบได้ ทั้งหายากในต้าฉี จะเทียบกับดอกไม้ใบหญ้าทั่วไปพวกนั้นได้อย่างไร ในคฤหาสน์ก็มีอยู่เพียงสามต้นเท่านั้น ตั้งวางอยู่ในเรือนต่างๆ ข้าเองก็ได้เห็นบ่อยๆ หากสะใภ้รองชอบหมู่มวลบุปผาจริง พรุ่งนี้ก็สั่งให้คนปลูกดอกไม้ให้เต็มสวนเลยแล้วกัน จางอี๋เหนียง เจ้าย้ายหงซินเจียวกระถางนั้นกลับเรือนไปเถอะ!”
จางอี๋เหนียงเห็นสะใภ้รองผิดหวัง หัวใจพลันลิงโลด ฝืนข่มความยินดีไว้ในใจและคุกเข่ากับพื้นอย่างหวาดหวั่น
“อนุขอบคุณคุณชายรองที่เมตตา เพียงแต่…เพียงแต่ ในเมื่อสะใภ้รองชอบ ยังคงย้ายมาดีกว่าเจ้าค่ะ หนึ่งสะใภ้รองจะได้เบิกบานใจ สองย้ายดอกไม้มาคุณชายรองอยู่ในห้องของสะใภ้รองย่อมได้เห็นทุกวัน”
“ไม่ว่าดอกไม้นี้จะอยู่ที่ใด ข้าอยากเห็นย่อมได้เห็นทุกวัน แค่ไม่กี่วันก็คิดแต่จะประจบเอาใจสะใภ้รองของพวกเจ้าแล้วรึ”
“คุณชายรองโปรดบรรเทาโทสะด้วย อนุผิดเอง ใคร่ครวญไม่รอบคอบ อนุคิดแค่เพียงว่าสะใภ้รองดีใจแล้ว คุณชายรองย่อมดีใจตามไปด้วย” จางอี๋เหนียงโขกศีรษะด้วยท่าทางหวาดหวั่นกว่าเดิม
หลี่เมิ่งซีมองทั้งสองโต้ตอบกันไปมาราวกับกำลังดูละคร ความเหนื่อยล้าผุดขึ้นในใจอย่างไร้สาเหตุ อยากปล่อยมือแต่เพียงเท่านี้จริงๆ การตายของเซียวจวิ้นไม่เกี่ยวอะไรกับนางอีกต่อไป ปล่อยให้เขาตายอยู่ในเรือนอี๋เหนียงก็แล้วกัน ดังที่กล่าวว่า…ตายใต้ดอกโบตั๋น ถึงเป็นผีก็งดงามมิใช่หรือ
นางอยากลุกขึ้นเดินหนีไปเสีย แต่เมื่อเงยหน้าเห็นใบหน้าคมคายกระชากวิญญาณของเขาแล้ว นางก็อดลอบถอนหายใจไม่ได้ ปล่อยให้เขาตายอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวภายใต้การแย่งชิงตำแหน่งประมุขเช่นนี้ ออกจะน่าเสียดายเกินไปหน่อย
ช่างเถอะ นางเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อนดวงหนึ่งเท่านั้น ช้าเร็วก็ต้องไปจากที่นี่ ถือเป็นการตอบแทนที่สกุลเซียวยอมรับนางไว้ก็แล้วกัน คิดแล้วจึงลุกขึ้นพูดอย่างสุขุม “คุณชายรองกล่าวถูกต้อง ข้าภรรยาไม่ดีเอง ใคร่ครวญไม่รอบคอบ เดิมทีเรื่องภายในเรือนอยู่ในความรับผิดชอบของข้าภรรยาอยู่แล้ว บัดนี้กลับต้องให้คุณชายรองเป็นกังวล คุณชายรองต้องจัดการงานใหญ่ในคฤหาสน์แล้วยังต้องกลุ้มใจกับเรื่องภายในเรือนอีก ข้าภรรยาจะไปเรียนเหล่าไท่จวินเดี๋ยวนี้ ขอรับการลงโทษเองเจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งซีพูดพลางย่อกายให้เซียวจวิ้น นางหมุนตัวและให้หงซิ่งประคอง ทำท่าจะเดินออกไป
“สะใภ้รองอย่าโกรธเลยเจ้าค่ะ อนุไม่ดีเอง อนุย้ายดอกไม้เข้าไปในสวนดอกไม้แล้ว ไม่ย้ายกลับไปหรอกเจ้าค่ะ สะใภ้รองโปรดอย่าไปรายงานเหล่าไท่จวินเลยนะเจ้าคะ” จางอี๋เหนียงคลานเข่าไปแทบเท้าหลี่เมิ่งซี กอดขานางพลางอ้อนวอน
เรียนเหล่าไท่จวิน? ล้อเล่นแล้วหรือ! เหล่าไท่จวินเกลียดที่สุดคืออี๋เหนียงทั้งหลายใช้มารยาอุบายดึงหลานชายนางไปที่เรือน โดยเฉพาะเมื่อวานนายท่านใหญ่เพิ่งมีคำสั่งว่าใครกล้าล่อลวงคุณชายรองไปที่เรือนของตนจะถูกขับออกจากคฤหาสน์ทันที เวลาเช่นนี้ หากเหล่าไท่จวินรู้เรื่องนี้เข้าจะต้องบันดาลโทสะแน่!