แม้จะบอกว่าไปขอรับการลงโทษด้วยตนเอง แต่คนปัญญาอ่อนก็ยังรู้ว่านางจะไปฟ้อง เหล่าไท่จวินหรือจะลงโทษนาง ย่อมไม่มีทางอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รอพวกนางเหล่าอี๋เหนียงอยู่ สถานเบาคือตบตีรอบหนึ่ง สถานหนักคือขับออกจากคฤหาสน์สกุลเซียว
สะใภ้รองกำลังผลักนางไปตาย นางหลงกลอีกฝ่ายได้อย่างไรนะ! ยามนี้จางอี๋เหนียงได้ลิ้มรสความร้ายกาจของสะใภ้รองผู้นี้แล้วจริงๆ จึงไม่กล้ามีใจดูแคลนอีก เพียงใช้มือกอดขาสะใภ้รองแน่น อ้อนวอนอย่างสุดชีวิต ให้ตายก็ไม่ยอมคลายมือ ตอนนี้นางไม่กล้าขอร้องคุณชายรองเด็ดขาด กระทั่งมองยังไม่กล้ามองเขาด้วยซ้ำ
หวังอี๋เหนียงกับเฉินอี๋เหนียงต่างคุกเข่าลงด้วย ขอความเมตตาจากสะใภ้รอง
หลี่เมิ่งซีเพียงยืนสุขุมอยู่ตรงนั้นไม่พูดจา นางกำลังรอ…รอให้เซียวจวิ้นถอนคำพูดเมื่อครู่นี้ อี๋เหนียงเป็นเพียงบ่าวเท่านั้น คุกเข่านานหน่อยจะเป็นอะไรไป ที่สำคัญคือเซียวจวิ้นต่างหาก จำต้องให้เขาเอ่ยปากเรื่องนี้จึงจะยุติ ในเมื่อขัดแย้งกันแล้ว ย่อมไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้จบลงแบบไม่ชัดเจนได้
เซียวจวิ้นคิดอะไรไม่ออกชั่วขณะ ไม่รู้จะยุติเรื่องนี้อย่างไร แต่เขาไม่มีทางพูดเสียงอ่อนกับหลี่เมิ่งซีแน่ นางก็แค่สตรีคนหนึ่งเท่านั้น จะปล่อยให้นางใหญ่คับฟ้าอย่างนั้นรึ!
เขานั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงนั้น เห็นอี๋เหนียงทั้งสามคุกเข่าลงหมดแล้ว หลี่เมิ่งซียังไม่ยอมเอ่ยปากอะไรอีก นางทำให้เรื่องบานปลายเกินไปแล้วจริงๆ ในใจจึงยิ่งชิงชังนาง
เซียวจวิ้นตบโต๊ะดังปัง เขวี้ยงถ้วยชาในมือลงกับพื้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าหลี่เมิ่งซี แล้วจ้องนางเขม็งพร้อมประกายเย็นเฉียบที่สาดวูบออกมา พูดย้ำชัดทีละคำ “หลี่เมิ่งซี ต่อให้ย้ายดอกไม้ทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้องเจ้า ข้าก็ไม่มีทางแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายนิ้ว!”
“หงอวี้ ย้ายหงซินเจียวของจางอี๋เหนียงไปที่สวนดอกไม้ด้านหลัง” เซียวจวิ้นหันไปสั่งหงอวี้และเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง
หงอวี้รีบรับคำ เดินตามหลังเขาออกไป
เห็นคุณชายรองเอ่ยคำพูดแล้ว ทุกคนก็โล่งอก จางอี๋เหนียงทรุดฮวบลงกับพื้น ไม่เหลือท่าทีหยิ่งทระนงเฉกเช่นเมื่อครู่นี้อีก ทุกคนเห็นคุณชายรองโกรธ แต่ละคนจึงคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดัง สาวใช้สองคนย่องเข้าไปเก็บกวาดถ้วยน้ำชาบนพื้น
หงซิ่งลอบอุทานในใจว่าตนเองโชคไม่ดี บ่าวคนอื่นติดตามเจ้านายแล้วมีหน้ามีตาทั้งนั้น ทว่าพวกตนติดตามสะใภ้รองผู้นี้ วันทั้งวันกลับมีแต่เรื่องอกสั่นขวัญหาย ต้องถูกด่าถูกตีไปพร้อมกับนาง ไยชีวิตนางจึงอาภัพเช่นนี้หนอ เดิมทีคิดว่าคุณชายรองเป็นว่าที่ประมุขคฤหาสน์สกุลเซียว ติดตามคุณชายรองแล้ว วันหน้าย่อมได้ลืมตาอ้าปาก ไม่คิดว่าคุณชายรองจะแต่งงานกับสตรีที่ไม่รู้จักสำรวมเลยสักขณะเดียว นี่เพิ่งแต่งเข้ามาไม่กี่วันก็อาละวาดจนเรือนหลังวุ่นวายไม่สงบ คุณชายรองมีกิริยามารยาทดีที่สุดในคฤหาสน์สกุลเซียวแล้วแท้ๆ ยังถูกนางยั่วโมโหจนขาดการควบคุมได้
ส่วนหลี่เมิ่งซีเห็นเซียวจวิ้นเอ่ยปากในที่สุด อี๋เหนียงทั้งหลายก็สำรวมลงแล้ว นางจึงกลับมานั่งที่
สาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ใหม่แล้ว หลี่เมิ่งซีจึงยกน้ำชาขึ้นดื่ม เปิดฝาถ้วยเป่าเล็กน้อยและจิบคำหนึ่ง พูดมานานก็รู้สึกกระหายน้ำแล้วจริงๆ นางวางถ้วยชาลงเบาๆ ก่อนจะหันไปมองอี๋เหนียงทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น พูดเสียงเบาเนิบช้า “ลุกขึ้นเถอะ บนพื้นมันเย็น ร่างกายของอี๋เหนียงนั้นมีค่า ถูกความเย็นเข้าจะไม่ดี”
เหล่าอี๋เหนียงลอบคิดในใจ กลัวพวกเราจะถูกความเย็น แล้วเมื่อครู่เจ้ามัวไปทำอะไรอยู่เล่า
หลี่เมิ่งซีเห็นจางอี๋เหนียงยังนั่งเหม่ออยู่ที่เดิมจึงเงยหน้าพูดกับหลิงเอ๋อร์สาวใช้ประจำตัวของจางอี๋เหนียง “ยังไม่รีบประคองอี๋เหนียงของพวกเจ้าขึ้นมาอีก ไม่มีตาหรือไร หากจางอี๋เหนียงเป็นอะไรไป ระวังหนังของพวกเจ้าให้ดีเถอะ!”
หลิงเอ๋อร์คิดในใจ หากอี๋เหนียงของพวกเราเป็นอะไรไปจริงๆ ก็เพราะท่านต่างหาก ไยจึงมาโทษพวกเราเล่า กล้าโกรธกลับไม่กล้าพูด นางรีบก้าวเข้าไปประคองจางอี๋เหนียงขึ้นมา
หลี่เมิ่งซีเห็นอี๋เหนียงทั้งหลายลุกขึ้นมายืนอยู่สองฝั่งแล้วจึงเอ่ยว่า “วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันแล้ว กลับไปก่อนเถอะ อาหารกลางวันกับอาหารเย็นไม่ต้องมาปรนนิบัติแล้ว” พูดพลางโบกมือให้ทุกคนออกไปและหันไปพูดกับหงซิ่งที่อยู่ด้านข้าง “ไปสั่งการ วันนี้สายแล้ว ไม่ต้องให้แม่นางน้อยทั้งหลายมาคารวะ”
หงซิ่งรับคำ ก่อนจะออกไปสั่งสาวใช้รุ่นเล็กให้ไปถ่ายทอดคำสั่ง
หลี่เมิ่งซีรู้สึกเหนื่อยแล้วจริงๆ หลังจากไล่ทุกคนออกไปแล้ว นางก็เอนร่างที่นั่งจนแข็งทื่อกับพนักพิงเก้าอี้และหลับตาลง
เรื่องที่ทำให้หลี่เมิ่งซีปวดหัวคือการที่คนสองคนซึ่งเข้ากันไม่ได้ถึงเพียงนี้ถูกผูกให้อยู่ด้วยกันถึงครึ่งเดือน นี่มิใช่เรื่องน่ายินดีเลยจริงๆ นางไม่อยากตื่นมาแล้วร่างกายแข็งทื่อไปครึ่งซีกทุกเช้า ต้องคิดหาวิธีย้ายออกไปให้ได้